Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Tag: Bartlett

  • War of the Ghosts

    War of the Ghosts ในคืนหนึ่ง ชายหนุ่มสองคนจากอีกูแล็ค (Egulac) เดินลงไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเพื่อที่จะล่าสิงโตทะเล โดยในขณะนั้นบรรยากาศที่ริมแม่น้ำเต็มไปด้วยหมอกและเงียบสนิทมาก  จนกระทั่งชายหนุ่มสองคนไ้ด้ยินเสียงคนต่อสู้กันแว่วมา พวกเขาจึงคิดว่าอาจจะมีคนกำลังสู้รบกันอยู่บริเวณนั้น ชายหนุ่มทั้งสองคนจึงหนีขึ้นไปหลบอยู่หลังต้นไม้ริมฝั่ง  และไม่นานก็มีเสียงปืนใหญ่ตามมา, พร้อมกับที่พวกเขาได้ยินเสียงของไม้พายที่กระทบกับน้ำ, พร้อมกับเร่ิมมองเห็นเรือแคนนูกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้  มีชายห้าคนอยู่บนเรือแคนนู, แล้วชายคนหนึ่งบนเรือก็ถามชายหนุ่มทั้งสองว่า “พวกคุณจะว่าอย่างไรถ้าพวกเราจะพาพวกเจ้าล่องขึ้นไปเหนือน้ำด้วยกันเพื่อที่จะไปทำสงคราม” ชายหนุ่มคนหนึ่งจึงตอบไปว่า “ข้าไม่มีธนู” “ธนูมีอยู่มากมาย ภายในเรือนี้” คนในเรือตอบ “ข้าคงจะไม่เดินทางไปกับพวกท่าน, ข้าอาจจะถูกฆ่าตายก็ได้ และก็ยังไม่ได้บอกญาติเอาไว้ด้วยว่าข้าจะเดินทางไปไหน … แต่เจ้า” หนึ่งในชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนของเขา “เจ้าอาจจะเดินทางไปกับพวกเขาได้”  ชายหนุ่มคนหนึ่งจึงได้ออกเดินทางไปพร้อมกับเรือแคนนู ในขณะที่อีกคนหนึ่งได้กลับไปบ้าน เหล่านักรบในเรือแคนนูได้เดินทางขึ้นไปยังต้นแม้น้ำ ยังเมือ งฝังตรงข้ามกับคาลาม่า (Kalama) ซึ่งคนจากเมืองนั้นก็ล่องลงมา แล้วสองฝ่ายก็ต่อสู้กัน มีคนถูกสังหารมากมาย  ชายหนุ่มได้ยินเสียงนักรบคนหนึ่งพูดออกมาว่า “เร็ว, พวกเราต้องกลับแล้ว: อินเดียคนนั้นถูกยิง”  ชายหนุ่มก็คิดในใจว่า “โฮ่, พวกเขาต้งเป็นผีแน่เลย” เพราะชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกเจ็บตรงไหน, แล้วพวกเขาจะพูดได้อย่างไรว่าชายหนุ่มถูกยิง เมื่อเรือแคนนูกลับมายังอีกูแล็ค, ชายหนุ่มก็กลับขึ้นฝั่งแล้วก็กลับไปที่บ้านของเขา, เขาจุดกองไฟขึ้น, และได้พูดกับทุกคนในบ้านว่า “ รู้มัย, ข้าได้เดินทางไปกับพวกผีแหละ…

  • War of the Ghosts

    War of the Ghosts ในคืนหนึ่ง ชายหนุ่มสองคนจากอีกูแล็ค (Egulac) เดินลงไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเพื่อที่จะล่าสิงโตทะเล โดยในขณะนั้นบรรยากาศที่ริมแม่น้ำเต็มไปด้วยหมอกและเงียบสนิทมาก  จนกระทั่งชายหนุ่มสองคนไ้ด้ยินเสียงคนต่อสู้กันแว่วมา พวกเขาจึงคิดว่าอาจจะมีคนกำลังสู้รบกันอยู่บริเวณนั้น ชายหนุ่มทั้งสองคนจึงหนีขึ้นไปหลบอยู่หลังต้นไม้ริมฝั่ง  และไม่นานก็มีเสียงปืนใหญ่ตามมา, พร้อมกับที่พวกเขาได้ยินเสียงของไม้พายที่กระทบกับน้ำ, พร้อมกับเร่ิมมองเห็นเรือแคนนูกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้  มีชายห้าคนอยู่บนเรือแคนนู, แล้วชายคนหนึ่งบนเรือก็ถามชายหนุ่มทั้งสองว่า “พวกคุณจะว่าอย่างไรถ้าพวกเราจะพาพวกเจ้าล่องขึ้นไปเหนือน้ำด้วยกันเพื่อที่จะไปทำสงคราม” ชายหนุ่มคนหนึ่งจึงตอบไปว่า “ข้าไม่มีธนู” “ธนูมีอยู่มากมาย ภายในเรือนี้” คนในเรือตอบ “ข้าคงจะไม่เดินทางไปกับพวกท่าน, ข้าอาจจะถูกฆ่าตายก็ได้ และก็ยังไม่ได้บอกญาติเอาไว้ด้วยว่าข้าจะเดินทางไปไหน … แต่เจ้า” หนึ่งในชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนของเขา “เจ้าอาจจะเดินทางไปกับพวกเขาได้”  ชายหนุ่มคนหนึ่งจึงได้ออกเดินทางไปพร้อมกับเรือแคนนู ในขณะที่อีกคนหนึ่งได้กลับไปบ้าน เหล่านักรบในเรือแคนนูได้เดินทางขึ้นไปยังต้นแม้น้ำ ยังเมือ งฝังตรงข้ามกับคาลาม่า (Kalama) ซึ่งคนจากเมืองนั้นก็ล่องลงมา แล้วสองฝ่ายก็ต่อสู้กัน มีคนถูกสังหารมากมาย  ชายหนุ่มได้ยินเสียงนักรบคนหนึ่งพูดออกมาว่า “เร็ว, พวกเราต้องกลับแล้ว: อินเดียคนนั้นถูกยิง”  ชายหนุ่มก็คิดในใจว่า “โฮ่, พวกเขาต้งเป็นผีแน่เลย” เพราะชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกเจ็บตรงไหน, แล้วพวกเขาจะพูดได้อย่างไรว่าชายหนุ่มถูกยิง เมื่อเรือแคนนูกลับมายังอีกูแล็ค, ชายหนุ่มก็กลับขึ้นฝั่งแล้วก็กลับไปที่บ้านของเขา, เขาจุดกองไฟขึ้น, และได้พูดกับทุกคนในบ้านว่า “ รู้มัย, ข้าได้เดินทางไปกับพวกผีแหละ…

Don`t copy text!