Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Alexander Guchkov

อเล็กซานเดอร์ กุชกอฟ (Александр Иванович Гучков)

ผู้นำและผู้วางแผนการปฏิวัติกุมภาพันธ์ 1917, ประธานสภาดูม่า และรัฐมนตรีสงครามในยุครัฐเฉพาะกาล
ตอนเขาเกิดนั้นครอบครัวมีฐานะที่มั่งคั่งแล้ว แต่บรรบุรุษของเขาเป็นแค่เกษตรกรธรรม ทวดของเขา(Fyodor Alekseevich) เป็นชาวนา ก่อนที่จะย้ายมาทำงานเป็นแรงงานในโรงงานทอผ้า จากนั้นก็เริ่มทำธุรกิจทอผ้าของตัวเอง ส่วนปู่ (Efim Fedorovich) รับสืบทอดธุรกิจจากบิดา และสร้างสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาเคยได้รับเบือกให้เป็นผู้ว่าการเมืองมอสโคว์ด้วย
กุชกอฟเกิดวันที่ 14  ตุลาคม 1862 (ปฏิทินเก่า) พ่อของเขาชื่ออีวาน (Иван Ефимович) และแม่เป็นชาวฝรั่งเศสชื่อว่าโคราลี (Coralie Vake , Корали Петровна Вакье) เขามีพี่ชาย 2 คน และน้องชาย 1 คน ชื่อ นิโคไล, ฟีดอร์ และคอนสแตนติน
1881 สำเร็จการศึกษาจากยิมเนเซียมหมายเลข 2 ในมอสโคว์ จากกนั้นเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยมอสโคว์
1886 เรียนจบทางด้านประวัติศาสตร์และปรัชญา จากนั้นได้เดินทางไปศึกษาดานกฏหมายระหว่างประเทศ เศรษศาสตร์การเมือง กฏหมายการเงินและกฏหมายแรงงานในเบอร์ลิน , มหาวิทยาลัยเวียนนา และมหาวิทยาลัยไฮเดนเบิร์ก และได้ทำงานเป็นนักกฏหมายอยู่ในมอสโคว์
1893 เป็นสมาชิกขององค์การบริหารกรุงมอสโคว์
ในช่วงสงคราม Boer ครั้งที่ 2 (1899-1902) เขาได้ร่วมเป้นทหารอาสาด้วย ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บและถูกจับตัวเป็นเชลย
1895 เดินทางร่วมกับพี่ชายไปยังอาณาจักรออตโตมาน เพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมแก่ชาวอาร์เมเนีย ที่เวลานั้นถูกกดขี่และเข่นฆ่าอย่างหนัก เขาร่วมแถลงการณ์เพื่อประณามรัฐบาลตุรกีด้วย
1898 เดินทางไปตะวันออกไกลของประเทศ และทำงานให้กับบริษัท Chinese Eastern Railway แต่ว่าในปีต่อมาเขาก็ออกจากงาน และเดินทางไปในหลายประเทศทั้งจีน มองโกล เอเชียกลางก่อนที่จะกลับรัสเซีย
1899 เดินทางพร้อมพี่ชาย Guchkov Fl ไปยัง Transvaal ร่วมต่อสู้เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชของ Boer ในสงคราม Boer War ครั้งที่สอง แต่ว่าเขาถูกจับได้โดยทหารอังกฤษ และถูกขังคุกอยู่ช่วงหนึ่ง
1901 ทำงานให้กับธนาคาร Moscow Discunt Bank อยู่ในตำแหน่งนี้จนปี 1908 , และบริษัทประกันวินาศภัย 
1903 เดินทางไปยังมาเซโดเดีย และร่วมกับประชาชนในท้องที่่ในการลุกฮือขับไล่จักรวรรดิออตโตมาน
1904 ในสงครามรัสเซีย และญี่ปุ่น เขาได้ทำงานให้กับสภากาชาดในการช่วยเหลือกองทัพในแมนจูเรีย ซึ่งต่อมาตัวเขาเองได้รับบาดเจ็บ และถูกทหารญี่ปุ่นจับตัวไว้ได้ ก่อนที่ญี่ปุ่นจะยอมปล่อยตัวกลับรัสเซีย
1906 เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคออคโต้ (Octo ~ Octobrist Party , Октябристы) ซึ่งเป็นพรรคสายกลางเสรีนิยม ก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับเสนอตำแหน่งให้เป็นรัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรม โดยนายกวิตตี้ (Witte) แต่ว่าเขาปฏิเสธ 
1907 ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาดูม่า ซึ่งพรรคของเขาให้การสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี สโตไลปิน (Stolypin)
1910 8 มีนาคม 1910- 14 มีนาคม 1911 เป็นประธานสภาดูม่า
1911 การเสียชีวิตของนายกรัฐมนตรีสโตไลปิน(Pyotr Stolypin)  ซึ่งเป้นเพื่อนของเขาน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาต่อต้านพระเจ้าซาร์ นิโคลัส ที่  2 เพราะบางส่วนในขณะนั้นเชื่อกันว่าพระเจ้าซาร์เป็นผู้วางแผนสังหารสโตไลปินเอง ทำให้กุชเชฟ ผิดหวังกับระบบการบริหารและต่อต้านรัสปูติน และซาร์ดินาอเล็กซานดร้า … เขาถึงกับพูดต่อว่ารัสปูติน ว่าเป็นต้นเหตุให้ศาสนาตกอยู่ในอันตราย แต่ว่ารัสปูตินไม่ได้ทำคนเดียว แต่รัสปูตินได้รับการสนับสนุนจากแก็งข้าหลัง…
1914 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้กลับไปทำงานให้กับสภากาชาต
1915 เป็นประธานคณะกรรมการกิจการอุตสาหกรรมการทหาร (Military Industrial Committee)
1917 การปฏิวัติกุมภาพันธ์ (ปฏิทินเดิม) กุชคอฟเป็นแกนนำริเริ่มในการวางแผนการจับตัวพระเจ้าซาร์นิโคลัส เพื่อบังคับให้ทรงสละราชสมบัติ โดยร่วมกับนายพลระดับสูง อย่าง Michael V. Alexeev, Nikolai V. Ruza ตัวเขานั้นได้บอกเอาไว้ภายหลังจากหนีออกจากรัสเซียว่า มีการวางแผนมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 1916 แล้ว โดยจะบังคับให้ซาร์ทรงมอบบัลลังค์ให้กับเจ้าชายอเล็กซี 
 ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของสภาดูม่า และได้เป็นรัฐมนตรีสงครามของรัฐบาลเฉพาะกาล จนกระทั้ง 29 เมษายน ซึ่งเขาถูกบีบให้ต้องลาออก เพราะประชาชนไม่พอใจที่รัฐบาลยังต้องการทำสงครามโลกต่อไป โดยบอลเชวิคได้นำจดหมายของมิลยูกอฟ ( Milyukov’s note) มาโจมตี เขาหันไปให้การสนับสนุนนายพลคอร์นิลอฟ (Lavr Kornilov) แต่เมื่อความพยายามปฏิวัติในวันที่  19 สิงหาคม คอร์นิลอฟ ล้มเหลว กุชคอฟ ก็ถูกจับด้วย ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวไม่กี่วันต่อมา
หลังจากนั้นเขาได้ปลอมตัวเพื่อหลหนี โดยมุ่งไปยัง Krasnoday ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใต้อิทธิพลของกองทัพอาสาสมัคร (Volunteer Army) ใต้การนำของนายพลเดนิกิน (Anton Denikin)
1919 นายพลเดนิกิ้น ส่งเขาเป็นผู้แทนไปยยังยุโรป เพื่อคุยกับประเทศสัมพันธมิตร ( Entente) เขาได้เข้าพบกับประธานาธิบดีเรย์มอน (Raymond Poincare) และนายกรัฐมนตรีเชอร์ชิล (Winston Churchill) แห่งอังกฤษ เพื่อขอการสนับสนุนทางการทหารแก่กองทัพขาว
1921-1923 ในสงครามกลางเมืองในรัสเซีย  เขาอาศัยอยู่ไปมาระหว่างเบอร์ลินและลอนดอน เพื่อหาการสนับสนุนให้แก่กองทัพขาว เขาให้เกินกู้กับสำนักพิพม์ Slovo (СЛОВО , Berlin) ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ที่ประสบความสำเร็จในการทำกิจการพิมพ์หนังสือในภาษารัสเซียในเยอรมัน ปี 1921 ตอนอยู่ในเยอรมัน เขาถูกลอบทำลายโดยผู้สนับสนุนพระเจ้าซาร์ ชื่อเซอร์เกย์ (Sergey Taboritsky) แต่ว่ารอดมาได้
1936 ชีวิตช่วงสิบปีสุดท้ายของเขาหลังจากกองทัพขาวแพ้ไปแล้วนั้น เขาอาศัยอยู่ในปารีสเป็นส่วนใหญ่ 
ภรรยาของเขามีชื่อว่า แมรี (Mary Ilyinichna Zilotti,Мария Ильинична Зилотти ) ลูกชายชื่อเลฟ (Leo, 1905-1916) และลูกสาวของเขามีชื่อว่าเวร่า ( Vera Alexandrovna Guchkov,1906-1987) 
เวร่าตกหลุมรักกับเจ้าหน้าที่สายลับของโซเวียต คอนสแตนติน (Konstantin Rodzevich ) เธอเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งปารีส ในปี 1932
กุชกอฟ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งลำไส้ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 1936 
Don`t copy text!