Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Dmitry Donskoy

ดมิทรี อิวาโนวิช ดอนสกอย (Дмитрий Иванович Донской , Dmitry Ivanovich Donskoy)

ผู้พยายามรวบรวบดินแดนรัสเซีย และปลดปล่อยชาวรัสเซียจากการตกอยู่ใต้อำนาจมองโกล
Grand Prince of the Moscow Principality (1359 – 1389) 
the Grand Prince of Vladimir (1362 – 1389)
  เจ้าชาย ดมิทรี อิวาโนวิช แห่งมอสโคว์ เป็นโอรสของ อีวาน ที่ 2  (Ivan II Ivanovich of Moscow) กับมเหสีคนที่สอง เจ้าหญิง อเล็กซานดร้า อิวานอฟน่า  (Alexandra Ivanovna) ประสูติ เมื่อวันที่  12 ตุลาคม 1350 
1359 เจ้าชายดอนสกอย ได้รับสืบบัลลังค์ของมอสโคว์ ( Moscow Principality) ขณะมีอายุเพียง 9 ปี แต่ว่าอำนาจบริหารจริงๆ อยู่กับผู้ว่าอเล็กซิส (Metropolitan, Alexis) ในขณะที่ไม่สามารถรักษาอำนาจเหนือเขตวลาดิมีร์  (Vladimir Principality) ซึ่งปกติจะอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าชายแ่หงมอสโคว์ได้
1360 ข่านนาฟรุซ (Khan Navruz of Sarai) แห่งโกลเด้นฮอร์ด (Golden Horde) ได้แต่งตั้งเจ้าชายดมิทรี คอนสแตนติโนวิช (Prince Dmitry Konstantinovich of Suzdal and Nizhny Novgorod) ให้เป็นผู้ปกครองของเขตวลาดิมีร์
1361 ข่านนาฟรุซ ถูกปฏิวัติ จากปัญหาภายในของโกลเด้นฮอร์ดเอง  , ทำให้ดินแดนโกลเด้นฮอร์ด ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือตะวันออกและตะวันตก 
ดินแดนตะวันออกถูกเรียกว่าบลูฮอร์น (Blue Horde , Orda’s Ulus, left flank) ปกครองโดยข่านชินกิสซิด (Khan Chingissid of Sarai)  
ส่วนดินแดนตะวันตก เรียกว่าเป็นไวน์ฮอร์น (White Horde, Batu’s Ulus, right flank) เป็นของข่านอับดุลล่าห์ (Khan Abdullah หรือ Gabdullah เป็นบุตรของ Uzbeg Khan) เขาได้รับสนับสนุนจากนายพลมาไม (Mamai)  , มาไม มีอำนาจมากขึ้นหลังการเสียชีวิตของข่านอัลดุลล่าห์ในปี 1370
ในปี 1362 นั้น ข่านซินกิสซิด ให้การรับรองเจ้าชายดอนสกอย ว่าเป็นผู้ปกครองของดินแดนวลาดิมีร์
1363 เจ้าชายคอนสแตนติโนวิช ถูกปลดจากการเป้นผู้ปกครองเขตวลาดิมีร์ ทำให้เจ้าชายดอนสกอย ได้รับอำนาจการปกครองเหนือดินแดนดังกล่าว
1366 เจ้าชายดอนสกอย แต่งงานยูโดเซีย (Eudoxia) ซึ่งเป็นน้องสาวของเจ้าชายคอนสแตนติโนวิช ซึ่งต่อมาทั้งคู่มีลูกด้วยกันถึง 12 คน
ในปีนี้ดอนสกอย มีผลงานที่สำคัญคือการก่อสร้างกำแพงเครมลิน ด้วยก้อนหินสีขาว (White Stone Wall of Kremlin) เพื่อทดแทนของเดิมที่สร้างด้วยไม้
1368 มอสโคว์ถูกโจมที่โดย อัลกีร์ดาส แห่งลิธัวเนีย (Algirdar หรือ Olgierd of Lithunia) แต่ว่าเครมลินที่ถูกสร้างใหม่อย่างแข็งแรง ช่วยให้สามารถทนทานกองทัพของอัลกีร์ดาสได้ , อัลกีร์ดาส นั้นต้องการให้น้องเขยของเขา เจ้าชายมิคาอิล แห่งทีเวอร์ (Mikhail II , Mikhail Konstantinovich of Tver) ได้ปกครองดินแดนเขตวลาดิมีร์
1370 อัลกีร์ดาส บุกมอสโคว์อีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถมีชัยชนะได้ , ในปีนี้ดอลสกอย สามารถยึดเมืองมิคูลิน (Mikulin) มาจากทีเวอร์ได้ และยังเอาชนะมิคาอิล ในสงครามย่อยๆ ได้ถึงสี่หน
1372 ความพยายามครั้งที่ 3 ของอัลกีร์ดาสในการยึดมอสโคว์ แต่ว่าสงครามจบลงโดย การทำสนธิสัญญาลูบุตส์ก (Treaty of Lyubutsk) ซึ่งลงนามโดยดอนสกอย กับอัลกีร์ดาส สงบศึกระหว่างสองฝ่าย ซึ่งทำให้เกิดความสงบสุขยาวนาน 7 ปีต่อมา
1376 กองทัพของเจ้าชายดอนสกอยและเจ้าชายคอนแตนติโนวิช ร่วมกันโจมตี โวลก้า บัลกาเรีย (Volga Bulgaria)
ดอนสกอยส่งกองทัพขนาดใหญ่โจมตีเมืองคาซาน (Kazan) เพื่อยึดเป็นเมืองขึ้น แม้ว่าเมืองนี้จะได้รับการสนับสนุนจากมองโกล
1377 เมื่ออัลกีร์ดาส เสียชีวิตลง ทำให้เจ้าชายมิคาอิล และดินแดนทีเวอร์ของเขากลายเป็นเมืองบริวารของดอนสกอยโดยปริยาย
1378 นายพลมาไม ของมองโกล ได้พยายามจะกำหลาบมอสโคว์ที่พยายามจะแยกตัวเป็นเอกราช โดยส่งกองทัพเข้าโจมตี  
11 สิงหาคม , มีการทำสงครามระหว่างกันบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโวชา (Battle of Vozha river)  ซึ่งฝ่ายมอสโคว์นำทัพโดยดอนสกอยเอง แต่ฝ่ายของนายพลมาไม ได้ให้เบกิช (murza Begich) นำทหารมา ผลคือฝ่ายของมอสโคว์มีชัยชนะ
1380 8  กันยายน ,สมรภูมิโกลิโกโว่ (Battle of Kulikovo) นายพลมาไม นำกองทัพมองโกลกว่าแสนนาย  เช้ากับกองทัพของดอนสกอย บริเวณทุ่งโกลิโกโว่ (Kolikovo field ~ the Field of the Woodcocks) ใกล้กับแม่น้ำดอน (Don river, Tula Oblast) ฝ่ายมอสโคว์ ได้รับการสนับสนุนจากทีเวอร์และเรียซานด้วย แต่ก็ยังมีกำลังทหารน้อยกว่าครึ่ง แต่ว่าสามารถเอาชนะได้
การรบครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นให้ดินแดนต่างๆ ของรัสเซียเริ่มก่อเป็นรูปร่างของประเทศ โดยมีมอสโคว์เป็นศูนย์กลาง
คำว่า “ดอนสกอย"  เป็นคำเรียกขานเพื่อเป็นเกียรติแก่ ดมิทรี อิวาโนวิช หลังการรบที่โกลิโกโว่า  ดอนสกอย  (Donskoy) แปลว่า แห่งดอน (Of the Don)
1381 นายพลมาไมรอดชีวิตกลับไปได้ แต่ว่าเขาต้องเจอกับกองทหารของข่านโตคามิช (Tokhtamysh) ยึดอำนาจ ในไวน์ฮอร์ดไป จนมาไมต้องหลบหนีไปยังไครเมีย ก่อนที่จะถูกลอบสังหาร
1382 ข่านโตคามิช โจมตีมอสโคว์อีก ครั้งนี้ดอนสกอยเป็นฝ่ายแพ้ และเขาต้องยอมรับอำนาจของไวน์ฮอร์ดเหนือมอสโคว์ และส่งเครื่องบรรณาการณ์ให้กับข่านโตคามิช และกลับไปใช้ตำแหน่งเป็นแกนดุกซ์แห่งวลาดิมีร์ (Grand Duke of Vladimir)
ในขณะที่เจ้าชายแห่งทีเวอร์และเรียซาน ต่างก็ฉวยโอกาสที่มอสโคว์อ่อนแอยึดเอาเมืองบางเมืองไปเป็นของตน
1389 19 พฤษภาคม , ดอนสกอย เสียชีวิต
1988 เกือบ 600 ปีหลังจากดอนสกอย เสียชีวิต มีการแต่งตั้งเขาให้เป็นนักบุญ โดยใช้วันที่ 19 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันฉลอง (Feast Day)
Don`t copy text!