Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Edgar Cayce

เอ็ดการ์ เคย์ซี (Edgar Cayce)

The Sleeping Prophet

เอ็ดการ์เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 1877 ในฟาร์มห่างตัวเมืองฮอปกิ้นวิลล์ไป 8 ก.ม. , รัฐเคนตัคกี้ (Hopkinsville, Kentucky) สหรัฐฯ  ครอบครัวของเขามีอาชีพเกษตรกรรม พ่อชื่อเลสลี่ (Leslie B. Cayce) และแม่ชื่อแคร์รี่ (Carrie Cayce) 

1881 เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประถมในเบเวอร์ลี (Beverly)

1893 เอ็ดการ์ เรียนหนังสือจบแค่เกรด 9 เพราะฐานะที่บ้านยากจน หลังจากออกจากโรงเรียนแล้วเขาก็เร่ิมทำงานในฟาร์ม เขาเป็นคริสต์ศาสนิกชนที่เคร่ง มักจะไปโบสถ์เป็นประจำ

1894 ครอบครัวย้ายมาอยู่ในฮอปกิ้นสวิลล์ 

1877 มีประสบการณ์เกี่ยวกับพลังจิตเหนือธรรมชาติครั้งแรก ตั้งแต่วัยเด็ก เขาบอกว่าสามารถเห็นและพูดคุยกับวิญญาณของยายที่เสียไปแล้วได้ และเขาได้อ้างว่าสามารถมองเห็นแสงออร่าที่ออกมาจากร่างกายของผู้อื่น และยังติดต่อกับวิญญาณคนอื่นๆ ได้ด้วย นอกจากนั้นเขายังสามารถที่จะจำเนื้อหาของหนังสือได้โดยที่ตัวเองไม่ต้องอ่านแต่แค่นอนหลับโดยใช้หนังสือเล่มที่ต้องการหนุนศรีษะ

1897 หมั่นกับเกอร์ทรู๊ด อีวาน (Gertrude Evans

1899 ได้งานเป็นพนักงานในร้านหนังสือใหญ่ในหลุยส์วิลล์ (Louisville) ของ บริษัท J.P Morton & Co. และได้ร่วมกับพ่อของเขาตั้งบริษัทนายหน้าขายประกัน

1900 ป่วยด้วยโรคกล่องเสียงอักเสบ (laryngitis) ชนิดที่รุนแรง แพทย์ในขณะนั้นไม่สามารถรักษาได้  ทำให้เขาไม่สามารถพูดได้เป็นปกติ ทำได้เพียงคล้ายกับเสียงกระซิบเบาๆ  หลังจากนั้นเขาจึงพยายามรักษาด้วยวิธีต่างๆ หลายแบบตามแต่คำแนะนำที่ได้ฟังมาจากเพื่อนหรือคนใกล้ชิด ช่วงเวลาที่พูดไม่ได้นี้เขาต้องออกจากงานเก่าและหันไปทำอาชีพขายรูปถ่าย

1901 นักแสดงโชว์พลังจิต ชื่อ ฮาร์ต (Hart) ซึ่งมาเปิดการแสดงอยู่ในโฮเปร่าเฮาส์ของเมือง (Hopkinsville Opera House) ได้พบกับเอ็ดการ์ ฮาร์ตได้แนะนำวิธีรักษาให้กับเอ็ดการ์ โดยพาเขาขึ้นไปโชว์บนเวที และใช้พลังจิตของตัวเองรักษา โดยที่เอ็ดการ์ถูกจัดให้นอนหลับบนเวที และฮาร์ตก็สามารถทำให้เสียงของเขากลับมาได้ แต่ว่าเมื่อเอ็ดการ์ตื่นขึ้นมาเสียงของเขาก็หายไปอีก  หลังจากนั้นพวกเขาพยายามรักษาเอ็ดการ์อีกหลายครั้งในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นอย่างนั้น แต่สุดท้ายแล้วไม่สัมฤทธิ์ผล จนฮาร์ตต้องย้ายเมืองไป

เอ็ดการ์พบกับนักพลังจิตอีกคนหนึ่งชื่อ อัล เลยน์ (Al Layne) ซึ่งได้ช่วยแนะนำเทคนิคในการใช้พลังจิตรักษาในสภาวะที่เขากำลังอยู๋ในภวังค์ ซึ่งสามารถทำให้เสียงเขากลับมาได้ หลังจากนั้นพวกเขาจึงใช้วิธีที่ใช้รักษาเอ็ดการ์ในการรักษาให้กับคนอื่นๆ ในเมืองโดยไม่ได้คิดค่าใช้จ่าย 

วิธีการของเขา ตัวเขาเองมักจะนอนลงและอยู่ในสภาวะกึ่งหลับ หลับตา และบางมือไว้ที่ท้อง หลังจากนั้นเขาก็จะให้คำปรึกษาหรือตอบคำถามกับคนที่เข้ามาพบที่ต้องการทราบเรื่องต่างๆ การตอบคำถามหรือคำทำนายของเขา ถูกเรียกว่า “Reading”   แต่เมื่อตื่นขึ้นมาตัวเขาเองจะจำเรื่องที่พูดไปไม่ได้ 

1903 17 มิถุนายน, แต่งานกับเกอร์ทรู๊ด อีวาน ,หลังแต่งงานแล้วพวกเขาย้ายไปอยู่ที่โบวลิ่ง กรีน (Bowling Green)  พวกเขามีลูกด้วยกันสามคน 

1904 เขาเปิดสตูดิโอถ่ายภาพ โดยหุ้นกับเพื่อนของเขา แฟรง พ๊อตเตอร์ (Frank Potter)

1906 สตูดิโอถูกไฟไหม้

1907 เขาเปิดสตูดิโอใหม่อีกครั้ง 

1909 ย้ายกลับไปอยู่ที่ฮ๊อปกิ้นวิลล์ และทำงานเป็นช่างถ่ายรูป 

1910 9 ตุลาคม​, หนังสือพิมพ์ The NewYork Times ลงบทความเกี่ยวกับพลังจิตของเอ็ดการ์

เอ็ดการ์และ ดร.เวสลีย์ (Dr.Wesley Ketchum) จีงร่วมกันตั้ง Psychic Reading Corporation ขึ้นเพื่อเปิดให้บริการทำนายดวงชะตากับผู้ป่วย

เอ็ดการ์กลายเป็นข่าวลงในหนังสือพิมพ์และแม็กกาซีนเป็นระยะๆ เรื่อยมา จนทำให้มีคนเข้ามาขอคำปรึกษาเขามากมาย ประมาณว่าจนเขาเสียชีวิตเขาได้พบกับคนที่มาพบเขากว่าสามหมื่นคน รวมถึงดารา และประธานาธิบดี อย่างโทมัส อดิสัน (Thomas Edison)

1912 เอ็ดการ์ยกเลิกสัญญากับ ดร.เวสลีย์ และเดินทางไปยังอลาบาม่า (Alabama) เพื่อหางานเป็นช่างถ่ายรูป และเขาได้สร้างสตูดิโอขึ้นมาในเมืองเซลม่า (Selma, อลาบาม่า)

1924 ก่อตั้ง Association of National Investigators

1929 ก่อตั้งโรงพยาบาล Cayce Hospital  ที่เวอร์จิเนียบีช (Virginia Beach) โดยได้รับการสนับสนุนจากเศรษฐีคนหนึ่งชื่อมอร์ตัน (Morton Blumenthall) ที่เคยมาให้เขาช่วยดูดวงชะตาได้

1930 ก่อตั้ง Atlantic University

1931 A.N.I และกิจการโรงพยาบาลถูกยกเลิกไป เอ๊ดการ์และคนที่ยังเลื่อมใสในตัวเขาได้ช่วยกันก่อตั้ง Association for Research and Enlightment (A.R.E)

1935 เขาถูกจับในดีทรอยต์ในข้อหาที่ทำการรักษาผู้ป่วยโดยไม่มีใบอนุญาต

1943 หนังสือชีวประวัติของเคย์ซี เขียนโดยโทมัส สุกรู (Thomas Sugrue) ชื่อ There is a River พิมพ์ออกมา

1945 3 มกราคม, เสียชีวิตด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก เวลาประมาณ 1 ทุ่ม อายุนับได้ 67 ปี

1 เมษายน, ภรรยาของเขาเสียชีวิตในวัย 65 ปี

Don`t copy text!