ฮาเดรียน
ฮาเดรียน เกิดวันที่ 24 มกราคม 76 ชื่อตอนเกิดของเขาคือ พับเลียส เอเลียส ฮาเดรียนัส (Publius Aelius Hadrianus) เขาเกิดมาในครอบครัวชาวอิตาลี ในเมืองอิตาลีคา (Italica อยู่ในสเปนปัจจุบัน)
พ่อของเขาชื่อว่า พับเลียส เอเลียส ฮาเดรียนัส เอเฟอร์ (Publius Aelius Hadrianus Afer) เป็นวุฒิสมาชิกอยู่ในโรม แม่ชื่อ Domitia Paulina
ครอบครัวของเขานั้นอาศัยอยู่ในสเปน
ตอนสิบขวบพ่อของฮาเดรียนเสียชีวิต และตามธรรมเนียมโรมันจะมีการแต่งตั้งการ์เดี้ยน (guardian ผู้ดูแล) ขึ้นมาดูแลเด็กที่พ่อเสียชีวิตไป โดยฮาเดรียนนั้นได้ญาติของเขามาทำหน้าที่การ์เดี้ยนชื่อว่า ทราจัน (Trajan) ซึ่งเป็นทหารโรมันที่มีฝีมือดี
98 Nerva เสียชีวิต และทราจันได้รับเสนอชื่อเป็นจักรพรรดิ แต่ว่าเพราะทราจันมีชาติกำเนิดที่เมือง Baetica ซึ่งผิดจากเดิมที่จักรพรรดิทุกพระองค์เกิดในอิตาลี แต่ว่าทราจันได้รับการสนับสนุนจากนายทหารหลายคน จนในที่สุดเขาได้รับตำแหน่งจักรพรรดิ
แต่ว่าทราจันนั้นใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำสงคราม ทำให้ภาระกิจในการบริหารบ้านเมืองตกไปอยู่กับภรรยาของเขา Pompeia Plotina ซึ่งนางไม่มีลูกของตัวเอง จึงได้รักและดูแลฮาเดรียนเหมือนกับลูก
100 ฮาเดี้ยนแต่งงานกับวิเบีย ซาบิน่า (Vibia Sabina) หลานสาวของทราจัน
108 ได้รับตำแหน่งกงสุล (consul)
117 ฮาร์เดี้ยนได้รับตำแหน่งผู้ว่าของซีเรีย (Syria)
ทราจันเสียชีวิต โดยก่อนตายได้เขียนจดหมายเสนอให้ฮาร์เดี้ยนเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป แต่ว่าสมาชิกสภาส่วนใหญ่ของโรมต่อต้าน และกล่าวหาว่าปอมปีอาทำจดหมายปลอมขึ้นมา คู่แข่งของฮาเดรียนในตอนนั้นคือลูเซียส คิวตัส (Lusius Quietus)
แต่ว่าฮาร์เดี้ยนพยายามชนะใจสมาชิกสภาซีเนตและประชาชน โดยการแจกจ่ายเงินให้กับประชาชนใโรม จ่ายเงินพิเศษให้กับทหาร และยกเลิกหนี้สินที่ประชาชนยืมไปจากรัฐ จนในที่สุดสภาซีเนตได้ยอมรับฮาร์เดี้ยนเป็นจักรพรรดิ 11 สิงหาคม ได้รับการแต่งตั้งเป็นจักรพรรดิ ซึ่งในยุคของฮาเดรียน โรมมีความเจริญด้านวัฒนธรรมมาก มีการสร้างโรงละคร วิหารเทพเจ้า จำนวนมาก ไม่มีสงครามขนาดใหญ่เลยนอกจากการก่อกบฏของชาวยิวในช่วงท้าย
ฮาร์เดี้ยนออกกฏหมายยกเลิกสิทธิของเจ้าของทาสในการสังหารทาส ห้ามการบังคับทาสให้เป็นกลาดิเอเตอร์หรือโสเภณี
121 เมื่อเดินทางไปอังกฤษให้สั่งให้สร้างกำแพงหินยาว 117 กิโลเมตร ถูกเรียกว่าเป็นกำแพงฮาเดรียน (Hadrian’s Wall)
123 เดินทางมายังมัวเรตาเนีย (Mauretania , ในบริเวณโมร็อคโค ปัจจุบัน) เพื่อรบกับพวกกบฏ แต่ก็อยู่ที่เมืองนี้ไม่นานเมื่อทราบข่าวว่าปาร์เทีย (Parthia) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของโรมันเตรียมทำสงคราม เขาเดินทางไปยังเมืองยูเฟรเตส (Euphrates) และสามารถเจรจากับกษัตริย์ออสโรส (Osroes I, King of Parthia) จนสามารถหลีกเลี่ยงสงครามไปได้
124 ระหว่างอยู่ที่เมืองเมืองไบทูเนีย ตอนเหนือของเอเชียไมเนอร์ (Bithynia, Asia Minor) ฮาร์เดรียนได้พบกับเด็กหนุ่มชื่อ แอนติเนียส (Antinous) ซึ่งว่ากันว่าเขาเป็นคนรักของฮาร์เดรียน
ฤดูใบไม้ผลิ, ฮาเดรียนเดินทางมาถึงกรีซ เข้าร่วมพิธี Eleusinian mysteries เขาใช้เวลาเดินทางไปในหลายเมือง เพื่อบรูณะและสร้างวิหารเทพเจ้า
125 เมื่อมาถึงเอเธนส์ ได้มีการสร้างวิหารเทพเจ้าซูส (Temple of Olympian Zeus) จนแล้วเสร็จหลังจากการก่อสร้างถูกทิ้งไว้นานกว่าหกร้อยปีก่อนหน้านี้
126 กลับมายังอิตาลี และได้สั่งให้มีการสร้างวิหารแพนธีออน (Pantheon) ในกรุงโรม ขึ้นมาใหม่แทนหลังเก่าที่พังลงเพราะไฟไหม้ ซึ่งวิหารยังคงอยู่มาจนปัจจุบัน
130 ตุลาคม, ระหว่างเดินทางไปอียิปต์ แอนโทเนียสเสียชีวิตเพราะตกลงไปในแม่น้ำไนล์ หลังเสียชีวิตฮาเดรียนได้ตั้งเมืองแอนติโนโพลิส ( Antinopolis) บริเวณที่แอนติเนียสจมน้ำเพื่อเป็นอนุสรณ์ และสั่งให้นักบวชสถาปนาแอนโทเนียสเป็นเทพ
เดินทางไปเยรูซาเร็ม
ในปีนี้เริ่มมมีการก่อสร้างสุสานสำหรับฮาเดรียน(Tomb of Hadrain ภายหลังรู้จักกันว่าเป็น Castel Sant’ Angelo) ขึ้นบริเวณฝั่งขวาของแม่น้ำไทเบอร์ (Tiber river)
132 (Second Roman-Jewish War,132-136) ยิวในปาเลสไตน์ก่อการกบฏ นำโดยไซม่อน บาร์ ก็อคบา (Simon bar Kokhba) และ อกิบา เบน โจเซฟ (Akiba ben Joseph)
ฮาเดี้ยนตั้งกลุ่มดาวแอนโทเนียส (Antonous constellation) ขึ้นบนท้องฟ้า แต่ว่าในปี 1930 สหภาพดาราศาสตร์ได้ยกเลิกกลุ่มดาวแอนโทเนียสไป
134 กองทัพโรมันปราบปรามชาวยิวที่กฏได้สำเร็จ ซึ่งเป็นผลให้ยิวกว่าห้าแสนคนถูกสังหาร
136 ฮาเดรียนรับลูเซียส คอมโมดัส (Lucius Aelius , Lucious Ceionius Commodus) เป็นลูกบุญธรรม ตั้งใจที่จะให้เป็นทายาทสืบต่อจากเขา , ซาบิน่า ภรรยาของฮาเดรียนเสียชีวิตช่วงปลายปี 136 หรือต้นต้นปี 137
138 1 มกราคม , ลูเซียส เสียชีวิต
ฮาเดรียนรับลูกบุญธรรมคนใหม่ คือแอนโตนินัส (Antoninus Pius) ซึ่งกลายเป็นซีซาร์องค์ใหม่หลังจากฮาเดรียนเสียชีวิต
10 กรกฏาคม, ฮาเดรียนเสียชีวิตขณะอายุ 62 ปี ภายในบ้าน ที่เมืองบาอิอา (Baia, Italy) หลังจากนั้นศพได้ถูกประกอบพิธีครั้งแรกที่เมืองพูตีโอลิ (Puteoli) ก่อนที่จะนำไปยังโรม และประกอบพิธีอีกครั้งที่สวนแห่งโดมิเตีย (Domitia)
139 เมื่อสุสานฮาเดรียนสร้างเสร็จ อัษฐิจึงถูกนำมาเก็บไว้ในสุสาน