Georgi Plekhanov

ส่วนแม่ชื่อมาเรีย (Maria Feodorovna) เป็นภรรยาคนที่สองของวาเลนติน แต่งงานกันในปี 1855 หลังการเสียชีวิตของภรรยาคนแรกของเขา เปลคานอฟเป็นลูกชายคนโต ในบรรดาพี่น้องห้าคนที่เกิดจากมาเรีย

1866 เข้าเรียนหนังสือที่สถาบันทหารคอนสแตนตินอฟ (Konstantinov Military Academy) ในเมืองโวโรเนซ (Voronezh)

1871 พ่อของเขาเข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในสำนักงานของรัฐในเมือง Zemstvo

1876 เปลคานอฟ  ร่วมกิจกรรมทางการเมืองมาตั้งแต่ยังหนุ่ม เขาเป็นหนึ่งในผู้นำกิจกรรมของกลุ่ม Land and Liberty ( Земля и воля ) ซึ่งเป็นกลุ่มทางการเมืองกลุ่มแรกในประเทศรัสเซีย พวกเขาจัดกิจกรรมปราศรัยในที่สาธารณะ โดยเฉพาะบริเวณจตุรัสคาซาน (Kazan square) ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ซึ่งมีการจัดการเดินขบวนครั้งใหญ่ในวันที่  6 ธันวาคม  ซึ่งทำให้เปลคานอฟถูกจับถึงสองครั้งในปี 1877 และ 1878 จากการต่อต้านพระเจ้าซาร์และขุนนาง แต่ว่าทั้งสองครั้งก็ถูกขังคุกเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะปล่อยตัวออกมา

1879 Land and Liberty แตกออกเป็นสองฝ่าย โดยที่กลุ่มใหญ่สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยอาศัยการก่อการร้าย ลอบสังหารเจ้าหน้าที่รัฐ เรียกว่ากลุ่ม People’s Will ในขณะที่เปลคานอฟ แยกมาตั้งเป็นกลุ่ม Black Repartition ( Чёрного передела)ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้วิถีการก่อการร้าย แต่อาศัยการโฆษณาชวนเชื่อในหมู่ของชาวนาและแรงงานเป็นสำคัญ

1880 มกราคม ถูกเนรเทศออกจากรัสเซีย ทำให้เขาเดินทางมาอาศัยในสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเขาอาศัยอยู่ที่ประเทศนี้ยาวนานกว่าจะได้รับอนุญาติให้กลับประเทศในปี 1894 ระหว่างนี้เขาใช้เวลาในการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง

1882 แปล Communist Manifesto ของมาร์ซ และแองเกิ้ล มาเป็นภาษารัสเซีย

1883 เข้าร่วมกลุ่มกับเปเวล อเซลรอด (Pavel Axelrod) เพื่อนเก่าของเขา วาสิลี อินาตอฟ (Vasily Ignatov) เวร่า ซาสุลิช (Vera Zasulich) และ เลฟ ดอยซ์ (Lev Deutsch) ในการก่อตั้งกลุ่ม Liberation of Labour ( Освобождение труда)  ซึ่งเป็นกลุ่มนิยมลัทธิมาร์ซ กลุ่มแรกของคนที่พูดภาษารัสเซีย พวกเขาเห็นว่าการปฏิวัติโดยกรรมชีพและชาวนาเป็นสิ่งที่จำเป็น หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับการสร้างทุนนิยมขึ้นมาในหมู่เกษตรกรรมในรัสเซีย

ปี 1883 นี้ เปลคานอฟ เขียนบทความที่มีชื่อเสียงของเขา ในหัวข้อ Socialism and Political Struggle

1885 พิมพ์หนังสือชื่อ Our Differences (Наши разногласия)

1895 On the Development of the Monist View of History(К развитию монистического взгляда на историю)

1900 เปลคานอฟ , อเซลรอด , ซาสุลิซ และคนอื่นๆ รวมทั้งเลนิน ได้ร่วมกันก่อตั้งหนังสือพิมพ์ Iskra (The Spark) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่แนวคิดมาร์ซิส และยังเป็นเครื่องช่วยในการรวมศูนย์ของผู้นิยมแนวคิดแบบเดียวกันแต่ยังไม่รวมตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อนให้มาร่วมมือกัน 

1903 ในการประชุมใหญ่พรรค RSDLP ครั้งที่ 2 พรรคแตกออกเป็นบอลเเเชวิค และเมนเชวิค , เปลคานอฟ นั้นเลือกที่จะอยู่ฝ่ายเมนเชวิค โดยที่เปลคานอฟนั้นยังควบคุมหนังสือพิมพ์ Iskra อยู่ และใช้มันในการโจมตีฝ่ายบอลเชวิค เขาทำนายว่าถ้าเลนินและบอลเชวิคปฏิวัติได้สำเร็จและมีอำนาจ รัสเซียจะกลายเป็นระบบเผด็จการคอมมิวนิสต์

1905 เปคลานอฟ ต่อว่าฝ่ายบอลเชวิคและเลนิน ในการพยายามปฏิวัติที่ล้มเหลวว่าเป็นเพราะ บอลเชวิคมองข้ามทฤษฏีที่ว่าก่อนที่จะเป็นสังคมนิยมได้นั้นต้องสร้างระบบทุนนิยมขึ้นมาเสียก่อน 

1914 เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 เขากลายเป็นผู้สนับสนุนฝ่าย Entente (รัสเซีย,อังกฤษ,ฝรั่งเศส) ในการทำสงครามกับเยอรมัน เพราะเห็นว่าหากเยอรมันเป็นฝ่ายชนะจำทำให้ชนชั้นกรรมชีพในยุโรปสูญหายไป เขายังก่อตั้งกลุ่มการเมืองเล็กๆ ที่ตัวเขาเองเป็นหัวหน้า ชื่อ Edinstvo (Единство~Unity) ซึ่งมีหนังสือพิมพ์ชื่อเดียวกันออกมาก ซึ่งโจมตีเลนิน ว่าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งการปฏิวัติ (Alchemist of revolution) และเป็นสายลับของเยอรมัน

1917 เปลคานอฟ เรียกร้องให้รัฐบาลเฉพาะกาลขณะนั้น ใช้กำลังลงโทษพวกบอลเชวิคอย่างรุ่นแรง เขาประณาม April Theses ของเลนินว่า ไร้สาระหลังซึ่งฟลัง บอลเชวิคทำการปฏิวัติตุลาคมในรัสเซียสำเร็จ  เปลคานอฟ ต้องเดินทางออกจากประเทศรัสเซีย เพื่อหนีฝ่ายบอลเชวิคที่เขาเคยต่อว่าเอาไว้

1918 เขาเสียชีวิตด้วยโรควัณโรค ในวันที่ 30 พฤษภาคม ขณะอายุ 60 ปี ในเมืองเตริโจกิ (Terijoki) ในฟินแลนด์ และถูกฝังที่สุสาน Volkovo cemetery ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะขัดแย้งกับเลนิน แต่ผลงานเขียนของเขาได้รับการยอมรับจากเลนินและรัฐบาลโซเวียต ในการเผยแพร่ มันถูกจดจำว่ามีคุณค่า และเขาได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดแบบมาร์กซิสคนสำคัญคนหนึ่ง

ภรรยาของเขาชื่อว่า โรซ่าลี (Rosalie Markovna Bograd,  Розалии Марковне Боград) มาจากครอบครัวเชื้อสายยิว มีฐานะ พวกเขา มีลูกสาวด้วยกันถึงสี่คน