Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Kenesary Kasymov

เคเนซารี คาซีมอฟ (Кенесары хан, Кунесары Кусымов, Kenesary Kasymov )

ข่านองค์สุดท้ายของคาซัคฯ 

คาซีมอฟ เกิดในปี 1802 ในรัฐข่านชุซกลาง (Middle Zhuz Khanate) ซึ่งเป็นรัฐข่านที่กินอาณาบริเวณพื้นที่ส่วนใหญ๋ของตอนกลางและตะวันออกของคาซัคสถานปัจจุบัน ปัจจุบันสถานที่ที่คาซีมอฟเกิดอยู่บริเวณเขตอัคโมลา (Akmola region) ประเทศคาซัคสถานปัจจุบัน  ในขณะนั้นซุซตอนกลางเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิรัสเซีย

คาซีมอฟเป็นโอรสของสุลต่านคัสซิม (Kassim Sultan) ข่านแห่งซุซกลาง ส่วนพระมารดานั้นเป็นธิดาองค์หนึ่งของการ์ตั้นซื่อหลิน (Galdan Tseren, 噶爾丹策零) ข่านแห่งซันการ์ (Dzungar Khanate)

คาซีมอฟยังเป็นหลานของข่านอะบีไล (Abylai Khan) 

แต่ว่าข่านอาไล (Uali Khan, 1781-1821) ซึ่งปกครองซุซกลางในเวลานั้นต่อจากข่านอะบีไล ได้ยอมให้รัสเซียเช้ามาตั้งสำนักงานอยู่ในหมู่บ้านค๊อกเชตัว (Kokshetau Valley) ได้  แต่ว่าหลังจากข่านอาไลสวรรคต เขามีโอรสองค์หนึ่งคือกุไบดอลล่า (Gubaidolla) เป็นรัชทายาท แต่ว่ารัสเซียไม่ได้ให้การรับรอง ซึ่งกุไบดอลล่าได้พยายามต่อต้านรัสเซียแล้วแต่เขาก็ถูกจับและถูกเนรเทศไปยังไซบีเรีย คาซีมอฟจึงได้พยายามที่จะรวบรวมกำลังของรัฐข่านเผ่าต่างๆ ขึ้นมาใหม่เพื่อต่อต้านรัฐเซีย

1822 จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ ที่ 1 (Emperor Alexander I) ได้ออกพระราชกฤษฏีกาในการยกเลิกอำนาจของข่านในไซบีเรียและเอเชียกลาง ทำให้ข่านองค์ต่างๆ ในบริเวณดังกล่าวไม่พอใจ และได้พยายามลุกขึ้นต่อต้านอำนาจของจักรวรรดิรัสเซีย

1837 ในช่วงปี 1837-1847 คาซีมอฟ เป็นผู้นำกลุ่มชาวคาซัคกลุ่มใหญ่ที่สุดในหลายกลุ่ม ในการเคลื่อนไหวเรียกร้องเอกราชจากจักรวรรดิรัสเซีย

1838 กลุ่มกบฏซึ่งนำโดยคาซีมอฟสามารถยึดป้อมปราการอักโมลา (Akmola fort) ซึ่งอยู่ยบริเวณกรุงนูร์-สุลต่าน (Nur-Sultan) ในปัจจุบัน แต่ว่าถูกรัสเซียปราบปรามได้อย่างง่ายดาย  

ขณะเดียวกันชาวโคแคนด์ (Kokand) ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐข่านโคแคนด์ (Kokand Khanate) บริเวณอุซเบกีสถานปัจจุบันและส่วนใหญ่นับถืออิสลาม โคแคนด์เคยอยู่ใต้การปกครองของซุซกลางก็ได้ก่อกบฏขึ้นด้วย ทำให้คาซีมอฟต้องเผชิญกับศึกสองด้านทั้งรัสเซียและโคแคนด์

1840 สุลต่านคัสซีม เสียชีวิตในการรบกับข่านแห่งโคแคนด์

1841 คาซีมอฟได้รับเลือกให้เป็นผู้นำของชาวคาซัคฯ ทั้งหมด

คาซีมอฟทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย แต่ว่าไม่นานหลังจาก วลาดิมีร์ อ๊อปรูเชฟ (Vladimir A. Obrychev)  ได้เข้ามาเป็นผู้ว่าฯ ของเมืองโอเรนเบิร์ก (Orenburg) เขาก็ฉีกข้อตกลงทิ้งด้วยการทำสงครามกับชาวคาซัตฯ อีก

1843 รัสเซียส่งกำลังทหารชุดใหญ่เข้าปราบปรามกองกำลังของคาซีมอฟ ทำให้เขาต้องถอยร่นเข้าไปยังเขาเชตีชู (Zhetysu)

1845 คาซีมอฟสามารถยึดป้อมปราการหลายแห่งของชาวโคแคนด์ไว้ได้ อาทิ Zhanakorgan, Zhulek, Sozak และ Merke ซึ่งช่วงเวลานี้พลังอำนาจของคาซีมอฟกลับมาเข้มแข็งในพื้นที่อีกครั้งและเขาได้ฟื้นฟูราชวงศ์บียี (Biyi court) ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่าเขาปกครองด้วยความเข้มงวด และโหดเหี้ยม ทำให้เกิดแรงต่อต้านแม้แต่ในราชวงศ์เอง ซึ่งคาซีมอฟก็จะตอบโต้อย่างเด็ดขาดเช่นกัน เช่นการสั่งให้สังหารชาวซัปปาส (zhappas) ทั้งหมู่บ้านกว่า 500 คนในคืนเดียว 

ด้านการฑูต คาซีมอฟได้สถาปนาความสัมพันธ์กับรัฐข่านใกล้เคียงอย่าง โคแคนด์ แม้ว่าจะเคยเป็นศัตรูกนมาก่อน และยังได้สถาปนาความสัมพันธ์กับรัฐข่านคีวา (Khiva Khanate) ของข่ารนอัลลากุลิ (Khan Allakuli) ที่อยู่บริเวณเอเชียกลาง และรัฐข่านบุคาร่า (Bukhara Khanate) 

1847 คาซีมอฟ นำกำลังทหาร 15,000 บุกเคิร์กีซสถาน แต่ว่าต่อมาคาซีมอฟก็ถูกจับตัวเอาไว้ได้และถูกขังคุกอยู่นานสามเดือน ก่อนที่จะถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการตัดศรีษะ

หลังจากศรีของคาซีมอฟถูกตัดแล้ว ศรีษะของเขาก็ถูกนำส่งไปถวายให้กับข่านออร์มอน (Ormon Khan) แห่งเคิร์กีซ ก่อนที่ข่านออร์มอน จะส่งศรีษะมาให้กับเจ้าชายปีเตอ์ กอร์ชาคอฟ (Prince Peter D. Gorchakov) ซึ่งเป็นผู้ว่าฯ เขตไซบีเรียตะวันตกของรัสเซียขณะนั้น

Don`t copy text!