Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Alfred Wegener

อัลเฟรด เวกเนอร์ (Alfred Lothar Wegener)

ผู้สร้างทฤษฏี Continetal drift (การเคลื่อนที่ของเปลือกทวีป)

เวกเนอร์ เกิดวันที่ 1 พฤศจิกายน 1880 ในเบอร์ลิน พ่อของเขาชื่อริชาร์ด (Richard Wegener) เป็นอาจารย์สอนด้านภาษาศาสตร์  เวกเนอร์เป็นลูกคนเล็กในพี่น้องห้าคน

1899 เรียนจบมัธยมปลายด้วยผลการเรียนกอันดับหนึ่งของชั้น และได้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยฟรีดริช (Friedrich Wilhelm University) ในกรุงเบอร์ลิน โดยเลือกเรียนทางด้านคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์

ต่อมาได้ย้ายมาเรียนที่มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก (University of Heidelberg) แต่ว่าอยู่ได้ไม่นานก็ย้ายมาเรียนที่เบอร์ลิน 

ตอนที่เรียนอยู่เขาใช้เวลาว่างไปอยู่ที่หอดูดาวในเบอร์ลิน และมีกิจกรรมเล่นบอลลูน

1904 เรียนจบ โดยได้ปริญญาเอกทางด้านดาราศาสตร์ 

1906 ออกเดินทางไปกับคณะสำรวจที่เดินทางไปสำรวจชายฝั่งของกรีนแลนด์ และเมื่อกลับมาเยอรมันเขาได้เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยมาร์เบิร์ก (University of Marburg)

1912 ออกเดินทางไปสำรวจที่กรีนแลนด์อีกครั้งหนึ่ง

1913 แต่งงาน เอลซ่า (Elsa Köeppen) ลูกสาวของวลาดิมีร์ โคปเพน (Wladimir Köppen) พวกเขามีลูกสาวด้วยกันสามคน

1914 เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาได้เข้าเป็นทหารในกองทัพและถูกส่งไปรบในแนวหน้า จนได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง จนที่สุดแล้วถูกส่งตัวกลับมารักษาตัวที่บ้าน

1915 เมื่ออยู่ที่บ้านเขาได้เริ่มเขียน The Origin of Continents and Oceans ซึ่งได้ตั้งทฤษฏีการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก (continental drift) จากการตั้งข้อสังเกตุว่าทวีปต่างๆ สามารถต่อกันได้เป็นแผ่นเดียวกันเหมือนจิ๊กซอ ซึ่งกลายเป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้างเวลานั้น แต่ว่าเวกเนอร์คิดว่าแรงที่ทำให้ทวีปต่างๆ แยกออกจากกันมาจากแรงหมุนของโลก และกระแสคลื่นในมหาสมุทร

หลังสงครามได้ทำงานที่หอสังเกตุการณ์ชั้นบรรยากศของกองทัพเรือในเมืองแฮมเบิร์ก (Naval Meteorology Observatory, Hamburg)  

1921 เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแฮมเบิร์กซึ่งเพิ่งจะก่อตั้ง

1924 ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยกราซ (University of Graz)  ในออสเตรีย

1930 ไปสำรวจกรีนแลนด์เป็นครั้งที่ 3 แต่ว่าสภาพอากาศครั้งนี้เลวร้ายมาก 

24 กันยายน เวกเนอร์ และฟริตซ์ (Fritz Loewe) ได้ออกจากแคมป์ตะวันตกพร้อมด้วยชาวกรีนแลนด์อีกสามคน เพื่อไปยังสถานีอีสมิตต์ (Eismitte) เพื่อเอาสบียงสำรองที่เก็บเอาไว้ โดยใช้เลื่อนที่ลากด้วยสุนัข แต่ว่าระหว่างทางที่มีอุณภูมิลบกว่า 60 องศา ระหว่างทางฟริตซ์ถูกน้ำแข็งกัดรุนแรง จนชาวกรีนแลนด์ 12 คนต้องพาเขากลับไปยังแคมป์ก่อน เหลือเพียงสามคนที่มุ่งหน้าไปสถานีอีสมิตต์ แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงอีสมิตต์แล้วอาหารสำรองเหลือน้อยสำหรับเพียงสามคน  ขากลับพวกเขาจึงต้องฆ่าสุนัขบางตัวเพื่อใช้เป็นอาหารให้พวกมันกันเอง จนในที่สุดแล้วสุนัขเหลือน้อยจนสามารถลากเลื่อนให้คนนั่งได้คนเดียว โดยวิลลัมเซน (Rasmus Villumsen) เป็นคนนั่งเลื่อน ส่วนเวกเนอร์อาศัยสกีเดินทางแทน แต่ปรากฏว่าทั้งคู่ไม่ได้กลับมายังแคมป์อีกเลย คาดว่าจะเสียชีวิตในช่วงเดือนพฤศจิกายน 

1931 12 พฤษภาคม, มีการพบร่างของเวกเนอร์ซึ่งอยู่ในหลุมศพที่ทำอย่างดี ระหว่างแคมป์ตะวันตกกับสถานีอีสมิตต์ โดยหลุมศพของเวกเนอร์มีสกีที่เขาใช้ปักอยู่ โดยวิลลัมเซนน่าจะเป็นผู้ทำการฝังเวกเนอร์ เมื่อตอนที่เขาเสียชีวิตซึ่งสันนิษฐานว่าเวกเนอร์ตายด้วยอาการหัวใจล้มเหลว หลังจากฝังเวกเนอร์แล้วนั้นวิลลัมเซนน่าจะเดินทางกลับไปยังแคมป์ตะวันตกลำพัง แต่ว่าเขาก็ไม่เคยกลับไปถึง ร่างของวิลลัมเซนยังคงสาปสูญพร้อมกับไดอารี่ของเวกเนอร์

Don`t copy text!