Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Operation Gladio

Stay-behind network

ปฏิบัติการณ์เครื่อข่ายก่อกาารร้ายที่ได้รับการสนัับสนุนจากรัฐบาล (Stete-sponsored Terrorism) ของชาติสมาชิกองค์การนาโต้ (NATO) และซีไอเอ (CIA) เกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อใช้ต่อสู้กับโซเวียตและคอมมิวนิสต์ โดยก่อตั้งในเวลาใกล้เคียงกันกับที่เกิดองค์การนาโต้ ในปี 1949 ,  โดย Stye-behind ตอนแรกอยู่ใต้การทำงานของ Clandestine Committee of the Western Union (CCWU)ก่อตั้งในปี 1948 และเมื่อมีการก่อตั้งน้าโต้แล้ว CCWU ถูกควบรวบเป็นองค์กรใหม่ ชื่อ กรรมาธิการการวางแผนลับ ( Clandestine Planning Committee ,CPC) ซึ่งอยู่ภายใต้ศูนย์บัญชาการกลางองค์การนาโต้ หรือ  SHAPE (Supreme Headquuaters Allied Powers) ที่มีศูนย์บัญชาการตั้งอยู่ในเบลเยี่ยมและฝรังเศส
ในปี 1957 ได้มีการก่อตั้งศูนย์บัญชาการกองทัพลับแห่งที่สอง ชื่อกว่า Allied Clandestine Committee (ACC) เพื่ออำนวยความสะดวกให้สหรัฐสามารถสนับสนุนเครือข่ายนี้ได้ดีขี้น
วิธีการของปฏิบัติการ Stay-behind คือ การสร้างความเครียดให้เกิดขึ้นในสังคม ด้วยการก่อการร้าย เพื่อที่จะควบคุมอารมณ์และความเห็นของผู้คนในสังคมที่เกิดความหวาดกลัว ด้วยการใช้การโฆษณาชวนเชื่อ การให้ข้อมูลผิดๆ การทำสงครามจิตวิทยา และใส่ร้ายป้ายสีผู้ก่อการร้ายกลุ่มอื่นเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด
คาดการณ์กันว่า นายอัลเลน ดูลเลส (Allen Dulles) ผู้อำนวยการของซีไอเอ เป็นหนึ่งในผู้ที่ผลักดันให้มีการก่อตั้งกลาดิโอ้ขึ้นมา , ในขณะที่ในอิตาลี ผู้นำพรรคคริสเตียนเดโมแครต อัลโด โมโร (Aldo Moro) เป็นผู้ก่อตั้งกลาดิโอในประเทศอิตาลี
Operation Gladio 
การมีอยู่ของปฏิบัติการณ์กลาดิโอ้ นี้ถูกยืนยันว่ามีอยู่ในจริง เมื่อมีการค้นพบเครือข่ายนี้ในอิตาลี โดยใช้ชื่อว่ากลาดิโอ้ Gladio(The Sword) ซึ่งหมายถึงดาบสองคมแบบโรมัน โดยรัฐบาลอิตาลี ในปี 1990 สมัยของนายกรัฐมนตรี กูลิโอ้ แอนเดรียตติ (Giulio Andreotti) เขายอมรับต่อวุฒิสภาของอิตาลี ในวันที่ 24 ตุลาคม 1990 โดยบอกว่าในอิตาลีมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัิตการกลาดิโอ้ นี้  622 คน
พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ในช่วงเวลานั้น 
Observer (18 พฤศจิกายน 1990) the best kept, and most damaging, political-military secret since World War II
The Times ( 19 พฤศจิกายน  1990) The story seems straight from the pages of a political thriller
เทคนิคที่กลาดิโอ้ ใช้คือพยายามทำให้เกิดความตึงเครียดในสังคม (Strategy of Tention) , พยายามทำให้ฝ่ายตรงข้ามถูกสงสัยในคดีก่อการร้าย เพื่อที่จะควบคุมอารมณ์และความเห็นของคนในสังคม
การก่อการร้ายที่เกิดในอิตาลี โดยปฏิบัติการกลาดิโอ้ 
Piazza Fontana bombing (12 ธันวาคม 1969) เกิดเหตุระเบิดเวลา 16.37 น. บริเวณจตุรัสน้ำพุ (Piazza Fontana)  หน้าสำนักงานใหญ่ของธนาคาร National Agrarian Bank ในเมืองมิลาน  มีผู้เสียชีวิต 17 คน และบาดเจ็บ 88 คน , วันเดียวกันยังพบวัตถุระเบิดอีกหลายจุดในกรุงโรมและมิลาน ซึ่งมีทั้งที่ระเบิดและยังไม่ระเบิด
Peteano Bombing (1972) นายวิเซนโซ่ วินซิกัวร่า (Vincenzo Vinciquerra) ใช้ระเบิดคาร์บอม สังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจอิตาลีจนเสียชีวิตไป 3 นาย แต่ว่าการสืบสวนในตอนแรกทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่ถูกว่าจ้างมา ชื่อ มาร์โค โมริน (Marco Morin) และเป็นสมาชิกของกลุ่มขวาจัด  Ordine Nuovo (New Order) ซึ่งนายวิเซนโซ่ คนร้ายก็เป็นสมาชิก , มาร์โค โมริน ได้ใส่ร้ายว่าระเบิดที่ใช้เป็นชนิดเดียวกับที่กลุ่ม Red Brigades ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่นิยมคอมมิวนิสต์ในอิตาลีใช้ แต่ว่าการสืบสวนโดยผู้พิพากษา เฟลิซ คัสสัน (Felice Casson) ทำให้รู้ว่าระเบิดที่ใช้นั้นจริงๆ แล้วเป็นระเบิด ซีโฟร์ (C4) ชนิดที่ใช้โดยนาโต้ การสืบสวนของผู้พิพากษาท่านนี้ ยังเบิดเผยให้เห็นว่ากลุ่ม Ordine Nuovo นี้ทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานสายลับของกลาโหมอิตาลิ (Servizio Informazioni Difesa, SID) ซึ่งนำไปสู่การค้นพบ Gladio ในเวลาต่อมา
Piano Solo (1964) เชื่อกันว่ากลาดิโอ เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติเงียบ ของนายพล จิโอแวนนิ โลเรนโซ่ (Giovanni De Lozenzo) ซึ่งทำให้รัฐมนตรีจากพรรคสังคมนิยมอิตาลี ต้องลาออก
Peteano massacre  (31 พฤษภาคม 1972) เกิดเหตุระเบิดมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 3 นาย
Piazza della Loggia bombing (28 พฤษภาคม 1974) เกิดการระเบิดในช่วงเช้า ในเมืองเบรสเคีย (Brescia) อิตาลี ระหว่างที่มีผู้ต่อต้านนาซีชุมนุมประท้วง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คนและบาดเจ็บเกือบร้อย โดยที่ระเบิดถูกใส่ไว้ในถังขยะ
Bologna massacre (2 สิงหาคม 1980)  เกิดเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟในเมืองโบล็อกน่า อิตาลี ในช่วงเช้า เวลาประมาณ 10.25 นาฬิกา ของวันเสาร์  มีผู้เสียชีวิต 85 คน และบาดเจ็บ 200 คน
ศาลฏีกาของอิตาลี ได้สั่งลงโทษจำคุกตลอดชีวิต นาย วาเลริโอ ฟิโอราวันติ (Giuseppe Valerio Fioravanti) ผู้ก่อตั้งกลุ่มนีโอนาซี Nuclei Armati Rivoluzionari  ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้าย แต่เจ้าตัวยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมและลักขโมยหลายคดี ยกเว้นคดีระเบิดที่สถานีรถไฟนี้  , นอกจากนั้นยังมีการกล่าวหากลุ่มคอมมิวนิสต์ Red Brigades ว่ามีส่วนในเหตุการณ์
Aldo Moro Kidnapping (16 มีนาคม 1978) อัลโด โมโร นายกรัฐมนตรีคนที่ 39 ของอิตาลี จากพรรค Chirstian Democracy เขาถูกลักพาตัวโดยกลุ่มฝ่ายซ้าย Red Brigades  เพื่อเรียกร้องให้มีการแลกตัวกับสมาชิกกลุ่มที่ถูกจับหลายคน ตอนนั้นโมโร ได้เขียนจดหมายหาผู้นำพรรคหลายคน และพระสันตะปาปา พอล ที่ 6 ให้ยอมรับข้อเสนอของผู้ร้าย  แต่ทางการปฏิเสธ และเขาถูกสังหารในวันที่  9 พฤษภาคม ,
 นักหนังสือพิมพ์ มิโน่ เปโคเรลลิ (Mini Pecorelli) ได้เขียนบทความหลังโมโรถูกสังหาร ว่าเบื้องหลังการจับตัวโมโร่ นั้นเกี่ยวข้องกับกลาดิโอ , เปโคเรลลิ ได้เขียนว่า นายพล คาร์โล เชียซ่า (Carlo Alberto Dalla Chiesa) ก็ได้รับข้อมูลแหล่งหลบซ่อนของผู้ร้ายที่จับตัวนายกรัฐมนตรีโมโร่แล้ว และแจ้งให้รัฐมนตรีมหาดไทย ฟรานเซสโค่ คอสซิก้า (Francesco Cossiga)  แต่ว่าเขากลับไม่ยอมทำอะไรเลย เพราะดูเหมือนเซียซ่าเองจะถูกข่มขู่จากกลุ่ม Prapaganda Due, P2) ซึ่งเป็นกลุ่มฟรีเมสัน ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหลายคดีในอิตาลี , แต่ปาโคเรลลิ ถูกยิงตายในปีต่อมา ในวันที่ 20 มีนาคม 1978 โดยกลุ่ม P2
คาร์รอส (Carlos the Jackal) ผู้ก่อการร้ายเชื้อสายเวเนซูเอล่า ก็ให้สัมภาษณื ในลักษณะเดียวกันในปี 2008 ว่า นาโต้ ต้องการให้โมโร่ ตาย คาร์รอส อ้างว่า เกียนนิ แอกเนลลิ (Gianni Agnelli) ประธานของกลุ่มเฟียต และเจ้าหน้าที่สายลับ SISMI อยู่เบื้องหลังแผนการลักพาตัวโมโร่
        สตีฟ เปียคเซนิค (Steve Piezenik) ผู้เชียวชาญด้านจิตวิทยา ซึ่ง ปธน. จิมมี่ คาร์เตอร์ของสหรัฐ ส่งมาเป็นที่ปรึกษาให้กับ รมต.มหาดไทย คอสซิก้า ในช่วงที่เกิดการจับตัว โมโร่ นั้น ได้ให้สัมภาษณ์ ในปี  2006 ว่า “เราต้องเสียสละบูชายันโมโร่ เพื่อรักษาความมั่นคงของอิตาลี”
Oktoberfest  explosion (26 กันยายน 1980) เทศกาลเบียร์ในเยอรมัน มีการระเบิดบริเวณทางเข้าของงานเวลา 4 ทุ่ม 19 นาที โดยระเบิด TNT ขนาด 1.39 กิโลกรัม ถูกใส่ไว้ในถังดังเพลิง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน และบาดเจ็บ 201 คน มีการกล่าวหาว่าหนึ่งในผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ ชื่อนาย กอนดอล์ฟ โคห์เลอร์ (Gundolf Kohler) ซึ่งเป็นพวกขวาจัด เป็นผู้วางระเบิด
1990 ตุลาคม Allied Clandestine Committee (ACC) การประชุมครั้งสุดท้าย ทำให้คิดกันว่า Stay-behind network นั้นถูกยกเลิกไป
22 พฤศจิกายน ,รัฐสภาแห่งยุโรป มีการลงมติประณามปฏิบัติการณ์ Stay-behind  และให้มีการสอบสวนปฏิบัติการดังกล่าว
1995 วาเลริโอ ฟิโอราวันติ (Valerio Fioravanti) และ ฟรานเซสก้า แมมโปร (Francesca Mambro)   ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ในข้อหาร่วมกันก่อการร้าย
2005 ดร. แดเนียล แกนเซอร์ (Dr. Daniele Ganser)นักประวัติศาสตร์ชาวสวิส ตีพิมพ์หนังสือชื่อ NATO’s Secret Armies : Contemporary Security Studies
ชื่อรหัสปฏิบัติการณ์ Stay-behind ในแต่ละประเทศ
  • Service de Documentation, de Renseignments et d’Action VIII (SDRA8) และ STC/Mob เบลเยี่ยม
  • Absalon เดนมาร์ก
  • Bund Deutscher Jugend – Technischer Dienst (TD BJD) เยอรมัน
  • Lochos Oreinon Katadromon (LOK) และ Operation (Red) Sheepskin  กรีก
  • Stay-Behide  ลักเซมเบิร์ก
  • I&O เนเธอแลนด์ , เป็น Stay-behide ที่ปฏิบัติการณ์โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับ NATO
  • ROC นอร์เวย์
  • Aginter โปตุเกส
  • Projekt-26(P26) สวิสเซอร์แลนด์
  • Ergenekon, Ozel Harp Dairesi ตุรกี
  • AGAG สวีเดน
  • OWSGV ออสเตรีย
  • Plan BleuLa Rose des Vents, และ  Arc-en-ciel ฝรั่งเศส
  • Nihtilä-Haahti plan ฟินแลนด์
  • Auxiliary Units  อังกฤษ
  • Regional Force Surveillance Units ออสเตรเลีย , เป็นหน่วยงานที่เป็นส่วนหนึ่งของตำรวจ และไม่ได้ปฏิบัติการณ์ลับ แต่เข้าใจกันว่าเป็น Stay-behind
Don`t copy text!