Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Richard Sorge

ริชาร์ด ซอร์จ (Рихард Зорге)

สายลับ 

ซอร์จ เกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 1898 ในบากู อาเซอร์ไบจาน (Baku, Azerbaijan) ซึ่งขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิรัสเซีย พ่อของเขาเป็นชาวเยอรมัน ชื่อ วิลเฮล์ม ซอร์จ (Wilhelm richard Sorge) เป็นวิศกรเหมืองแร่ ส่วนแม่เป็นชาวรัสเซียยูเครนชื่อนิน่า (Nina Semionovna Kobieleva)
วิลเฮล์มนั้นถูกว่าจ้างโดยบริษัทคอเคซัสออยล์ (Caucasian Oil Company) ให้มาทำการสำรวจหาแหล่งน้ำมันในคอเคซัส​ จึงได้พบรักกับนิน่า 
ซอร์จนั้นเป็นลูกชายคนที่ 4 และเป็นคนสุดท้องที่เกิดกับนิน่า แต่ว่าวิลเฮล์ม ก่อนหน้านั้นเขามีลูกอยู่แล้วห้าคน
ปู่ของซอร์จ คือ ฟริดริช ซอร์จ (Friedrich Adolf Sorge) เคยทำงานเป็นเลขาให้กับคาร์ล มาร์ก (Karl Marx)
เมื่อซอร์จอายุได้ 3 ปี พ่อของเขาหมดสัญญากับบริษัทจึงได้เดินทางกลับเยอรมัน โดยเขาพาครอบครัวกลับไปอยู่ที่บ้านชานกรุงเบอร์ลิน 
1914 เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาเข้าเป็นทหารในกองทัพเยอรมัน และมีโอกาสได้ต่อสู้กับกองทัพฝรั่งเศสและรัสเซีย ระหว่างนี้เขาได้รับบาดเจ็บหลายหน และหนักที่สุดคือต้องเสียน้ิวเท้าไปสามนิ้ว ทำให้เขาเดินไม่ปกติตลอดชีวิต นอกจากนี้พี่น้องไปสองคนในช่วงสงครามนี้ ซอร์จได้รับตำแหน่งสูงสุดเป็น corporal ในกองทัพ และยังได้ตรา Iron Cross ชั้นที่ 2 ด้วย
หลังจากปลดประจำการณ์ เขาสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแฮมบูร์ก (Hamburg University) โดยเลือกเรียนสาขาแพทย์ศาสตร์ แต่ว่าไม่นานก็ย้ายไปเรียนทางด้านรัฐศาสตร์ 
1919 จบปริญญาเอกด้านรัฐศาสตร์ที่แฮมบูร์ก 
ช่วงนี้เองเขาได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมัน  แต่ว่าความเห็นที่ขัดแย้งกับสหายภายในพรรคทำให้เขาออกจากพรรคมา แล้วเดินทางไปยังสหภาพโซเวียต เขาอาศัยอยู่ในมอสโคว์และกลายเป็นสายลับให้กับองค์การโคมินเทิร์น (Comintern) 
ซอร์จทำงานเป็นสายลับ โดยแฝงตัวในบทบาทของนักข่าวของหนังสือพิมพ์ ทำให้สามารถเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรปได้อย่างไม่น่าสงสัย 
1921 พฤษภาคม, แต่งงานกับ คริสเตียนนี (Christiane Gerlach) ระหว่างที่ซอร์จไปอาศัยอยู่ในเยอรมัน คริสเตียนนี นั้นเคยเป็นภรรยาของ ดร. เคิร์ต (Kurt Albert Gerlach)  มาก่อน ซึ่ง ดร.เคิร์ต ยังเป็นเคยเป็นอาจารย์ที่สอนซอร์จตอนเรียนหนังสือและยังมีแนวคิดแบบคอมมิวนิสต์เหมือนกัน 
หลังจากแต่งงานซอร์จพาภรรยาบ้ายมาอยู่ในแฟรงค์เฟิร์ต 
1924 ซอร์จและคริสเตียนนี ย้ายมาอยู๋ในมอสโคว์ 
1926 หย่ากับคริสเตียนนี
ภรรยาคนที่สองของซอร์จ เป็นครูชาวรัสเซียชื่อเยแคทเธอริน่า (Ekaterina Maksimova)  
1929 เข้าทำงานในแผนกที่ 4 (4th Department~ GRU) ของกองทัพแดงซึ่งเป็นแผนกสายลับ
เดินทางมาอังกฤษในฐานะนักข่าวที่มาทำข่าวการเคลื่อนไหวของแรงงานในสหราชอาณาจักร
พฤศจิกายน, มายังเยอรมันและได้เข้าเป้นสมาชิกของพรรคนาซี (Nazi Party) ซอร์จ เริ่มทำงานเป็นนักข่าวให้กับหนังสือพิมพ์เยอรมัน หลายฉบับอย่าง Berliner Börsen Zeitung, Tägliche Rundschau
1930 ถูกส่งตัวไปยังช่างไฮ่ (Shanghai) ในจีน  ระหว่างอยู่ในจีนเขาใช้ชื่อว่าแรมไซ (Ramsai) โดยทำงานในจีนในฐานะของผู้สือข่าวหนังสือพิมพืแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurter Zeitung)  ระหว่างนี้ได้รู้จักกับสายลับอีกสองคน อูร์ซุล่า (Ursula Kuczanski) เป็นสายลับให้กับเยอรมันและโซเวียต , แอ๊กเนส สเมดเลย์ (Agnes Smedley)  ซึ่งเป็นนักข่าวสหรัฐ เธอทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับซอร์จด้วย 
1933 กันยายน, ถูกส่งตัวไปญี่ปุ่น  ซึ่งเมื่ออยู่ในญี่ปุ่นเขามีสมาชิกที่เป็นเครือข่ายอย่าง ฮ็อตซุมิ โอซากิ (Hotzumi Ozaki) นักข่าวของหนังสือพิมพ์อซาฮี (Asahi Shimbun)  , แม็กซ์ ก๊อตไฟรด์ (Max Gottfried) เจ้าหน้าที่วิทยุ , Friedrich Clausen, บราโก้ วูเกวิค (Branko Vukelic) เป็นสายลับของโคมินเทิร์น,มิยากิ โยโตกุ (Miyagi Yotoku) เป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ Japan Advertiser ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษของญีปุ่น, วู (Vu) ทำงานให้กับแม็กกาซีนของฝรั่งเศส , ยูเจน อ๊อต์ต (Eugen Ott) เป็นเจ้าหน้าที่ทหารของเยอรมัน 
อ๊อตซุมิ โอซากิ นั้นเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญให้กับซอร์จเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่น เพราะเขาเข้าถึงบุคคลในรัฐบาลของญี่ปุ่นได้ 
บุคคลิกของซอร์จนั้นเขาเป็นคนที่ดื่มเหล้าหนักมาก และเจ้าชู้มีความสัมพันธ์กับแหล่งข่าวผู้หญิงไม่น้อยกว่า 20 คนกล่าวกันว่าเขาเป็นสายลับที่ใกล้เคียงกับเจมส์ บอน ในหนังสือที่สุด , ซึ่งช่วงก่อนสงครามโลกแม้ว่าซอร์จจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ทางการรัสเซีย เช่น การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์, การต่อต้านโคมินเทิร์น แต่ข้อมูลที่ได้จากซอร์จถูกจัดชั้นให้มีน้ำหนักที่น้อยกว่าจากแหล่งอื่น
1941 ซอร์จแจ้งเตือนเครมลินให้ทราบถึงปฏิบัติการบาร์บารอสซ่า (Operation Barbarossa) ว่าเยอรมันมีแผนจะโจมตีโซเวียตราวเดือนมิถุนายน แต่สตาลินในขณะนั้นไม่เชื่อรายงานของซอร์จ จนกระทั้งเมื่อเยอรมันโจมตีโซเวียตจริงๆ ในวันที่ 22 มิถุนายน ข้อมูลที่ได้จากซอร์จจึงถูกยกให้มีความน่าเชื่อถือสูงมากขึ้น และข้อมูลที่ซอร์จรายงานให้เครมลินทราบว่าญี่ปุ่นไม่ได้มีแผนที่จะโจมตีโซเวียตจนกว่ามอสโคว์จะถูกยึดหรือเกิดสงครามกลางเมืองในไซบีเรียขึ้นก่อน  ่ทำให้สตาลินตัดสินใจย้ายทหารจากตะวันออกมายังตะวันตะเพื่อรับมือกับนาซีได้อย่างเต็มที
14 ตุลาคม, โอซากิ ถูกทางการญี่ปุ่นจับตัวไปสอบสวน
18 ตุลาคม, ซอร์จถูกเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นจับตัวได้ในโตเกียว
1944 7 พฤศจิกายน , ถูกประหารชีวิตโดยการแขวนคอ ภายในเรือนจำซุกาโมะ (Sugamo Prison) และถูกฝังที่นั่น
วีรกรรมของซอร์จไม่เป็นเปิดเผยในโซเวียต อาจเป็นเพราะสตาลินไม่ต้องการให้รู้ว่าเขาตัดสินใจผิดเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้จากซอร์จในตอนแรก จนกระทัั้งในปี 1961 มีภาพยนต์เรื่อง Qui êtes-vous, Monseiur Sorge? (Who are you, Mr. Sorge?) สร้างในฝรั่งเศส และโด่งดังมากจนได้รับความนิยมไปถึงโซเวียต
1964 ในสมัยของครุสเชฟ (Nikita Khrushchev) โซเวียตจึงได้ยอมรับการมีตัวตนจริงของซอร์จ และเขาได้มอบรางวัล Hero of the Soviet Union ให้อย่างเป็นทางการในวันที่ 5  พฤศจิกายน และเงินรางวัลมอบเป็นเงินบำนาญให้กับคนรักชาวญีปุ่่นของซอร์จ ฮานาโกะ อิชิอิ(Hanako Ishii)
1967  ได้ย้ายอัษฐิของเขาไปไว้ที่สุสานทามะ (Tama cemetery) ในฟูชุ (Fuchū) โดยที่ฮานาโกะ เดินทางไปเยี่ยมสุสานของเขาเป็นประจำจนกระทั้งเธอเสียชีวิต ในปี 2000
Don`t copy text!