Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Vlad III Dracula

วล๊าด แดร็กคูล่า ที่ 3

วล๊าด เกิดในเมืองเล็กๆ ชื่อไซก์ไฮซอร่า (Sighisoara) ทรานซิลวาเนีย (Transylvania) ในราชอาณาจักรฮังการี (Kingdom of Hungary) ในปี 1431 เป็นลูกชอง วล๊าด แดร็กคูล ที่ 2 (Vlad II Dracul) กับพระมารดาที่เชื่อว่าเป็นเจ้าหญิงคนีจน่า แห่งมอนดาเวีย ( Cneajna of Moldavia ) ซึ่งเป็นภรรยาคนที่สองของวล๊าด ที่ 2
ในปีที่วล๊าดเกิดนั้น , พ่อของเขา วล๊าด ที่ 2 ได้ก่อตั้งนักรบมังกร (Order of the Dragon) ขึ้นมาร่วมกับกษัตริย์ ซิกิสมุนด์ แห่งฮังการี (Sigismund , King of Hungary)  นักรบมังกรมีหน้าที่ปกป้องชาวคริสต์ ซึ่งตอนนั้นถูกรุกรานโดยพวกเติร์ก พออายุได้ 5 ปี วล๊าด ก็เข้าร่วมเป็นนักรบมังกรด้วย
1436 วล๊าด ที่ 2 ได้รับสืบทอดบัลลังค์ของวัลลาเชีย (Wallachia) 
1442 วล๊าด ที่ 2 ถูกปลดจากตำแหน่งโดย Basarab II แต่ว่าต่อมาสามารถยึดอำนาจคืนมาได้ ด้วยการช่วยเหลือของสุลต่านมูราด ที่ 2 (Sultan Murad II)  โดยยอมจ่ายภาษีให้กับสุลต่าน และต้องส่ง เจ้าชายวล๊าด และเจ้าชายราดู (Radu) ลูกชายสองคนไปยังอ๊อตโตมาน เพื่อเป็นตัวประกัน  เจ้าชายราดู นั้นต่อมาเปลี่ยนไปนับถืออิสลาม และทำงานรับใช้เจ้าชายเมห์เมด ที่ 2 (Mehmed II) ลูกชายของสุลต่านมูราด 
1447 พวกขุนนาง (Boyars) ที่สนับสนุนฝ่ายฮังการีได้ทำการก่อกบฏ ได้สังหารวล๊าด ที่ 2  , และเจ้าชายไมร์เคีย (Mircea) ลูกชายคนโตของวล๊าด ที่ 2 และทายาทก็ถูกทรมาน ก่อนจะถูกเผาทั้งเป็นบริเวณ Targoviste
ฝ่ายอ๊อตโตมานกลัวว่าวัลลาเชียจะตกอยู่ในมือฮังการี จึงได้ยกทัพมาปราบ และได้ตั้งให้วล๊าด ที่ 3 ซึ่งอายุเพียง 16 ปี ดำรงตำแหน่งแทนบิดา แต่ว่าไม่นาน จอห์น ฮันยาดิ (John Hunyadi) แม่ทัพของฝ่ายฮังการี ได้ยกกองทัพมายึดวัลลาเชียเอาไว้ได้ แต่ได้ตั้ง วลาดิสลาฟ ที่ 2 (Vladislav II) เป็นผู้ครองเมืองแทน
วล๊าด ต้องหนีไปอยู่กับลุงของเขา บ๊อกดาน ที่ 2 (ฺBogdan II) ที่มอลดาเวีย (Moldavia)
1451 บ๊อกดาน ที่ 2 ถูกลอบสังหาร วล๊าดต้องหนีอีกครั้งไปยังฮังการี  ฮันยาดิแม่ทัพของฮังการีเมื่อได้พบกับวล๊าด เกิดพอใจในความรู้เกี่ยวกับอ๊อตโตมานของวล๊าด และเมื่อรู้ว่าวล๊าดเกลียดสุลต่านเมห์เมด ที่ 2 ด้วย ก็เลยตั้งให้เขาเป็นที่ปรึกษา
1453 กรุงคอนสแตนติโนเปิ้ลล่มสลาย (Fall of Constantinople) ถูกพวกเติร์กยึดไว้ได้ กลายเป็นของเมห์เมด ที่ 2  หลังจากนั้นเมห์เมดพยายามที่จะขยายอำนาจเข้ามายังแผ่นดินยุโรป 
1456 เมห์เมด ที่ 2 บุกเบลเกรด , ฮันยาดิต้องถอยไปตั้งรับอยู่ในเซอร์เบีย ส่วนวล๊าด นั้นได้นำทัพกลับมายึดวัลลาเชียคืนมาได้  วล๊าดทำการฟื้นฟูบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ ปรับปรุงการเกษตร เศรษฐกิจ และการทหาร  มีการสร้างโบสถ์ที่ Târgsor เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงพ่อและพี่ชายที่ถูกสังหารบริเวณดังกล่าว 
1459 ในที่ประชุมแห่งแมนตัว (Congress of Mantua) พระสันตะปาปาปิอุส ที่ 2  (Pope Pius II) เรียกร้องให้มีการทำสงครามศาสนาต่อต้านอ๊อตโตมานอีกครั้ง โดยลูกชายของฮันยาดิ ชื่อแมตเธียส คอร์วินัส (Matthias Corvinus) เป็นผู้มีบทบาทนำในสงครามครั้งใหม่นี้ ส่วนวล๊าดนั้นมีฐานะเป็นฝ่ายสนับสนุนแมตเธียส 
ช่วงปลายปี สุลต่านเมห์เมด ที่ 2 ส่งทูตมายังวัลลาเชีย เพื่อทวงเงินภาษีประจำปี  ซึ่งตอนนั้นอ๊อตโตมานยังมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร  แต่ว่าวล๊าดปฏิเสธ และได้สังหารทูตเสีย โดยใช้ตะปูตอกผ้าโผกหัว (turban) ของคณะฑูตเข้ากับศรีษะของแต่ละคน
ต่อมาเมื่ออาณาจักรของวล๊าด ขยายไปยังบริเวณลุ่มน้ำดานูบ (Danube) ฝ่ายอ๊อตโตมาได้ส่ง ฮัมซา ปาชา (Hamza Pasha) มาเป็นฑูตในการเจรจาสันติภาพด้วย ซึ่งคณะฑูตมีประมาณหนึ่งพันคนที่เดินทางมา แต่ว่าวล๊าดได้ส่งทหารเข้าโจมตีคณะฑูตระหว่างเดินทางมาถึงตอนเหนือของไกเออร์จู (Giurgiu) ซึ่งเกือบทั้งหมดถูกสังหาร และนำไปเสียบประจาน รวมทั้งฮัมซา ปาซา ด้วย
1462 วัลลาเชีย ขยายดินแดนมาถึงบริเวณแม่น้ำดานูบตอนล่าง ที่เรียกว่า โอบลูคิตซ่า (Oblucitza) และธิกเฮน (Ghighen) ใกล้กับปากแม่น้ำดานูบที่ไหลลงทะเลดำ ที่นี่ทหารของวล๊าดสังหารพลเมืองและทหารของอ๊อตโตมานปีอีกหลายหมื่นคน
มิถุนายน, ช่วงฤดูใบไม้ผลิ  สุลต่านเมห์เมด ที่ 2 ยกทัพกลับมาตอบโต้ ทหารเกือบแสนนายมุ่งหน้าสู่วัลลาเชีย 
17 กรกฏาคม , The Night Attack of Târgoviste ทหารของวล๊าด ซุ่มโจมตีกองทัพของเมห์เมด ที่ 2 บริเวณตาร์โกวิสต์ (ในโรมันเนีย ปัจจุบัน) ซึ่งวล๊าดประสบความสำเร็จได้รับชัยชนะ สังหารพวกเติร์กไปอีกกว่าหมื่นห้าพันคน แต่ว่าเขายังไม่สามารถฆ่าเมห์เมด ที่ 2 ได้ 
เมห์เมดถอยทัพกลับไปยังแอนเดรียนโปลิส (Andrianpolis)  หลังจากนั้นได้สั่งให้ราดู น้องชายของวล๊าดที่ภักดีกับอ๊อตโตมาน รับผิดชอบในการบุกวัลลาเซีย 
ภรรยาคนแรกของวล๊าด นั้นไม่ทราบชื่อ ตำนานเล่าว่าเธอเสียชีวิตช่วงที่มีการบุกปราสาทโปนาริ (Poenari Castle) โดยทหารของราดู  พลธนูคนหนึ่งในกองทัพของราดูซึ่งยังมีความจงรักภักดีกับวัลลาเชีย ได้ใช้ธนูติดจดหมายยิงเข้าไปที่หน้าต่างเพื่อส่งสานห์ให้วล๊าดรู้ว่ากองทัพอ๊อตโตมานกำลังจะบุกมา ภรรยาของวล๊าดเมื่อได้อ่านข้อความ ก็ตัดสินในฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงไปในแม่น้ำอาร์เกส (Arges river) โดยให้เหตุผลว่าดีกว่าที่จะต้องกลายเป็นเชลยของพวกเติร์ก  กับภรรยาคนแรกของวล๊าด นั้นเธอให้กำเนิดลูกชายสองคน คือ ไมห์เนีย ที่ 1 (Mihnea I the Bad) และ มิเฮล (Mihail)
เมื่อราดูสามารถยึดปราสาทโปนาริได้ เขาได้รับยศ (Bey of Wallachia) จากเมห์เมด ที่ 2 
วล๊าด นั้นนำทหารหนีไปยังฮังการี ระหว่างทางเขารบชนะทหารเติร์กหลายครั้ง แต่ว่าเงินก็หมดจนไม่สามารถจ่ายค่าจ้างนักรบได้ เมื่อไปถึงฮังการีได้ขอความช่วยเหลือจากแมตเธียส  แต่ปรากฏว่าแมตเธียสกลับจับวล๊าดขังไว้ในคุก หลังจากนั้นบังคับให้วล๊าดเขียนจดหมายไปยังอ๊อตโตมานเพื่อให้ยุติการรบระหว่างกัน  แมตเธียสนั้นไม่มีความต้องการจะทำสงครามและเขาใช้เงินที่ได้รับจากพระสันตะปาปาไปจนหมด วล๊าดถูกขังอยู่นับสิบปี ก่อนถูกปล่อยตัวในปี 1474
ปี 1462 วล๊าดแต่งงานอีกครั้งระหว่างถูกจำคุกกับ อิโลน่า สซิลากู (Ilona Szilágyi) พวกเขามีลูกด้วยกันสองคน คือ วล๊าด ที่ 4 (Vlad IV Dracula) และลูกชายอีกคนไม่ทราบชื่อ แต่ต่อมาไปอาศัยอยู่กับบิชอฟแห่งโอราเดีย (Bishop of Oradea) ในทรานซิลวาเนีย
1475 ราดู เสียชีวิตอย่างกระทันหัน 
1476 26 พฤศจิกายน , วล๊าด ประกาศว่าเขาเป็นผู้ปกครองวัลลาเซียอีกครั้ง แต่ัยังไม่ได้ดินแดนมาครอบครอง และเขากำลังรวบรวมทหารเพื่อจะบุกยึดวัลลาเชีย โดยคราวนี้ได้รับการสนับสนุนจากฮังการี
1477 วันที่เสียชีวิตของวล๊าดนั้นไม่แน่ชัดแต่เป็นช่วงเดือนธันวาคมปี 1466 หรือบางที่ระบุว่าเป็น 10 มกราคม 1477 , วล๊าด เสียชีวิตโดยการถูกลอบสังหาร ระหว่างการเดินทางจากบุชาเรสต์ (Bucharest) ไปยังไกเออร์จู โดยไม่ทราบสถานที่เสียชีวิตแน่ชัด แต่ว่าศรีษะของเขาถูกตัดส่งกลับไปยังคอนสแตนติโนเปิ้ล  ศพของวล๊าดถูกนำไปฝังโดยไม่ประกอบพิธีโดยบาซาราบ เลาต้า (Basarab Laiota) ซึ่งเป็นผู้ปกครองวัลลาเชียคนใหม่ 
สถานที่ฝังศพของวล๊าดนั้นไม่ทราบแน่ชัด คาดว่าเป็นที่วิหารในโคมาน่า (Comana monastery) ซึ่งวล๊าดเป็นผู้สร้างในปี 1461 แต่วิหารถูกรื้อทิ้งในปี 1589 
Don`t copy text!