Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Mayer Amschel Rothschild

เมเยอร์ โรธส์ชิลด์ (Mayer Amschel Rothschild)

‘Concordia, Integritas, Industria’  , ‘Harmony, Integrity, Industry’
เมเยอร์ โรธส์ชิลด์ เกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 1744 ในชุมชนสลัมชาวยิว ในแฟรงเฟิร์ต  (ghetoo, Frankfurt , Germany) เยอรมัน  พ่อของเขาชื่ออาร์มสเชล (Armschel Moses Bauer) เปิดร้านค้าเหรียญในแฟรงค์เฟิร์ต  , แม่ของเขาชื่อ โซนเช่ (Schönche Lechnich)  เมเยอร์ เป็นลูกคนที่ 4 ในพี่น้อง 8 คน  เขาเติบโตมาในบ้านเลขที่ 188 บนนถนนยูนกาเซ่  (Judengasse~Jews’ Alley)  บ้านหลังนี้มีชื่อ Hinterpfann (House in the Back of the Saucepan) 
ตอนนั้นชาวยิวในแฟรงเฟิร์ต ต้องอาศัยอยู่ในชุมชนชาวยิวแยกจากชาวคริสต์ ห้ามเดินทางเข้าไปยังตัวเมืองแฟรงเฟิร์ตนอกเสียจากว่ามีธุระ แต่ก็ห้ามเดินเข้าไปในร้านอาหาร หรือสวนสาธารณะ นอกจากนั้นทุกๆ วันอาทิตย์ วันเทศกาลของชาวคริสต์ และทุกๆ ค่ำ คนเชื้อสายยิวจะถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน กฏระเบียบนี้มีอยู่จนหลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789 ไปแล้ว 
เมเยอร์ เริ่มเข้าเรียนตอนอายุ 3-4 ขวบ ในโรงเรียนของชาวยิว โดยได้เรียนคัมภีร์โตราห์และตาลมุด ภาษาที่ชาวยิวในแฟรงก์เฟิร์ตพูดกันเป็นภาษาฮิบรูว์ (Hebrew)  ไม่ได้พูดภาษายิดดิช (Yiddish)
1755 เข้าเรียนที่วิทยาลัยของชาวยิว (Jewish seminary, Yeshiva) ใกลักับเมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg)  
หลังจากเข้าเรียนได้ไม่นาน ก็เกิดการระบาดของโรคฝีดาษ (smallpox) ทำให้พ่อของเขาเสียชีวิตในวันที่ 6 ตุลาคม 1755
1756 แม่ของเมเยอร์ เสียชีวิตวันที่ 29 มิถุนายน , เมเยอร์ออกจากโรงเรียนและมาอาศัยอยู่กับญาติ
1757 เมื่ออายุได้ 13 ปี เขาเดินทางไปยังเมืองฮาโนเวอร์ (Hanover) และได้ทำงานกับ วูลฟ์ จาคอฟ อัปเปนเฮียม (Wolf Jakb Oppenheim) นายธนาคารเชื้อสายยิว ซึ่งทำให้เมเยอร์ได้เรียนรู้ระบบการทำงานของธนาคาร นอกจากนั้นยังรู้จักมูลค่าของเหรียญกษาปณ์โบราณต่างๆ ซึ่งเขาเริ่มสะสมเหรียญเก่าเพื่อเป็นการลงทุน โดยเมเยอร์รู้เรื่องของเหรียญ นายพล Ludwig von Estorff ดีเป็นพิเศษ
1763  หลังจากสงครามเจ็ดปีระหว่างเยอรมันและรัสเซีย (Seven Years War) สิ้นสุดลง เมเยอร์กลับมาที่แฟรงเฟิร์ต โดยได้เริ่มธุรกิจและเปลี่ยนเงินตรา และค้าเหรียญกษาปณ์โบราณ ตลอดจนวัตถุโบราณต่างๆ 
 ซึ่งจากการทำธุรกิจ ทำให้เขาได้รู้จักกับ มงกุฏราชกุมาร แลนด์เกรฟ วิลเฮล์ม แห่งเฮสส์-คาสเซล (Prince Landgrave Wilhelm of Hesse-Kassel)
1769  เจ้าชายวิลเฮล์ม ประทานยศ court-facto (crown agent) ให้แก่เมเยอร์  ซึ่งหมายถึงว่ากิจการของเมเยอร์อยู่ในอุปถัมถ์ของเจ้าชาย ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวทำให้เมเยอร์สามารถแขวนตราสัญลักษณ์ Hesses and Hanau ไว้ที่หน้าร้านของเขาได้ แต่ตำแหน่งนี้ไม่ได้มอบสิทธิพิเศษอะไรให้เขา และยังอยู่ในกฏข้อบังคับที่มีต่อชาวยิว
1770 29 สิงหาคม แต่งงานกับกัตเติ้ล ชแนปเปอร์ (Guttle Schnapper) ตอนนั้นเธออายุ 17 ปี  หลังแต่งงานพวกเขายังต้องอาศัยในบ้านหลังเดิมร่วมกับครอบครัวของเมเยอร์ ที่พี่น้องของเขาก็แต่งงานมีครอบครัวแล้วเช่นกัน   ซึ่งต่อมาทั้งคู่มีลูกด้วยกันถึง 20 คน แต่ว่ามีคนที่รอดชีวิตผ่านวัยเด็ก 10 คน เป็นชายและหญิงเท่ากัน 
  • Schönche Jeannette Rothschild (20 สิงหาคม 1771 – 1859)  แต่งงานกับ Benedict Moses Worms (1772-1824)
  • Amschel “Anselm” Mayer (12 มิถุนายน 1773 – 6 ธันวาคม 1855)
  • Salomon Mayer (9 กันยายน 1774 – 28 กรกฏาคม 1855) – เป็นผู้ก่อตั้งธนาคาร Rothschild bank ในออสเตรีย
  • Nathan Mayer (16 กันยายน 1777 – 18 กรกฏาคม 1836) – เป็นผู้ก่อตั้งธนาคาร Rothschild bank ในอังกฤษ
  • Isabella Rothschild (2 กรกฏาคม 1781 – 1861)
  • Babette Rothschild (29 สิงหาคม 1784 – 16 มีนาคม 1869)
  • Calmann “Carl” Smith (24 สิงหาคม 1788 – 10 มีนาค 1855) – เป็นผู้ก่อตั้งธนาคา Rothschild Bank ในเนเปิ้ล
  • Julie Rothschild (1 พฤษภาคม 1790 – 19 มิถุนายน 1815)
  • Henriette (“Jette”) (1791-1866) แต่งงานกับ  Abraham Montefiore (1788-1824)
  • Jacob “James” Mayer (1792-1868) – เป็นผู้ก่อตั้งธนาคาร Rothschild bank ในฝรั่งเศส
1784 เขาซื้อบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งที่ยูนกาเซ๋  เป็นบ้านเลขที่ 148 ชื่อ  Green Shield House บ้านหลังนี้ภายหลังถูกถือว่าเป็นต้นกำเนิดของตระกูลโรธชิลด์  ซึ่งเมเยอร์ ภรรยาและลูกๆ อาศัยอยู่ที่นี่จะถึงปี 1786 , ส่วนอาคารของบ้านนี้มีอายุต่อมาจนปี 1944 มันถูกทำลายจากการโดนระเบิดในช่วงสงครามโลก 
1785 เจ้าชายวิลเฮล์ม ขึ้นครองราชเป็นกษัตริย์ วิลเฮลม์ ที่ 9 พระองค์ทรงมีฐานะมั่งคั่งที่สุดในยุโรป ซึ่งพลอยทำให้กิจการของเมเยอร์ดีไปด้วยจากการขายเครื่องประดับให้ราชวงศ์ เมเยอร์มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับคาร์ล มุเดรัส (Carl Buderus) หัวหน้าฝ่ายการเงินของกษัตริย์ วิลเฮล์ม ที่ 9 ซึ่งคาร์ลก็ได้ลงทุนเป็นการส่วนตัวร่วมกับเมเยอร์ด้วย ซึ่งไม่นานกิจการของเมเยอร์ก็ผูกขาดตลาดค้าส่งขนสัตว์ และผ้าฝ้าย
1792 กองกำลังของฝรั่งเศสบุกยึดเมืองแฟรงเฟิร์ต  ทำให้เมเยอร์ได้โอกาสในการทำธุรกิจขายอาหาร เสื้อผ้า ม้า และอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับฝ่ายพันธมิตร อังกฤษ ออสเตรีย ปรัสเซีย ทำต่อสู้กับฝรั่งเศส  ธุรกิจหลักของเมเยอร์ เริ่มเปลี่ยนจากการค้าเหรียญมาเป็นธุรกิจธนาคาค 
1796 กองทัพนโปเลียนบุกแฟรงเฟิร์ต แต่ระหว่างที่ตั้งค่ายอยู่ที่  เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในชุมชนชาวยิวยูนเกเซ่  ทำให้ชุมชนวอดไปกว่าครึ่ง และมีชาวยิวกว่าสองพันคนไร้ที่อยู่อาศัย จึงเป็นเหตุให้รัฐอนุญาตให้พวกเขาไปอาศัยอยู่ร่วมในชุมชนชาวคริสต์ได้นานครึ่งปี  ตอนนี้บ้านของเมเยอร์ไม่ได้ถูกไฟไหม้ แต่ว่าเอาอาศัยจังหวะที่ชาวยิวได้รับการผ่อนผัน เอาบ้านออกมาให้เช่า
1800 นาธาน โรธส์ชิลด์ (Nathan Mayer Rothschild)  ลูกชายของเมเยอร์ เป็นอีกเรี่ยวแรงสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของตระกูลโรธส์ชิลด์ยิ่งใหญ่ขึ้น เมื่อเขาไปตั้งสำนักงานในอังกฤษ อยู่ในเมืองแมนเชสเตอร์ ซึ่งถือเป็นสาขาแรกของตระกูล ธุรกิจของนาธานมีหน้าที่ซื้อสินค้าจากอังกฤษ โดยเฉพาะสิ่งทอส่งกลับมาขายยังฝั่งยุโรป 
1806 กองทัพฝรั่งเศสบุกยึดคาสเซล ทำให้วิลเฮล์ม ที่  1 ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ นโปเลียนประกาศกฏหมาย Continental System คว่ำบาตรการค้าของยุโรปกับเกาะอังกฤษ ซึ่งทำให้ธุรกิจของโรธส์ชิลด์เสียหายอย่างมากจากการถูกยึดและทำลายสินค้า วิลเฮล์ม ที่ 1 พยายามที่จะซ่อนทรัพย์สินของเขาให้พ้นมือของนโปเลียน ซึ่งเขาได้อาศัยนาธาน ที่อยู่ในลอนดอนในการถ่ายโอนทรัพย์สิน โดยการปล่อยกู้ให้กับอังกฤษ ผ่านนาธาน
1812 เสียชีวิต 19 กันยายน ในแฟรงเฟิรต์ เขาถูกฝังที่สุสาน Old Jewish Cemetery ในแฟรงเฟิร์ต แต่ภายหลังป้านสุสานของเขาถูกทำลายในยุคของนาซี ก่อนจะมีการบูรณะขึ้นมาใหม่ในปี 1968
Don`t copy text!