Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Maurice Hilleman

มอร์ริส ฮิลล์แมน (Maurice Ralph Hilleman)

นักจุลชีววิทยา เข้าพัฒนาวัคซีนกว่า 40 ชนิด และมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในสหรัฐฯ ในปี 1957 (Asian flu pandemic, 1957-1958)

ฮิลล์แมน เกิดวันที่ 30 สิงหาคม 1919 ในมอนตาน่า (Miles City, Montana) ในฟาร์มของครอบครัวเ พ่อของเขาชื่อกุสตาฟ (Gustav Hillemann) และแม่ชื่อแอนนา (Anna Uelsmann)  ฮิลล์แมนนั้นเป็นลูกแฝด แต่ว่าแฝดของเขาซึ่งเป็นผู้หญิงเสียชีวิตขณะคลอด ส่วนแม่เสียชีวิตหลังจากนั้นอีกสองวัน  ฮิลล์แมนมีพี่น้องทั้งหมดแปดคน 

ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำในสหรัฐฯ (Great depression 1930s-) ฮิลล์แมนได้ทำงานเป็นลูกจ้างในร้าน J.C. Penney และไม่ได้คิดว่าจะกลับเข้าเรียนหนังสือ แต่ว่าพี่ชายของเขาสามารถโน้มน้าวฮิลล์แมนให้กลับมาเรียนได้

1941 จบจากมหาวิทยาลัยมอนตาน่า (Montana State University) สาขาเคมีและจุลชีพ โดยคะแนนอันดับหนึ่งของรุ่น  ซึ่งหลังจากเรียนจบเขาก็ได้รับทุนให้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชิคาโก้ (University of Chicago)

1944 จบปริญญาเอกสาขาจุลชีววิทยา จาก ม.ชิคาโก้  โดยที่ก่อนจบเขาทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับโรคติดเชื้อคลาไมเดีย (Chlamydia infection) ซึ่งในเวลานั้นเชื้อว่ามีสาเหตุมาจากไวรัส แต่ว่าฮิลล์แมนได้แสดงให้เห็นว่าสาเหตุของโรคที่แท้จริงเกิดจากแบคทีเรีย (Chlamydia trachomatis)

หลังจากเรียนจบ ฮิลล์แมนได้เข้าทำงานที่บริษัท E.R. Squibb & Sons ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและผลิตยา  ในนิว เจอร์ซีย์ ซึ่ง ณ. เวลานั้นเป็นช่วงของสงครามโลก และฮิลล์แมนได้เข้าร่วมในการวิจัยวัคซีนสำหรับโรคไข้สมองอักเสบญี่ปุ่น (Japenese encephalitis, JE) ซึ่งระบาดหนักในหมู่ทหารสหรัฐฯ​ที่ออกรบอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

1948 ได้รับตำแหน่งหัวหน้าแพทย์แผนกโรคทางเดินหายใจ ของศูย์การแพทย์กลางของกองทัพ (Army Medical Center) ซึ่งปัจจุบันคือสถาบันวิจัยวอลเตอร์ รีด (walter Reed Army Institute of Research)  ในวอชิงตัน ดี. ซี. 

1957 ย้ายมาทำงานที่บริษัท Merck & Co. โดยเป็นหัวหน้าแผนกวิจัยเกี่ยวกับไวรัส ในห้องวิจัยที่เวสต์ พอยต์ , เพนซิลวาเนีย 

เมษายน, เกิดไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ที่ไม่เป็นที่รู้จักในเวลานั้นในฮ่องกง (Asian Flu, 1957-1959) ซึ่งประขากร 10% ที่เป็นเด็กในเวลานั้นติดเชื้อกันอย่างรวดเร็ว 

พอฤดูใบไม้ผลิ ไข้หวัดใหญ่ระบาดมาถึงสหรัฐ ซึ่งในสหรัฐฯ​ มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่กว่า 100,000 คน

ฮิลล์แมนตระหนักถึงอันตรายของไวรัสตัวนี้ และเขาได้ตัวอย่างไวรัสมาจากของเหลวที่มาจากทหารสหรัฐฯ​ ที่ล้มป่วย ซึ่งจากการศึกษาของเขา เขาไม่พบว่ามีทหารคนใดเลยที่มีภูมิต้านทานไวรัสสายพันธุ์นี้ เขาจึงได้เร่งพัฒนาวัคซีนโดยติดต่อบริษัทยาให้พัฒนาวัคซ๊นอย่างเร่งด่วนโดยไม่สนใจขึ้นตอนตามมาตรฐานของรัฐ ซึ่งไม่นานวัคซีนก็สามารถผลิตและกระจายให้กับประชาชนในสหรัฐฯ กว่า 40 ล้านคนได้ทันในฤดูใบไม้ผลินั้น

ซึ่งไข้หวัดใหญ่ฮ่องกงนั้น ฆ่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปกว่า 1.1 ล้านคน 

1963 เจริล ลินน์ (Jeryl Lynn) ลูกสาวของฮิลล์แมน ป่วยด้วยโรคคางทูม (mumps) ฮิลล์แมนจึงได้เก็บตัวอย่างเชื้อจากตัวลูกสาวของเขา มาใช้ในการพัฒนาวัคซีนสำหรับโรคคางทูม 

ซึ่งก่อนที่จะมีการพัฒนาวัคซีนขึ้นมา ในแต่ละปีในสหรัฐฯ มีผู้ป่วยด้วยโรคคางทูมกว่า 200,000 คนในแต่ละปี 

ภรรยาคนแรกของฮิลล์แมนเสียชีวิตในปีนี้ หลังจากนั้นเขาจึงได้แต่งงานครั้งที่ 2 กับลอร์เรน (Lorraine Hilleman) ซึ่งเป็นอดีตนางพยาบาล และมีลูกสาวด้วยกันอีกสองคน 

1968 (Hong Kong flu pandemic) ฮิลล์แมนและทีมของเขามีบทบาทอย่างมากในการเร่งพัฒนาวัคซีน

1981 วัคซีนสำหรับโรคตับอักเสบ บี (hepatitis B) ที่ฮิลล์แมนพัฒนาขึ้นมาได้รับอนุญาตให้ใช้ได้ในสหรัฐฯ จนกระทั้งถึงปี 1986 ก่อนที่ใบอนุญาตจะถูกยกเลิกไปในสหรัฐฯ  เพราะมีวัคซีนใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาแทน

1984 เขาเกษียณจากงานประจำ แต่ว่ายังทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับ Merck 

2005 11 เมษายน, เสียชีวิตในวัย 85 ปี ที่ฟิลาเดลเฟีย  

ตลอดชีวิตของฮิลล์แมนนั้นเขาได้ร่วมพัฒนาวัคซีนกว่า 40 ชนิดสำหรับมนุษย์และสัตว์ 

Don`t copy text!