Enrico Fermi

เอนริโค เฟอร์มิ (Enrico Fermi)

เฟอร์มิ เป็นคนอิตาลี เขาเกิดในกรุงโรมในวันที่ 29 กันยายน 1901 พ่อของเขาชื่ออัลเบอร์โต้ (Alberto Fermi) มีอาชีพเป็นตำรวจและยังเคยเป็นรัฐมนตรีกิจการรถไฟ ส่วนแม่ชื่อไอด้า (Ida de Gattis) เป็นคุณครูในโรงเรียนประถม เฟอร์มิ เป็นลูกคนที่สามของครอบครัวนี้ 

เมื่อแรกเกิดเฟอร์มิถูกส่งไปอยู่ในชนบทโดยอยู่ในการดูแลของพี่เลี้ยง ก่อนที่จะได้กลับมาอยู่่กลับพ่อแม่เมื่ออายุสองปีครึ่งแล้ว เขามีความสนใจเรื่องเครี่องยนต์กลไกมาตั้งแต่เล็ก ตอนเด็กๆ ชอบเล่นของเล่นที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับพี่ชาย หนังสือเกี่ยวกับฟิสิกเล่มแรกที่เขาอ่านคือ Elemantal physical mathematic เขียนโดยบาทหลวงแอนเดรีย (Andrea Caraffa) 

1918 เรียนจบชั้นมัธยมปลาย และได้สมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโรม (University of Rome) ในตอนแรกเขาเลือกวิชาคณิตศาสตร์

1920 เปลี่ยนวิชาเอกมาเป็นฟิสิก ซึ่งทั้งชั้นมีนักเรียนเพียง 3 คน คือฟรานโก้ (Franco Rasetti) , เนลโล่ คาร์ราร่า (Nello Carrara) และเฟอร์มิ ซึ่งพวกเขาร่วมกันศึกษารังสีเอ็กซ์ซึ่งผ่านผลึกคริสตัล (X-ray crystallography)

1921 มีผลงานเขีียนทางวิทยาศาสตร์ชิ้นแรก เรื่อง On the dynamics of a rigid system of electrical charges in translational motion 9ีพิมพ์ลงในนิตยการ Nuovo Cimento ในอิตาลี

1922 จบปริญญาเอก ขณะที่อายุเพียง 21 ปี โดยวิทยานิพนธ์ของเขาหัวเรื่อง A theorem on probability and some of its applications 

1923 ได้รับทุนจากรัฐบาลให้เดินทางไปดูงานที่มหาวิทยาลัยก๊อตตินเจน (Universtiy of Gottingen) ในเยอรมัน เพื่อฝึกงานกับแม็ก บอร์น (Max Born) ในตอนนั้นมหาวิทยาลัยก็อตตินเจนเป็นเหมือนศูนย์กลางการศึกษาฟิสิกทฤษฏี 

1924 ย้ายมาอยู่ที่เลย์เดน (Leyden) ซึ่งใช้เวลาทำงานร่วมกับพอล อีเรสเฟสต์ (Paul Ehrenfest) หลายเดือน ก่อนที่จะเดินทางกลับอิตาลีช่วงปลายปี ทั้งคู่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ถือว่าเป็นผู้บุกเบิกฟิสิกควอนตัม

1925 เป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์อยู่ที่มหาวิทยาลัยฟลอเรนซ์ (University of Florence) 

1926 ค้นพบทฤษฏีทางสถิติ ที่ปัจจุบันถูกเรียกว่า Fermi-Dirac statistics (พอล ดิแรค (Pual Dirac) เป็นนักฟิสิกชาวอังกฤษ เฟอร์มิ และดิเรก ต่างค้นพบทฤษฏีเดียวกันโดยที่ไม่ได้ทำงานร่วมกัน)

1927 ได้ตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านฟิสิกทฤษฏีที่มหาวิทยาลัยโรม (University of Rome) ซึ่งระหว่างอยู่ที่นี่เขามีสร้างกฏต่างๆ เกี่ยวกับฟิสิกอีกหลายอัน (เช่น Fermi’s golden rule, Fermi surface, Fermi resonance, Thomas-Fermi theory of Atom )

ในโรมนี้เฟอร์มิยังได้ร่วมทีมกับนักฟิสิกหลายคน เพื่อทำการทดลองเกี่ยวกับควอนตัม หลายคน อย่าง เกียน วิคก์ (Gian Carlo Wick), อูโก้ ฟาโน่ (Ugo Fano), กิอูลิโอ รัช (Giulio Rach), เอ็ดโตรี มาโจราน่า (Ettore Majorana), บรูโน่ บอนเตคอร์โว่ (Bruno Pontecorvo), อีโดอาร์โด้ อมัลดิ (Edoardo Amaldi), กุชซิปปี คอคโคนี (Giusseppe Cocconi)

1928 แต่งงานกับลอร่า คาปอน (Laura Capon) พวกเขามีลูกด้วยกันสองคนคือ กิอูลิโอ (Giulio) และลูกสาวเนลล่า (Nella)

Introduction to Atomic Physics , หนังสือที่เขาเขียนถูกพิมพ์ออกมา เพื่อให้นักศึกษาได้ใช้ประกอบการเรียน

1929 ในรัฐบาลของมุโสลินี (Benito Mussolini) เฟอร์มิได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกของสถาบันวิทยาศาสตร์อิตาลี (Royal Academy of Italy)

27 เมษายน, เฟอร์มิเข้าเป็นสมาชิกพรรคฟาสซิสต์ (Fascist Party)

1934 เสนอทฤษฏี Fermi interaction (Fermi’s theory of beta deday) ซึ่งเป็นความเข้าในผิดของเฟอร์มิเกี่ยวกับอิเล็กตรอนที่หลุดออกมาจากอะดอม ซึ่งตอนนั้นเฟอร์มิสนับสนุนสมมุติฐานของปัวลิ (Pauli) ว่าเป็นอนุภาคที่ไม่มีประจุขนาดเล็กที่หลุดออกมา เฟอร์มิจึงเรียกอนุภาคนี้ว่านิวทริโน่ (Neutrino) ซึ่งแปลว่านิวตรอนขนาดเล็ก ซึ่งผิด และนิวทริโน่ถูกค้นพบหลังจากเฟอร์มิเสียชีวิตไปแล้ว  

1938 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิก 

เฟอร์มิลี้ภัยออกจากอิตาลี เพราะว่าลอร่าเรื่องที่ภรรยาของเขานั้นมีเชื้อสายของยิวถูกทางการทราบ เขาพาครอบครัวเดินทางไปยังสหรัฐ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในนิวยอร์ค (Columbia University, N.Y.) ที่นี่เขาได้ทำงานกับอิซิดอร์ ราบิ (Isidor Isaac Rabi) และ (Polycrap Kusch)

1942 2 ธันวาคม (เวลา 15.25 ) เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์อันแรกของโลก Chicago Pile-1 เริ่มทำงาน โดยทฤษฏีพื้นฐานมาจากสซิลลาร์ด (Leo Szilard)

1944 กรกฏาคม, ได้รับสัญญาติอเมริกา

 เขาต้องย้ายไปทำงานที่ลอสอลามอส (Los Alamos, New Mexico) ในนิวเม็กซิโก ซึ่งตอนนั้นเป็นฐานวิจัยอาวุธนิวเคลียร์ ของสหรัฐในช่วงสงครามโลก 

1945 16 กรกฏาคม, (Trinity test)  เฟอร์มิร่วมสังเกตุการณ์ในการทดสอบการระเบิดของนิวเคลียร์ลูกแรก The Gadget ในทะเลทรายในนิวเม็กซิโก สามสัปดาห์ก่อนที่ระเบิดนิวเคลียร์อีกสองลูก Little Boy, Fat Man จะถูกนำไปทิ้งในญี่ปุ่น

1946 หลังสงครามโลกมาเป็นศาสตราจารย์ที่สถาบันนิวเคลียร์ในมหาวิทยาลัยชิคาโก้ (University of Chcago)  และเป็นที่ปรึกษาให้กับคณะกรรมการด้านกิจการพลังงานนิวเคลียร์ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาระเบิดไฮโดรเจน 

1954 28 พฤศจิกายน , เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในลำไส้ ในชิคาโก้