ดมิทรี ลีคาเชฟ (Дмитрий Сергеевич Лихачёв)
นักอนุรักษ์วัฒนธรรมรัสเซีย
ลีคาเชฟ เกิดในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เมื่อ 28 พฤศจิกายน 1906 (15 พฤศจิกายน O.S.) พ่อของเขาชื่อ เซอร์เกย์ (Sergey Mikhaylovich Likhachev) เป็นวิศวกรไฟฟ้า ทำงานให้กับองค์การไปรษณีย์และโทรเลข และแม่ชื่อเวร่า คอนเนียเยว่า (Vera Semenova Konyayeva) เธอมาจากครอบครัวพ่อค้า
ชีวิตในวัยเด็กของลีคาเชฟ เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุข พวกเขาอาศัยในอพาร์ตเม้นต์ใกล้กับบนถนนแองลิสกี (Angliiski Prospekt) พอถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ พ่อของเขาก็มักพาครอบครัวไปดูบัลเลย์ที่โรงละครมารินสกี (Mariinski) ซึ่งบัลเลย์เรื่องแรกที่ลีคาเชฟดู คือ The Nut Cracker
1914 เข้าเรียนที่โรงเรียนของสมาคมฟิลานโธรปิก (Imperail Philanthropic Society) อย
1916 มาเรียนต่อระดับมัธยมที่โรงเรียนคาร์ล เมย์ (Petersburg school of Karl May)
1920 เรียนที่ Soviet Unified Labour School
1923 เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเลนินกราด ภาควิชาอักษรศาสตร์และวรรณกรรม ซึ่งลีคาเชฟ สนใจศึกษาภาษาเยอรมัน โรมัน และภาษารัสเซียสลาฟวิค
1928 8 กุมภาพันธ์ ถูกจับเพราะเป็นสมาชิกของชมรม Cosmic Academy of Sciences ถูกตั้งข้อหาต่อต้านการปฏิวัติ และเขาถูกจัดสินจำคุกเป็นเวลา 5 ปี เขาถูกส่งไปขังที่เรือนจำโซลอฟกี (Solovki Special Purpose camp) ตั้งอยู่บนเกาะโซโลเวตสกี (Solovetsky Islands) ระหว่างอยู่ในเรือนจำ เขากลายเป็นสมาชิกของกลุ่ม Criminological Cabinet ซึ่งทำหน้าที่ช่วยเหลือนักโทษวัยรุ่น ปกป้องไม่ให้พวกเขาติดยา หนาวหรือว่าหิวตาย
Card Games of Criminals เป็นบทความทางวิทยาศาสตร์ชิ้นแรกของลิคาซอฟ ซึ่งเขาเขียนมันระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ
1931 พฤศจิกายน ถูกย้ายมาอยู่ในเรือนจำ Bel-Baltlag บนแผ่นดิน และถูกใช้ให้ทำงานเป็นแรงงานที่ไปทำงานขุดคลองระหว่างทะเลขาวและทะเลบอลติค (The White sea-Baltic Canal) จนกระทั้งพ้นโทษ
1932 8 สิงหาคม พ้นโทษ ซึ่งหลังจากพ้นโทษแล้วเขาเดินทางกลับเลนินกราด และได้ทำงานให้กับสำนักพิมพ์ของ Russian Academy of Sciences (RAS) โดยมีหน้าที่ตรวจต้นฉบับก่อนพิมพ์
ช่วงเวลานี้ได้รู้จักกับว่าที่ภรรยาของเขา ซิเนียด้า (Zinaida Aleksandrovna)
1935 แต่งงานกับซิเนียด้า
1936 อเล็กซานเดอร์ คาร์ปินสกี (Aleksandr Karpinsky) ประธานของ RAS ได้ยื่นคำร้องเกี่ยวกับกรณีของลีคาเชฟที่เคยถูกลงโทษจำคุกต่อคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งคำร้องเป็นผลสำเร็จทำให้ประวัติอาชญากรรมของเขาถูกลบล้าง
1937 ลูกสาวฝาแฝดของเขาถือกำเนิดขึ้น ชื่อว่า เวร่า (Vera) และลุดมิล่า (Lyudmila)
1938 ถูกเชิญไปทำงานกับสถาบันวรรณคดีแห่งชาติ (Instititute of Russian Literature~ Pushkin’s House) ซึ่งลีคาเชฟ รับผิดชอบในแผนกวรรณกรรมรัสเซียโบราณ เขาทำงานอยู่ที่นี่จนกระทั้งสิ้นอายุ
1942 ช่วงสงครามโลกเมื่อกองทัพนาซีปิดล้อมเมืองเลนินกราด พ่อของลิคาเชฟ และลุดมิล่าลูกสาวก็เสียชีวิตในช่วงนี้
มิถุนายน, ลิคาเชฟพาครอบครัวอพยพออกจากเลนินกราด ผ่าน The Road of Life ไปยังคาซาน (Kazan) จนเมื่อสงครามยุติแล้วจึงได้กลับมาเลนินกราด
ได้รับเหรียญตรา ‘For the Defense of Leningrad’
พิมพ์ผลงานหนังสือเล่มแรก The Defense of Ancient Cities
1947 สำเร็จปริญญาเอกทางด้านปรัญชา โดยเขียนวิทยานิพนธ์เรื่อง “Essays on the History of Annalistic Literary Forms of XI-XVI Centuries"
1950 ได้รับตำแหน่งศาสตร์จารย์จากมหาวิทยาลัยเลนินกราด
แปลผลงาน The Song of Igor’s Campaign และ The Tale of Bygone Years วรรณกรรมตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ซึ่งเขียนด้วยภาษารัสเซียโบราณ
1952 หนังสือของลีคาเชฟ เรื่อง Cultural History of Ancient Russia Vol.2 ได้รับรางวัล Stalin Prize ชั้นที่ 2
1953 ได้เป็น ว่าที่สมาชิกของ RAS
1955 เขารณรงค์เรียกร้องให้มีการอนุรักษ์ศิลปะประจำชาติ อย่างโบสถ์ไม้ อนุเสารีย์เก่าแก่ต่างๆ
1956 เป็นสมาชิกของสหภาพนักเขียน (Union of Soviet Writers)
1967 มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดมอบปริญญาเอกดุษฏีฯ ให้กับเขาเป็นมหาวิทยาลัยแรกจากตะวันตก
1970 ได้เป็นนสมาชิกของ RAS เต็มตัว
1984 ดาวเคราะห์น้อย หมายเลข 2877 ที่ถูกค้นพบโดยนักดาราศาสตร์โซเวียต ถูกตั้งชื่อ "ลิคาเชฟ” (minor planet no.2877 Likhachev) เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
1993 เขาเป็นหนึ่งในผู้ลงชื่อในจดหมาย Letter of Forty-Two ซึ่งนักเขียนที่มีชื่อเสียงของรัสเซีย ได้ยื่นต่อประธานาธิบดีบอริสต์ เยลซิน เรียกร้องให้แบนพรรคคอมมิวนิสต์
1998 Order of St. Andrew เขาเป็นคนรัสเซียคนแรกนับแต่หลังการปฏิวัติที่ได้รับรางวัลนี้
1999 เสียชีวิตวันที่ 30 กันยายน 1999 ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก อายุได้ 92 ปี
ลีคาเชฟ มีผลงานเขียนต่างๆ กว่าพันเรื่อง อาทิ
Reflections on the Russian Soul : A Memoir
The Russian Chronicles and Their Cultural and Literary Significance (1947)
Man In The Literature of Old Russia (1958)
Textology (1962)
The Poetics of Early Russina Literature (1967)
Great Heritage (1981)