Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Prince Bernhard of Lippe-Biesterfeld

เจ้าชายเบิร์นฮาร์ด (Prince Bernhard of Lippe-Biesterfeld)
ผู้ก่อตั้ง Bilderberg, WWF

เจ้าชายเบิร์นฮาร์ด ประสูติเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 1911 ในเมืองเจน่า ในจักรวรรดิเยอรมัน (Jena, Saxe-Weimar-Eisenach, German Empire) เป็นโอรสองค์โตของเจ้าชายเบิร์ดฮาร์ดแห่งลิปป์ (Prince Bernhard of Lippe) กับพระมารดา อาร์มการ์ด (Armgard von Cramm) พระองค์มีอนุชาหนึ่งองค์
เมื่อแรกประสูตินั้นทรงได้รับตำแหน่งเป็นเคาน์ตแห่งบิสเตอร์เฟล์ด (Count of Biesterfeld)
1916 เจ้าชายเลฟโปล์ด (Leopold IV, Prince of Lippe) ทรงพระเมตตาเลื่อนยศให้เจ้าชายเบิร์ดฮาร์ดเป็น เจ้าชายแห่งลิปป์-บิสเตอร์เฟล์ด (Prince of Lipper-Biesterfeld) พร้อมกับเลื่อนพระมารดาอาร์มการ์ดของเจ้าชายให้เป็นเจ้าหญิงแห่งลิปป์-บิสเตอร์เฟล์ดด้วย
1918 หลังสงครามโลก ครั้งที่ 1 รัฐลิปป์ได้สูญสลายไปพร้อมกับจักรวรรดิเยอรมัน แต่ว่าราชวงศ์ของพระองค์ยังคงมีฐานะร่ำรวย และได้ย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์ใหม่ในบรันเดนบูร์กตะวันออก (East Brandenburg) ปัจจุบันอยู่ในประเทศโปแลนด์
1923 เมื่ออายุ 12 ชันษา ได้เข้าเรียนในโรงเรียนประจำในเมืองซูลีชาว (Sulechów) ต่อมาได้ย้ายไปเรียนในจิมเนเซียมในเบอร์ลิน (Berlin)
1930 เข้าเรียนกฏหมายที่มหาวิทยาลัยลัวซานน์ (University of Lausanne) ในสวิสเซอร์แลนด์
1931 ย้ายมาเรียนกฏหมายต่อที่มหาวิทยาลัยฮัมโบดต์ (Humblodt University)  ในเบอร์ลิน
Annejet van der Zijil นักประวัติศาสตร์ชาวดัชต์ ค้นพบเอกสารในมหาวิทยาลัยฮัมโบดต์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เจ้าชายเบิร์ดฮาร์ดได้เคยมาศึกษาเล่าเรียน  เอกสารบอกว่าเจ้าชายเบิร์นนาร์ด ระหว่างที่ศึกษาอยู่ในเยอรมัน ได้เข้าร่วมกับ Deutsche Studentenschaft (National Socialist student fraternity / กลุ่มภารดรภาพนักศึกษานาซี) และเข้าเป็นสมาชิกพรรคนาซี … หนังสืออ้างว่าเจ้าชายออกจากสมาชิกของ Deutsche Studentenschaft ในปี 1934 เมื่อเรียนจบ
// แต่ว่าเจ้าชายเบิร์ดฮาร์ดปฏิเสธตลอดการมีพระชนชีพว่าไม่เคยเป็นสมาชิกของนาซี
1934 สำเร็จการศึกษาจาก ม.ฮัมโบดต์  และเข้าทำงานกับบริษัทเคมีภัณฑ์ IG Farben หนึ่งในสี่ยักษ์ใหญ่ด้านเคมีของโลกในขณะนั้น
1935 ย้ายมาประจำสำนักงานในปารีส
1937 7 มกรามคม, อภิเษกกับเจ้าหญิงจูเลียน่า (Juliana) พระธิดาของพระราชินีวิลเฮล์มิน่า (Wilhelmina of the Netherlands) แห่งเนเธอร์แลนด์ ทั้งสองพระองค์มีพระธิดาด้วยกัน 4 พระองค์ คือ เจ้าหญิงเบียทริกซ์ (Beatrix, b.1938) ซึ่งต่อมาเป็นพระราชินีแห่งเนเธอแลนด์, ไอรีน (Irene, b. 1939), มาร์เกรียต (Margriet, b.1943) และคริสติน่า (Christina, b.1947)
แต่เจ้าชายเบิร์นฮาร์ตยังมีลูกนอกกฏหมายอีกสองคน ชื่อ อลิเซีย (Alicai von Bielefeld, b.1952) เกิดจากผู้หญิงที่ไม่ทราบว่าเป็นใคร  
และ อเลเซีย กรินด้า (Alexia Grinda, b.1967) ซึ่งเกิดกับนางแบบชาวฝรั่งเศสชื่อเฮเลน (Helene Grinda)

1940 นาซีเยอรมันบุกเนเธอแลนด์ เจ้าชายทรงร่วมกับทหารประจำพระราชวังในการต่อสู้กับทหารเยอรมัน ทรงมีวีรกรรมที่เป็นที่จดจำของประชาชนคือ ทรงใช้ปืนกลอัตโนมัติบนหลังคาพระราชวังยิงต่อสู้กับเครื่องบินรบของนาซี

ต่อมาเมื่อไม่สามารถเอาชนะได้ จึงได้ลี้ภัยมาอยู่ในลอนดอน ในขณะที่เจ้าหญิงจูเลียน่าและธิดาเสด็จลี้ภัยไปแคนนาดา
เจ้าชายได้เป็นผู้นำกองทัพเนเธอร์แลนด์ประจำลอนดอน ได้เข้าร่วมกับกรรมาธิการในด้านยุทธศาสตร์ในการวางแผนการรบ ซึ่งมีฐานอยู่ในกรุงลอนดอน และยังเป็นนักบินประจำเครื่องบินรบและเครื่องบินทิ้งระเบิด
1945 หลังการปลดปล่อยเนเธอร์แลนด์แล้ว เจ้าชายทรงเป็นผู้นำคณะเจรจากับทหารเยอรมันในเนเธอแลนด์ให้ยอมวางอาวุธ โดยตลอดการเจรจาทรงหลีกเลี่ยงไม่ใช้ภาษาเยอรมันในการสนทนาเลย
1945 เยือนสหรัฐฯ พร้อมกับจูเลียน่า
1948 จูเลียน่า ขึ้นเป็นพระราชินีของสเปน
1949 อินโดนีเซียได้รับเอกราชจากการถูกปกครองโดยเนเธอแลนด์
1954 ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Bilderberg
1956 13 มิถุนายน, แม็กกาซีน Der Spiegel ของเยอรมันตีพิมพ์บทความเรื่อง Zwischen Königin und Rasputin / Between the Queen and her Raspution ซึ่งกล่าวถึงความสัมพันธ์ของ กรีต ฮอฟแมนส์ (Greet Hofmans) กับพระราชินีจูเลียน่า  ฮอฟแมนท์เป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับศรัทธา, จิตและศาสนาให้กับพระราชินี มานานเกือบสิบปี จนกระทั้งเชื่อว่าเขามีอิทธิพลแต่แนวคิดหลายอย่าง รวมทั้งการต่อต้านสงครามของพระราชินี ซึ่งภายหลังเจ้าชายเบิร์นฮาร์ต ออกมายอมรับว่าเป็นคนปล่อยข้อมูลให้กับแม็กกาซีน Der Spiegel เพื่อหวังให้ฮอฟแมนส์ถูกไล่ออกจากงานในราชวัง ซึ่งก็เป็นไปตามที่เจ้าชายต้องการ
1961 ก่อตั้งและได้รับตำแหน่งประธานคนแรกของกองทุนสัตว์ป่าโลก (World Wildlife Fund)
1976 Lockheed bribery scandals, คดีนี้เจ้าชายถูกกล่าวหาว่ารับเงินสินบนจำนวน 1.1 ล้านเหรียญจากบริษัทล๊อคฮีด (Lockheed) ผู้ผลิตเครื่องบินของสหรัฐฯ เพื่อให้ช่วยโน้มน้าวให้กองทัพเนเธอแลนด์ซื้อเครื่องบินรบจากบริษัท
เจ้าชายเบิร์ดฮาร์ด ถูกกดดันจน ต้องลาออกจากตำแหน่งประธานของ WWF และในอีกหลายองค์กรที่เจ้าชายมีตำแหน่งอยู่ ซึ่งขณะนั้นเจ้าชายทำงานในบอร์ดขององค์กรกว่า 300 แห่ง และยังต้องลาออกจากตำแหน่งนายพลของกองทัพเนเธอแลนด์
1980 พระราชินีจูเลียน่าประกาศสละตำแหน่งพระราชินี และเจ้าหญิงเบียทริกซ์พระธิดาขึ้นเป็นพระราชินีองค์ใหม่
1991 Project Lock, ในปี 1988 เจ้าชายได้ขายภาพเขียนในคอลเลคชั่นจำนวนหนึ่งเพื่อหาเงินทุนสนับสนุนให้กับ WWF โดยสามารถประมูลขายงานศิลปะออกไปได้เงินมา 700,000 ปอนด์ แต่ทว่าเมื่อมีการโอนเงินให้ WWF แล้ว ปรากฏว่า WWF ได้โอนเงิน 500,000 ปอนด์กลับคืนมา
เรื่องราวถูกเปิดเผยเป็นข่าวในปี 1991 ปรากฏว่าเจ้าชายได้ทรงนำเงินดังกล่าวไปจ้างนักรบรับจ้างจากจากบริษัท SAS (Special Air Service) ของเซอร์เดวิด (Sir David Stirling) โดยทหารรับจ้างส่วนใหญ่เป็นคนอังกฤษ ถูกส่งไปรบกับพวกค้างาช้างในแอฟริกาใต้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะถูกตำหนิในเรื่องของความเหมาะสมในการมีกองกำลังส่วนตัวแล้ว แต่ยังมีข้อสงสัยว่าทหารที่ส่งไปอาจจะพัวพันกับการค้าผิดกฏหมายเสียเอง และทหารบางส่วนยังถูกส่งไปลอบทำร้ายนักการเมืองในอัฟริกาใต้ โดยเฉพาะฝ่ายของคนผิวสี
2004 20 มีนาคม, จูเลียน่าสวรรคต
1 ธันวาคม, สวรรคตจากโรคมะเร็ง

2006 31 พฤษภาคม, พระราชินีเบียทริกซ์ ประกาศมอบเหรียญตรา Order of William ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดทางทหารของเนเธอแลนด์ให้กับพระบิดา

Don`t copy text!