Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Andrey Bely

photo : wikipedia.org

อันเดร เบลี่ (Андрей Белый)

 นักเขียนเจ้าของผลงานเรื่อง Peterburg

ชื่อจริงของเขาคือ บอริส นิโคลาเยวิช บุกาเยฟ (Борис Николаевич Бугаев, Boris Nikolaevich Bugaev) เกิดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 1880 ในมอสโคว์ พ่อของเขาชื่อ นิโคไล บุกาเยฟ เป็นศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมอสโคว์ เป็นอธิการบดีคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งก่อตั้ง Moscow School of Mathematics
ส่วนแม่ชื่อว่าว อเล็กซานดร้า (Aleksandre Dmitrievna Egorova) 
ตอนเด็ก เบรี่ เรียนหนังสืออยู่กับบ้าน ก่อนที่จะเข้าเรียนที่โบลิวานอฟ จิมเนเซี่ยม (Polivanov gymnasium) ในปี 1891-1899 ซึ่งเขาแสดงความสนใจในด้านปรัญชาและวรรณกรรมมาตั้งแต่เล็ก และเมื่อตอนอายุ 15 ปี ได้มีโอกาสรู้จักกับครอบครัวของกวี มิคาอิล โซลอฟยอฟ (Mikhail Solovyov), วลาดิมีร์ โซลอฟยอฟ (Vladimir Solovyov) ซึ่งเบลี่ไปที่บ้านของพวกเขาบ่อยๆ เพื่อศึกษาศิลปะและปรัชญา โดยที่มิคาอิล เป็นคนตั้งนามปากกา อันเดร เบลี่ ให้กับ บุกาเยฟ
1901 เข้าร่วมกลุ่มของผู้นิยมสัญลักษณ์ศาสตร์ ร่วมกับ บรัวซอฟ (Bryusov) , บัลมอนต์ (Balmont) ที่มีชื่อกลุ่มว่า Argonauts (เป็นชื่อของกลุ่มนักรบในตำนานกรีก ที่ขึ้นเรือชื่อ Argo ออกตามหาขนแกะทองคำ) 
1902 Second Symphony (The Northern Symphony) เป็นผลงานสำคัญชิ้นแรกของเขา เขียนในแนวของบทกวี
1903 เรียนจบจากมหาวิทยาลัยมอสโคว์ ในสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ
1904 สมัครเข้าเรียนในคณะประวัติศาสตร์และปรัญชา แต่่ว่าเรียนได้แค่ปีเดียวก็หยุดเรียน เนื่องจากอยากจะทำงานเขียนอย่างเต็มตัว ในปีนี้มีผลงานรวมบทกวีที่เขาแต่ง ชื่อ Gold In Azure
1905่ ช่วงการปฏิวัติในรัสเซีย มีผลต่องานเขียนของเบลี่มาก เขาเริ่มหันไปสนใจการเขียนบทกวีที่เกี่ยวข้องกับสังคมมากขึ้น โดยได้รับอิทธิพลจากนิโคไล เนกราซอฟ (Nikolay Nekrasov) ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกผลงานในแนวนี้ และยังสนใจปรัญชานีโอ คานเทียน ( Neo-Kantian, เร่ิมโดย Immanuel Kant)
ช่วงนี้เขายังมีความสัมพันธ์รักแบบซับซ้อน กับ ลัวบ้า (Lyuba Dmitreivna Mendeleena) ภรรยาของอเล็กซานเดอร์ บล็อค และเบรี่ต้องเดินทางไปต่างประเทศนานกว่า 2 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาของทั้ง 3 คน เขากลับมารัสเซียอีกครั้งในปี 1909
1910 คบหาอยู่กับอัสย่า เตอร์เกเนว่า  (Asya, Anna Alekseevna Turgeneva)ทั้งคู่ใช้เวลาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันบ่อยครั้งทั้งในยุโรปและตะวันออกกลาง 
1912 ในเบอร์ลิน เขาหลงไหลในงานของรูดอล์ฟ สเตียเนอร์ (Rudolf Steiner) ซึ่งเขากลายมาเป็นทั้งสาวกและเพื่อนของสเตียเนอร์   สเตียเนอร์เป็นผู้ก่อตั้งคำสอนแบบแอนโธรโปโซฟี (Anthroposophy) ซึ่งสอนเรื่องการพัฒนาจิตใต้สำนึก รวมถึงความเชื่อเรื่องวิญญาณ
1913 Petersburg (Петербурт) เป็นนวนิยายแนวสัญลักษณ์ศาสตร์ ซึ่งถูกยกให้เป็นผลงานที่ดีที่สุดของเบลี่ , หนังสือเล่าถึงนักปฏิวัติหนุ่ม ชื่อ นิโคไล ที่อาศัยในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ซึ่งเขาได้รับคำสั่งให้สังหารพ่อของเขาเอง ที่เป็นข้าราชการระดับสูงในราชสำนักของซาร์ , เรื่องปีเตอร์เบิร์ก ไม่ได้รับความสนใจจากตะวันตกมากในระยะแรก มันถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษหลังจาก 45 ปีผ่านไปนับแต่ตีพิมพ์ โดยจอห์น คัวนอส (John Cournos) แต่นักเขียนอย่าง วลาดิมีร์ เนโบกอฟ  (Vladimir Nabokov) ยกย่องว่าเป็นผลงานที่ดีเล่มหนึ่งของศตวรรษที่ยี่สิบ
1914 เมื่อสงครามโลกเริ่มขึ้น เขายังคงอยู่ในสวิสฯ ซึ่งขณะนั้นสเตียเนอร์กำลังก่อสร้างโกเทียนัม (Goetheanum) อาคารซึ่งกลายมาเป็นศูนย์กลางของแอนโธรโปโซฟี  , เขาเขียน Kotik Letaev ซึ่งเป็นเรื่องชีวิตในวัยเด็กของเขา แต่แฝงด้วยความเชื่อแบบแอนโธรโปโลฟี ในช่วงนี้
23 มีนาคม ในเมืองเบิร์น เขาแต่งงงานกับอัสย่า
1916 ได้รับคำสั่งเกณท์ทหาร จึงเดินทางกลับมายังรัสเซีย โดยที่ภรรยาของเขายังคงอยู่ในสวิสฯ
1917 ช่วงการปฏิวัติในรัสเซีย เขามีความเห็นต่อการปฏิวัติอย่างกลาง ๆ  ไม่บวกหรือลบ ซึ่งหลังจากปฏิวัติแล้วเขาทำงานสอนหนังสือให้กับนักเขียนรุ่นใหม่ ที่สถาบันวัฒนาธรรมและการศึกษา  โปรเลคเคาต์ (Proletcult , Пролеткульте) ในวิชาด้านปรัญชาและวรรณกรรม
1921 เดินทางไปสวิสฯ เพราะ อัสย่า ขอหย่ากับเบลี่ , ทั้งคู่จากกันด้วยดี โดยที่อัสย่าต้องการที่จะทำงานรับใช้แอนโธรโปโซฟี อย่างเต็มที่
1923 เดินทางกลับรัสเซีย และแต่งานใหม่กับ เคลาฟเดีย (Klavdia Vasilyeva) ระเริ่มเขียนนวนิยายไตรภาค The Moscow Eccentric , Moscow Under Siege และ Mask (1931)
1930 ช่วงท้ายของชีวิตเขาอุทิศให้กับการเขียนบันทึกความทรงจำของเขา มันถูกพิมพ์ออกมาเป็น 3 เล่ม At the Border of Two Centuries, The Beginning of the Century , และ Between Two Revolutions 
1934 เขาเสียชีวิตในวันที่ 8 มกราคม 1934  ภายในอพาร์ตเม็ตของเขาในมอสโคว์
1978 มีการก่อตั้งรางวัล Andrei Bely Prize (http://www.litkarta.ru/projects/andrey-belyi-prize/) ซึ่งถือว่เป็นรางวัลสำหรับวรรณกรรมที่ตั้งโดยเอกชน ที่เก่าแก่ที่สุดในรัสเซีย ซึ่งยังมอบรางวัลต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน
  • Симфония  (Second Symphony, 1902)
  • Северная симфония ( The Northern Symphony, 1904)
  • Золото в лазури (Gold in Azure, 1904)
  • Возврат (The Return, 1905)
  • Кубок метелей (Goblet of Blizzards, 1908)
  • Пепел (Ash,1909)
  • Урна (Urn, 1909)
  • Символизм (Symbolism, 1910)
  • Луг зелёный (Green Meadow, 1910)
  • Серебряный голубь (The Silver Dove, 1910)
  • Арабески (Arabesques, 1911)
  • Петербург (Petersburg, 1913)
  • Котик Летаев (Kotik Letaev, 1914)
  • Революция и культура (Revolution and Culture, 1917)
  • Christ Has Risen, 1918
  • The First Encounter , 1921
  • Воспоминания о Блоке (Recollections of Blok, 1922)
  • 1922 Glossolalia" (A Poem about Sound)
  • Московский чудак (The Moscow Eccentric, 1926)
  • Москва под ударом (Moscow Under Siege, 1926)
  • Крещёный китаец  (The Baptized Chinaman, 1927)
  • Маски (Masks, 1932)
  • На рубеже двух столетий ( At the Border of Two Centuries, 1930) บันทึกความทรงจำ
  • Начало века (The Beginning of the Century , 1933) บันทึกความทรงจำ
  • Между двух революций (Between Two Revolutions)
  • Ритм как диалектика и „Медный всадник (Rhythm as Dialectic in The Bronze Horseman, 1934)
  • Мастерство Гоголя (The Mastery of Gogol , 1934)
Don`t copy text!