Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

1812 War : Bonaparte dynasty

1812 War: Bonaparte dynasty

Tags: Russia, History, War of 1812, World Kharlamova Maria 4.12.2010, 09:36 In our series timed for the bicentenary of the Russian victory in the 1812 war with Napoleon we continue to acquaint you with the people and the events of those days. Our story today is about the Napoleon dynasty.According to historical chronicles, Napoleon Bonaparte’s direct ancestors came from Germany and settled on the Island of Corsica in the Mediterranean Sea in the 16th century. Several generations of Bonaparte’s ancestors were believed to be esteemed and well-to-do Corsicans, who eventually got a title of nobility in the middle of the 18th century. This added significantly to Napoleon’s father Carlo Buonoparte rise to fame on Corsica but failed to bring him peace of mind and happiness. Upon graduating from a Rome university in 1764, Carlo married Corsican beauty Letizia Ramolina, who gave birth to a total of 13 children , of which only 8 subsequently survived, including Napoleon, who was born in Ajaccio, Corsica in 1769. Читать далее Source: Voice of Russia.

ตามที่นักประวัติศาสตร์บันทึกเอาไว้ นโปเลียน โปนาปาร์ตมีบรรพบุรุษที่สืบเชื้อสายมาจากเยอมัน โดยตั้งมีรกรากอยู่ในเกาะคอร์ซิคา (Corsica) ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในช่วงศตวรรษที่ 16 หลายชั่วคนเป็นชาวคอร์ริเซียน ซึ่งเพิ่งถูกระลึกคนกลุ่มนี้ในช่วงศตวรรษที่ 18 นี้เอง ซึ่งนั้นมีความสำคัญของบิดาของนโปเลียน … คาร์โล โปนาปาร์ต (Carlo Buonoparte) เขามีความภูมิใจในคอร์ริเซียนสูง เขาแต่งงานกับหญิงคอร์ริเซียน  ชื่อ เลติเซีย ราโมลินา (Letizia Ramolina)  สามีภรรยาคู่นี้มีลูกด้วยกัน 13 คน แต่ว่ามีเพียง 8 คนเท่านั้นที่มีชีวิตรอด รวมถึงนโปเลียน เขาเกิดที่ อแจคคิโอ ในคอร์ซิคา (Ajaccio,Corsica) เมื่อปี 1769
ตอนนั้นคงไม่มีใครคิดว่าเขาจะกลายเป้นผู้มีอำนาจสูงสุดในยุโรป จากเด็กชายที่ไม่ค่อยสังคมและเก็บตัวเมื่ออยู่ที่โรงเรียน เขาเป็นตัวตลกให้เพื่อนๆในห้อง เพราะว่ารูปร่างที่เล็ก แกรนกว่าเพื่อนๆ  นั้นอาจเป็นสิ่งที่ปลูกให้เขากลายเป็นคนที่มีอารมณ์ร้าย รวมถึงกร้าวร้าว และมักจะไม่ยอมรับผิด
เมื่อเขามีอำนาจในปี 1804 เขาพยายามยกระดับของครอบครัวตนเอง แม่ของเขาย้ายไปอยู่ในแมนชั่นหรูในปารีส ถูกเรียกว่ามารดาของจักรพรรดิ ญาติๆ ของนโปเลียนเองก็ถูกยกฐานะขึ้นเช่นกัน โดยมีตำแหน่งการงานที่สูงขึ้น เพื่อช่วยโปรโมทลัทธินโปเลียน (Napotism) ลุงของนโปเลียน ได้ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการเงิน พี่ชายของเจ้า โจเซฟ (Joseph) ได้ตำแหน่งกษัตริย์แห่งเนเปิลและสเปน (King of Naples and Spain) พี่ชายอีกคน หลุยส์ (Louis) เป็นกษัตริย์แห่งฮอนแลนด์ (King of Holland) อีกสองคน คือ เจโลม(Jerome) และ ลูเซียน (Lucien) ได้เป็นราชาแห่งเวสต์ฟาเลีย (King of Westphalia) และ รัฐมนตรีฝรั่งเศส (Minister of France)  พี่ชายที่ชื่อ หลุยส์ นั้นได้แต่งงานกับลูกสาวบุญธรรมของนโปเลียน Hortense de Beauharnais เมื่อปี 1802น้องสาวของนโปเลียน มีชีวิตที่สุขสบายตลอดอำนาจของพี่ชาย อลิซา โปนาปาร์ต (Elisa Bonaparte) ได้เป็น แกรนด์ ดัชเชชแห่งตุสคานี (grand duchess of Tuscany) ในปี 1809 และ แคโรไลน์ (Caroline Bonaparte) ได้แต่งงานกับนายพลที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของฝรั่งเศส นายพลมูราท (Gerneral Murat) ในปี 1800 ส่วนน้องสาวสุดที่รักของนโปเลียน พอลลีน (Pauline) แต่งงานกับนายพล เลคเลอร์ค (Lerlerc) ในปี 1803
แต่ว่าน้องสองคนของเขา กลับทำให้พี่ชายต้องผิดหวัง หลุยส์ และ ลูเซียน ทำหลายอย่างที่ขัดต่อผลประโยชน์ของฝรั่งเศส หลุยส์ถูกปลดจากราชสมบัติเพราะนโปเลียนเห็นว่าเขาเห็นแก่ผลประโยชน์ของดัช มากกว่าฝรั่งเศส คล้ายกับที่ลูเซียนถูกบีบให้ออกจากตำแหน่งในปี 1810 
แต่ต่างจากพอลลีน เธอแสดงความเคารพ จงรักภักดีต่อพี่ชายเหนือกว่าพี่น้องคนใดของนโปเลียน เมื่อตอนที่นโปเลียนถูกเนรเทศครั้งแรกในปี 1814 ไปยังเกาะเอลบา (Elba island) พอลลีนขายสมบัติมีค่าของเธอ เพื่อช่วยเหลือพี่ชายในการหลบหนี และเมื่อนโปเลียนพ่ายสงครามที่วอเตอร์ลู เมื่อ 8 มิถุนายน 1815 จนทำให้ถูกเนรเทศครั้งที่สองไปยังเกาะ เซนต์ เฮเลน่า (St. Helena island)  พอลลีนก็ยังถือหางพี่ชายของเธอ แต่ว่ามันยากกว่าเดิม เพราะ บัวร์บองส์ (Bourbons) มีอำนาจในขณะนั้น และเขาก็รู้ว่าไม่ควรจะส่งพอลลีนไป เซนต์ เฮเลน่า ได้ เพราะกลัวว่าเธอจะช่วยพี่ชายหลบหนีได้อีก
ส่วนมารดาของนโปเลียนนั้น ก็อยู่เคียงข้างเขาเสมอ ตอนที่ถูกขับไปยังเอลบา เธอก็เดินทางไปที่เกาะนั้นเพื่ออยู่กับลูกชาย
เมื่อนโปเลียนสิ้นอำนาจ ญาติพี่น้องของเขา ก็ต่างถูกปลดออกจากตำแหน่ง ต่างกระจัดกระจายหนีไปยัง สหรัฐอเมริกา เยอรมัน อิตาลี และอีกหลายประเทศ เลติเซีย และพอลลีน ย้ายจากฝรั่งเศสไปยังโรม และมีชีวิตที่เหลือที่นั้น
สำหรับเรื่องราวของภรรยาทั้งสองของนโปเลียน โจเซฟิน (Josephine) และ แมรี่ หลุยส์ (Marie Louise) รวมถึงลูกๆ นั้น ติดตามตอนต่อไป


Don`t copy text!