Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Vasili Mitrokhin

วาสิลี นิกิติช มิโตรคิน (Василий Никитич Митрохин) 

อดีต KGB ที่แปรพักตร์ไปอังกฤษในปี 1992 พร้อมเอกสารลับขององค์กรที่ถูกเรียกว่า Mitrokhin Archive

มิโตรคิน เกิดวันที่ 3 มีนาคม 1922 ในหมูบ้านยุราโซโว่, เรียซาน (Yurasovo, Ryazan Oblasht, RSFSR) สหภาพโซเวียต  เขาเป็นลูกคนที่สองในพี่น้องทั้งหมดห้าคน

ต่อมาครอบครัวย้ายมาอยู่ในมอสโคว์ และช่วงก่อนสงครามโลกมิโตรคินได้เข้าเรียนที่โรงเรียนทหารปืนใหญ่ (artillery academy) เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะย้ายมาเรียนที่สถาบันประวัติศาสตร์และจดหมายเหตุ (History and Archives Institute หรือ Istoriko-Arkhivnyy Institue-IAI) 

1941 เมื่อนาซีเยอรมันบุกสหภาพโซเวียต ทำให้รัฐบาลสั่งย้ายอุตสาหกรรมและสถาบันต่างๆ ไปยังตอนกลางของประเทศ ร่วมถึงสถาบัน IAI ถูกสั่งให้ย้ายมาอยู่ที่อัลมาตี้ (Almaty) ในคาซัคสถาน แตว่ามิโครคินหลังจากเรียนที่ IAI ได้หนึ่งปี เขาก็ย้ายมาเรียนที่มหาวิทยาลัยคาซัค (Kazakh State University)  ทางด้านกฏหมายและประวัติศาสตร์

1944 สำเร็จการศึกษา และได้เข้าทำงานอยู่ในฝ่ายกฏหมายของกองทัพซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในคาร์เคียฟ (Kharkiv) ยูเครน  

1948 ได้ตำแหน่งเป็นรองอัยการทหารอยู่ในกองทัพที่คาร์เคียฟ ก่อนที่ต่อมาจะมาทำงานกับกรรมาธิการด้านข่าว (The Committee of Information) ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เขาเริ่มทำงานเป็นสายลับให้กับ MGB (หน่วยงานสายลับก่อนจะเป็น KGB)

1953 หลังการเสียชีวิตของสตาลิน (Joseph Stalin) มิโตรคินได้รับคำสั่งให้สืบสวนผู้สือข่าวประจำปารีส ของหนังสือพิมพ์ Pravda คนหนึ่งชื่อยูริ ชูคอฟ (Yuri Zhukov) 

1954 มีการก่อตั้ง KGB ขึ้นมา

1956 เพราะทำงานผิดผลาดบางอย่าง ทำให้เขาถูกถอดจากการเป็นสายลับในภาคสนาม ไปทำงานอยู่ในออฟฟิตแทน โดยเขาได้งานเป็นเจ้าหน้าที่ในห้องจดหมายเหตุของ KGB First Chief Directorate

1972 เขาได้รับหน้าที่ในการย้ายเอกสารของสำนักงานใหญ่เดิมของ KGB จากลูบยานก้า (Lubyanka) ไปที่ยาเซเนโว่ (Yazenevo) ชานมอสโคว์ ซึ่งเปิดโอกาสให้เขาทำการคัดลอกเอกสารบางส่วนเอาไว้

1984 เกษียณ

1992 มีนาคม, มิโตรคิน เดินเข้าไปยังสถานทูตอังกฤษในแลตเวีย และเขาได้ส่งเอกลับของ KGB ซึ่งเขาแอบทำสำเนาและสะสมเอาไว้กว่าสิบปี โดยซ่อนเอาไว้ภายในกระป๋องนมซึ่งฝังอยู่ใต้ถุนบ้านของเขาเอง หลังจากนั้นทางการอังกฤษจึงช่วยเหลือเขาให้เดินทางมายังอังกฤษ และได้อาศัยอยู่ในอังกฤษภายใต้ชื่อใหม่ โดยรวมแล้วมิตโตรคิน พิมพ์เอกสารที่ขโมยออกมาได้เป็นเล่ม 10 เล่ม และมอบทั้งหมดให้กับอังกฤษ

มิโตรคิน ให้เหตุผลการหักหลังโซเวียตว่าเป็นเพราะเขาหลุดจากภาพลวงตาของคอมมิวนิสต์หลังจากได้อ่าน Secret Speech (секретный доклад) ซึ่งเป็นคำพูดของนิกิต้า ครุสเซฟ (Nikita Khrushchev) ที่แถลงต่อที่ประชุมพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต ครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 1956 ซึ่งเป็นการตำหนิสตาลินอย่างรุนแรง (หลังจากสตาลินเสียชีวิตไปแล้ว) ว่าเป็นลัทธิของการบูชาตัวบุคคล การฆ่าล้างฝ่ายตรงข้ามอย่างเหี้ยมโหด ซึ่งเป็นการริเริ่มนโยบาบ Khrushchev Thaw (การลบล้างนโยบายในยุคสตาลิน) ของครุสเซฟ  สิ่งที่ครุสเซฟพูดไม่ได้รับการตีพิมพ์ในสหภาพโซเวียต  แต่ว่าหลุดมาถึงหน่วยข่าวกรอง Shin Bet ของอิสราเอลในเดือนเมษายน 1956 

1999 The Mitrokhin Archive (พิมพ์ในสหรัฐฯ ในชื่อ The Sword and the Shield) ถูกพิมพ์ออกมาก โดยที่มิโตรคิน ร่วมเขียนกับคริสโตเฟอร์ แอนดริว (Christopher Andrew) นักประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์

นิน่า (NINA), ภรรยาของเขาเสียชีวิต แต่พวกเชายังมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน

2004 23 มกราคม, เสียชีวิต ในวัย 81 ปี ในลอนดอน 

ผลงานเขียน (ร่วมกับ Christopher Andrew)

  • The Sword and the Shield : The Mitrokhin Archive and the Secret History of the KGB
  • The Mitrokin Archive : The KGB in Europe and the West
Don`t copy text!