Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Alexander Suvorov

Alexander Suvorov
อเล็กซานเดอร์ สุโวรอฟ (Александр Васильевич Суворов)

Generalissimo ,Count of Rymnik, Prince of Italy, Count of Holy Roman 

เขาเกิดเมื่อวันที่ 24 (13) พฤศจิกายน 1729 พ่อของเขาชื่อวาสิลี (Vasily Suvorov) เป็นนายทหารชั้นนายพล และเป็นวุฒิสภา วาสิลีนั้นได้รับเครดิตว่าเป็นผู้แปลตำราการทหารของนายพลเซบัสเตียน วัวบาน (Sebastien Le Prestre de Vauban) จากภาษาฝรั่งเศสมาเป็นภาษารัสเซีย
สุโวรอฟ มีชื่อเล่นว่าซาช่า (Sasha, Sandy) เป็นเด็กที่สุขภาพอ่อนแอ แต่ว่าตัวเขาเองกลับสนใจด้านการทหารมาตั้งแต่ยังเล็ก เขาเริ่มเรียนด้านการทหารด้วยการเอาตำราในห้องสมุดของพ่อมาอ่าน  นอกจากนั้นยังเรียนภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน โปแลนด์ และอิตาลีด้วย
สุโวรอฟ พยายามเอาชนะสุขภาพที่อ่อนแอด้วยการออกกำลังกายอย่างหนัก แต่ถึงอย่างนั้นพ่อของเขาก็ไม่เห็นว่าลูกชายเหมาะที่จะเป็นทหาร จนกระทั้งตอนที่สุโวรอฟ อายุ 12 ปี , วาสิลี และสุโวรอฟ ได้พบกับ นายพลฮานนิบาล (Abram Gannibal) ทวดของอเล็กซานเดอร์ พุชกิ้น ซึ่งมาเป็นเพื่อนบ้านกัน, ฮานนิบาล ประทับใจในความมุ่งมั่นของสุโวรอฟ เขาจึงสนับสนุนให้สุโวรอฟ เลือกเดินทางในสายของทหารต่อไป และโน้มน้าววาสิลีให้อนุญาตแต่เขา
1748 เริ่มรับราชการทหาร  โดยประจำการในหน่วยทหารรักษารพระองค์เซเมียนนอฟสกี (Semyonovsky Life Guard Regiment) ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เป็นเวลา 6 ปี ซึ่งเขาแสดงให้เห็นถึงบุคคลิกความเป็นผู้นำ กล้าหาญและเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เริ่มต้น แต่ว่าตำแหน่งของสุโวรอฟนั้น เติบโตมาเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากปี 1762 ไปแล้ว หลังจากพระจักรพรรดินี แคทเธอรีน ที่ 2 (Empress Catherine II, The Great) ขึ้นปกครองประเทศ
1756 มีประสบการณ์ร่วงรบครั้งแรกในสงครามเจ็ดปี (Seven Years War, 1756-1763) สงครามระหว่างหลายประเทศมหาอำนาจในยุโรปเวลานั้น แต่ว่าสุโวรอฟ ร่วมรบในการต่อสู้ระหว่ารัสเซียกับกองทัพปรัสเซีย ในสมรภูมิคุเนอร์ดอฟ (Battle of Kunersdorf, 12 สิงหาคม 1759) และ  Chernysheva
1758 25 สิงหาคม อยู่ร่วมในเหตุการณ์รบที่ซอร์นดอร์ฟ (Battle of Zorndorf) เมืองซอร์นดอร์ฟนี้อยู่ในโปแลนด์ปัจจุบัน ซึ่งตอนนั้นกองทัพของกษัตริย์เฟรเดอร์ริค แห่งปรัสเซีย(King Frederick , the Great of Prussia ) สามารถเอาชนะกองทัพรัสเซียที่บัญชาการโดยเคานต์วิลเลี่ยม (William Fermor) ได้
1762 ได้รบยศพันเอก (Colonel) และได้รับหน้าที่ควบคุมหน่วยทหารราบในแอสตราคาน (Astrakhan Infantry Regiment)
1763 บัญชาการหน่วยทหารในสุซดาล (Suzdal Infantry regiment)  ซึ่งเขาได้รับความยอมรับในเรื่องการฝึกสอนให้แก่ทหาร
1768 กองทหารสุซดาลถูกย้ายจากจากริมทะเลสาปลาโดก้า (Lake Ladoga) มายังสโมเลนส์ก (Smolensk) เพราะเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและโปแลนด์ ซึ่งสุโวรอฟได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรบของเขาจนสามารถเอาชนะกองทัพของโปแลนด์
1773 ทำสงครามกับพวกเติร์ก (First Turkish War) และมีชัยชนะ โดยที่สุโวรอฟ ได้รับยกย่องว่าชาญฉลาดในการใช้กลยุทธ์ และเป็นผู้บัญชาการทหารที่ยอดเยี่ยม 
3 กันยายน เอาชนะทหารของเติร์กบริเวณเกอโซว่า (Girsova)
แต่อย่างไรก็ตามหลังสงครามสุโวรอฟ ถูกจับและถูกคำสั่งประหารชีวิต เพราะในสนามรบเขากระทำการณ์หลายอย่างโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชา  , พระนาง แคทเธอรีน เป็นผู้สั่งระงับการลงโทษสุโวรอฟ โดยบอกว่าไม่ควรจะลงโทษผู้ที่ชนะสงคราม
1774 16 มกราคม ในมอสโคว์ สุโวรอฟแต่งงานกับ วาร์วาร่า โปรโซรอฟสกาย่า (Varvara Ivanovna Prozorovskaya) แต่ว่าชีวิตแต่งงานของทั้งคู่ไม่มีความสุข เพราะว่าความไม่ซื่อสัตย์ของวาร์วาร่า แม้ว่าจะมีลูกด้วยกันสองคน ลุกชายชื่อ อาร์คาดี (Arkady) และลูกสาว นาตาลย่า (Natalya) สุโวรอฟเองนั้นยอมรับแต่ว่านาตาลย่าเป็นลูกของเขา
1787 เขาเป็นผู้บัญชาการรบในสงครามกับเติร์ก ครั้งที่ 2  (Second Turkisk War, 1787-1791) ซึ่งสามารถเอาชนะในหลายสมรภูมิย่อยๆ ได้มากมาย 
10 ตุลาคม, ชนะในการรบที่คินเบิร์น (Battle of Kinburn)
1788 กรกฏาคมธันวาคม,  บุกยึดเมืองโอชากอฟ  (Siege of Ochakov) อยู่ในยูเครนปัจจุบัน ในการรบครั้งนี้สามารถจับผู้บัญชาการกองทัพของออตโตมาน ฮาซาน ปาชา (Hasan Pasha) ผู้บัญชาการกองทัพของออตโตมานได้ จนทำให้ทหารออตโตมานต้องยอมวางอาวุธ และรัสเซียยึดเมืองโอชากอฟได้ในวันที่ 17 ธันวาคม
1789 21 กรกฏาคม, สมรภูมิฟอกซานิ (Battle of Focsani) เมืองนี้อยู่ในโรมาเนียปัจจุบัน  รัสเซียได้รับการสนับสนุนจากกองทหารออสเตรีย ที่นำโดยเจ้าชายเฟรเดริค โจเซียส (Frederick Josias of Saxe-Coburg-Saalfeld) เอาชนะกองทัพของอ๊อตโตมานที่นำโดย โคคา  ปาชา (Grand Vizier, Koca Yusaf Pasha)
22 กันยายน, สมรภูมิริมนิก (Battle of Rymnik) บริเวณริมแม่น้ำริมนิก ใกล้กับเมืองริมนิคุ ซารัต  (Râmnicu Sărat) ในโรมาเนียปัจจุบัน กองทหารของสุโวรอฟยังร่วมกับทหารจากออสเตรีย เข้าโจมตีกองทัพอ๊อตโตมาที่ควบคุมโดย เคเนซ ปาชา (Grand Vizier, Ceneze Hasan Pasha) ชัยชนะครั้งนี้ทำให้สุโวรอฟ ได้รับยศเป็น เคานต์แห่งริมนิก (Count of Rymnic, граф Рымникский) โดยพระนางแคทเธอรีน
ในขณะที่จักรพรรดิ โจเซฟ ที่ 2 (Joseph II) แห่งโฮลี่โรมัน ก็มอบยศ เคานต์แห่งโฮลี่โรมัน (Reichsgraf(count) of the Holy Roman Empire) ให้สุโวรอฟ
1790 ธันวาคม , การรบครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในสมรภูมินี้คือการบุกยึดป้อมปราการอิซเมล์ (Izmail Fortress) ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ ใน ซึ่งนำไปสู่ชนะของรัสเซียเด็ดขาดของรัสเซียเหนืออ๊อตโตมาน
การปฏิวัติฝรั่งเศสเริ่มขึ้นในปี 1792  (Frech Revolutionary Wars) ซึ่งนำความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลฝรั่งเศสกับประเทศต่างๆ ในยุโรป จนเกิดสงครามสัมพันธมิตร ครั้งที่ 1 (First Coalition,1972-1797) แต่ว่ารัสเซียขณะนั้นไม่ได้เข้าร่วมในสงครามด้วย 
1794 เกิดการจราจลขึ้นในโปแลนด์ของรัสเซีย ทำให้สุโวรอฟถูกส่งไปปราบปรามผู้ก่อการ โดยเขาบุกเข้าไปถึงกรุงวอซอ และใช้กองทัพกำหราบผู้ต่อต้านรัสเซีย ซึ่งพระนางแคทเธอรีน เขียนสาสน์แสดงความยินดีถึงสุโวรอฟสั้นๆ ว่า “ยินดีด้วย, ท่านจอมพล,แคทเธอรีน (Congratulations, Field Marshal, Catherine)” ซึ่งนั้นคือการแต่งตั้งให้สุโวรอฟ ดำรงตำแหน่งจอมพลนั้นเอง
1796 6 พฤศจิกายน พระนางแคทเธอรีน  สวรรคต, พอล ที่ 1 (Paul I) โอรสของพระนางได้รับตำแหน่งจักรพรรดิองค์ใหม่  , จักรพรรดิทรงมีแนวคิดเรื่องการปฏิรูปกองทัพตามแบบ่ของพระองค์เอง นั้นทำให้ไม่ทรงโปรดวิธีการของสุโวรอฟ ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความขัดแย้งกัน และไม่นานสุโวรอฟ ก็ถูกคำสั่งให้เกษียณราชการ   และมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามสอดส่องเขาตลอดเวลา
วิทยาศาสตร์แห่งชัยชนะ (Наука Побеждать,The Science of Victory ) เป็นตำราพิชัยสงครามเล่มสำคัญของสุโวรอฟ ที่เขาเป็นผู้แต่ง จากประสบการณ์ในการรบของเขาเอง เขียนเสร็จโดยต้นฉบับเป็นลายมือ
1798 พฤศจิกายน สงครามสัมพันธมิตร ครั้งที่ 2 (Second Coalition) โดยครั้งนี้รัสเซียเข้าร่วมในสงครามด้วย
1799 สุโวรอฟ ถูกเรียกตัวกลับมารับใช้กองทัพ เขาถูกส่งไปขัดขวางกองทัพของนโปเลียนในอิตาลี โดยเขาควบคุมกองทัพผสมระหว่างรัสเซียและออสเตรีย 
27 เมษายน, สมรภูมิคาสซาโน่  (Battle of Cassano) ฝ่ายรัสเซียมีชัยชนะและสามารถเข้ายึดเมืองมิลานได้ 
19 มิถุนายน, สมรภูมิทรีเบีย (Battle of Trebia) สุโวรอฟ ชนะ
15 สิงหาคม, สมรภูมิโนวี (Battle of Novi) รัสเซียเป็นฝ่ายชนะอีก และครั้งนี้สุโวรอฟ ได้รับยศเจ้าชายแห่งอิตาลี (Prince of Italy) 
ซึ่งหลังจากมีชัยชนะที่อิตาลี เขาตั้งใจจะบุกเข้าไปยังกรุงปารีส แต่ว่ากลับถูกสั่งให้หยุด  และนำทหารรัสเซีย 20,000 นาย แยกจากทหารออสเตรีย แล้วให้เดินทางไปช่วงเหลือกองทัพรัสเซียของนายพลอเล็กซานเดอร์ ริมสกี-กอร์ซากอฟ (Aleksandr Rimsky-Korsakov) ที่อยู่ในสวิสเซอร์แลนด์  ซึ่งก่อนที่สุโวรอฟจะไปถึง ทหารฝรั่งเศสก็มีชัยชนะเหนือกองทหารนี้ไปแล้ว และเมื่อสุโวรอฟไปถึง กองทหารของเขาเองก็ถูกล้อมไปด้วยทหารฝรั่งเศส และเขาต้องพาทหารผ่าวงล้อง และเดินทางหนีผ่านทางเทือกเขาแอลป์ ซึ่งตลอดทางเกิดการต่อสู้กันเป็นระยะ และสุโวรอฟเสียทหารไปถึงหนึ่งในสาม ก่อนจะปลอดภัยกลับมาถึงออสเตรีย และฉลองวันเกิดอายุ 70 ปี ในออสเตรีย
 เมื่อกลับมาถึงรัสเซีย เขาได้รับยศเป็นเจอเนอรัลลิสซิโม่ (Generalissimo) ทำให้สุโวรอฟ กลายเป็น 1 ใน 4  คนในประวัติศาสตร์ของรัสเซียที่มียศถึงระดับนี้ นับถึงก่อนการปฏิวัติรัสเซีย ซึ่งในยุคของโซเวียต ก็มีเพียงสตาลินที่ได้รับยศชั้นนี้
หลังจากสงครามพระจักรพรรดิก็ไม่สนพระทัยที่จะทำสงครามอีก และสุโวรอฟก็ไม่เป็นที่โปรดปรานดังเดิม แม้แต่พิธีเลี้ยงฉลองเพื่อเป็นเกียรติในตำแหน่งเจอเนอรัลลิสซิโม่ให้กับเขาก็ถูกยกเลิก
1800 18 พฤษภาคม เสียชีวิตด้วยโรคชรา และถูกฝังในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก โดยมีป้ายจารึกเขียนเอาไว้ว่า  สุโวรอฟอยู่ ณ.ที่นี่ (Here lies Suvorov) เขากลายเป็นหนึ่งในตำนานของการรบที่ไม่เคยแพ้แม้แต่ในสมรภูมิเดียว
1801 มีนาคม จักรพรรดิพอล ที่ 1 ถูกปลงพระชนษ์ และจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ ที่ 1 ได้สืบบัลลังค์ พระองค์สั่งให้มีการสร้างอนุเสาวรีย์ของสุโวนอฟ ไว้ที่ส่วนใต้ของท้องสนามแห่งมาร์ (Field of Mars , มาร์ตามชื่อเทพเจ้าแห่งสงครามในเทพนิยายกรีก) ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก 
Don`t copy text!