Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Aleksey Konstantinovich Tolstoy

อเล็กซี คอนสแตนตินโนวิช ตอลสตอย (Алексей Константинович Толстой)
กวี และนักเขียนนวนิยาย
 
เคานต์ อเล็กซี (Count Aleksey) เกิดเมื่อวันที่  5 กันยายน  1817(24 สิงหาคม ปฏิทินเดิม) ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ในตระกูลตอนสตอย ที่มั่งคั่ง มารดาชื่อ แอนนา (Anna Perovskaya) เป็นผู้หญิงที่สวยงดงามมาก ส่วนบิดาคือเคานต์ คอนสแตนติน ตอลสตอย (count Konstantin Tolstoy) เป็นนายทหารชั้นนายพล ชีวิตแต่งงานของทั้งคู่จบลงอย่างรวดเร็ว หลังจากอเล็กซี เกิดขึ้นมาเพียงแค่หกสัปดาห์ พ่อแม่ของเขาก็หย่าจากกันในเดือนตุลาคม หลังจากหย่าแล้วแอนนาพาลูกชายของเธอ ไปอาศัยอยู่กับพี่ชายที่ยูเครน ในหมู่บ้านเล็กๆ ทำให้วัยเด็กของเขาเติบโตมาในบ้านของลุง ที่ชื่ออเล็กซี เปรอฟสกี (Aleksey Perovsky) ซึ่งมีอิทธิพลและส่งเสริมให้เขาสนใจในการเขียนบทกลอนและงานด้านการเขียน
1826 ตอนอายุได้ 8 ปี อเล็กซี พร้อมด้วยแม่และลุง ย้ายมาอาศัยอยู่่ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ซึ่งอเล็กซีได้รู้จักกับซาร์อเล็กซานเดอร์ ที่  2 ขณะทรงพระเยาว์อยู่ อเล็กซีกลายเป็นเพื่อนเล่นใวัยเด็กกับพระองค์ และในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีนี้เขายังได้มีโอกาสพบกับพุ็ชกิ้นเป็นคร้้งแรกด้วย
1927 ในฤดูร้อนครอบครัวเขาเดินทางไปยังเยอรมัน และตอนอยู่ในเมืองเวียร์มาร์ (Weimar) เขาได้มีโอกาสพบกับเกอเธ (Goethe) ซึ่ง เอ.เค. ตอลสตอย เอามาเขียนเล่าในหนังสือชีวประวัติของเขาถึงความใจดีของเกอเธ และโอกาสที่เขาได้เข้าไปอยู่ในห้องทำงานของเกอเธ ซึ่งเกอเธ ได้มอบชิ้นส่วนฟันของแมมมอธให้กับอเล็กซี โดยแลกกับภาพวาดที่อเล็กซีเขียนขึ้น
1834 เขาสมัครเข้าเรียนที่หอหมายเหตุกระทรวงต่างประเทศ ( Moscow Foreign Ministry State Archive) ในฐานะนักศึกษา ก่อนที่ในปีถัดมาเขาจะเข้าสอบกับมหาวิทยาลัยมอสโคว์ เพื่อขอใบรับรองการศีกษา
1835 ลุงของเขาเสียชีวิต ระหว่างอยู่ในวอร์ซอร์ด้วยโรควัณโรค ทำให้เขาได้รับมรดกในบ้านของลุงที่  Krasny Rog , หลังจากงานศพของลุงแล้ว ไม่นาน เอ.เค. ตอลสตอย ก็ได้งานที่กรมสติถิและเศรษฐศาสตร์ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก (Economic Affair and Statistics Deparment) 
1837 ร่วมทีมเดินทางไปกับคณะทูตไปที่แฟรงเฟริต์ ซึ่งเขาอาศัยอยู่ที่เมืองนี้กว่าสองปี แม้ว่าจะไม่ค่อยชอบงานนี้มากนักเพราะอยากที่จะเป็นนักเขียน แต่เพราะกลัวว่าแม่จะเสียใจก็เลยทำงานต่อไป โดยที่ยังเขียนบทกวีออกมาเรื่อยๆ และใช้เวลาว่างอื่นไปดูหนัง หรือเดินทางไปประเทศใกล้เคียงอย่างอิตาลีและฝรั่งเศส ช่วงเวลานี้ที่เขาเริ่มเขียน Vurdalak’s Family(1839) กับ Three Hundred Yeas On ซึ่งเขียนเป็นภาษาเยอรมัน แต่ว่ามันถูกตีพิมพ์เป็นภาษารัสเซียหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว
1840 ปลายปี เขาได้ย้ายกลับมายังมอสโคว์ โดยทำงานในสภารัฐมนตรี (Imperial State Chancellery 2nd Department) ในปีนี้มีผลงานเขียนบทกวีเผยแพร่ออกมาบ้าง
1841 มีผลงานเขียนที่ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของเขาในฐานะนักเขียน โดยเป็นนวนิยายเรื่อง The Vampire โดยที่เขาพิมพ์มันออกมาโดยใช้นามปากกา Krasnorogsky (มาจาก Krasny Rog บ้านของเขา)
1843 หนังสือบทกวีของเขาชื่อ Serebryanka พิมพ์ออกมา
1850 เอ.เค ตอลสตอย และญาติของเขา อเล้กซี เชมชูซนิคอฟ (Aleksey Zhechuzhinkov) ร่วมกันเขียนงานในแนวตลก ชื่อ Fantasy โดยใช้นามปากกา Y และ Z มันถูกสร้างเป็นละครเวทีในวันที่ 8 มกราคมปีถัดมาที่โรงละครอเล็กซานดินสกี (Alexandrinsky Theatre) แต่ว่าไม่ได้รับความชื่นชมเท่าไหร่เพราะบทสนทนาและเนื้อหาที่สับสน ซึ่งแม้แต่ซาร์นิโคลัส ที่ 1 ซึ่งเข้าชมด้วย ก็ทรงเดินออกจากโรงละครก่อนที่เรื่องจะจบ
แต่ว่าหลังจากนั้น เขา ร่วมกับพี่น้องเซมชูซนิคอฟ 3 คน ร่วมกันเขียนงานชิ้นใหม่ๆ โดยใช้นามปากกากว่า Kozma Protkov
1851 เขาได้พบกับโซเฟีย มิลเลอร์ (Sophia Andreyevna Miller)   ระหว่างไปชมการแสดงที่โรงละครบอลชอย เขาตกหลุมรักเธอในทันที เธอเป็นผู้หญิงสวย และมีความสามารถในการพูดในถึง 14 ภาษา มีอารมณ์ศิลป์ แต่ว่าในตอนนั้นเธอแต่งงานแล้ว มีสามีเป็นทหาร ทำให้เขาต้องใช้เวลารอกว่า 12 ปีก่อนที่จะได้แต่งงานกัน แต่ว่าระหว่างนี้พวกเขากลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และ เอ.เค ตอลสตอย ก็เขียนบทกวี และเพลง หลายชิ้นที่หมายถึงโซเฟีย อย่าง My dear bluebells, Amidst the ball uproar, The wind from high up-it is not
1853s ช่วงที่เกิดสงครามไครเมีย (1853-1856) ช่วงต้นสงครามนั้นเขาป่วยจนเกือบเสียชีวิต แต่ว่าหลังจากหายดีแล้ว ได้รวมในสงคราม โดยทำหน้าที่ฝึกทหารอาสาอยู่ในแถบบอลติก 
1854 ในหนังสือแม็กกาซีน The Contemporary ได้พิมพ์ผลงานของ คอซม่า โปรตคอฟ ซึ่งเขาและเพื่อนไม่เพียงแต่เขียนบทกวีลงเท่านั้น แต่ยังได้สร้างประวัติให้กับคอซมา โปรตคอฟราวกับว่ามีตัวตนจริงๆ โดยให้ โปรตคอฟเกิดในวันที่  11 เมษายน 1801 ทำงานเป็นข้าราชการ 1820 เข้ารับราชการทหาร , 1823 ทำงานใหักับกรมมาตรวัด จนกระทั้งเสียชีวิตในวันที่ 13 มกราคม 1863
1855 มีนาคม ระหว่างประจำการอยู่ในกองทัพ ขณะอยู่ในเมืองโอเดสสา เขาได้ล้มป่วยลงด้วยโรคไทฟอยด์ จนเกือบจะเสียชีวิต แต่ว่าเดือนพฤษภาคมเขาหายดี ก็ได้กลับเข้าประจำการอีกครั้ง ตอนที่เขาป่วยนั้น โซเฟีย มิลเลอร์ ทำหน้าที่คอยปฐมพยาบาลให้กับเขา ในขณะที่พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ก็ห่วงใยเขามาก ทรงส่งโทรเลขมาถามอาการของเพื่อนในวัยเยาว์เกือบจะทุกวัน
1856 หลังสงครามไครเมีย ซาร์อเล็กซานเดอร์ ที่ 2 ได้ทรงแต่งตั้งให้เขาเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์
1861 เกษียรออกจากราชการ เขากลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านของเขา ซึ่งเขาจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านเกือบตลอด ยกเว้นในช่วงฤดูหนาวจะออกเดินทางไปต่างประเทศ ทั้งอิตาลี เยอรมันและฝรั่งเศส
หลังเกษียรแล้วเขาให้ความสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มาก และ Prince Serebrenny นิยายเชิงประวัติศาสตร์ ที่แสดงการต่อสู้ระหว่างผู้ปกครองในศูนย์กลางอำนาจกับฝ่ายตกข้ามที่เป็นคนยากจน ซึ่งตัวละครหลักถอดลักษณะของอีวาน ที่ 4 (Ivan The Terrible) กลายเป็นผลงานอมตะของเขาที่ได้รับความนิยม หนังจากนั้นเขาก็มีผลงานด้านประวัติศาสตร์อีกหลายเรื่อ อย่าง  The Death of Ivan The Terrible (1864), Tsar Fyodor Ioannovich(1868) , Tsar Boris (1870)
1875 เขาเสียชีวิตภายในบ้านของเขาขณะอายุเพียง 58 ปี ในวันที่ 10 ตุลาคม 1875 สาเหตุของการเสียชีวิตมาจากการใช้มอร์ฟีนมากเกินไป
Don`t copy text!