Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Maxim Gorky

ilibrary.ru


Alexei Maximovich Peshkov (
Алексей Максимович Пешков)

อเล็กซี แมซิมโมวิช เปซคอฟ เป็นชื่อจริงของ แม็กซิม กอร์กี (Маким Горький) เขาเกิดในเมืองนิซนี นอฟโกรอด (Nizhny Novgorod) เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 1868  ในครอบครัวของช่างทาสี (มีบ้างอ้างอิงบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ในบริษัทขนส่งทางเรือแอนตราคาน (AStrakhan Shipping))พ่อของเขาชื่อว่า แม็กซิม เปซคอฟ (Maxim Savvatevicha Peshkov.1839-1871) และแม่ชื่อบาร์บาร่า คาชิริน่า(Варвара Васильевна Каширина, Barbara Kashirina,1842-1879) 

1871 ตอนเขาอายุได้ 4 ขวบ พ่อของเขาเสียชีวิตด้วยโรคอหิวาต์ ระหว่างที่ตัวเขาเองกำลังดูแลกอร์กี ที่กำลังป่วยอยู่ หลังจากพ่อเสียชีวิตแม่ได้ส่งตัวเขาให้ครอบครัวทางฝ่ายของพ่อดูแล

1879 แม่ของเขาเสียชีวิตด้วยโรควัณโรค ทำให้กอร์กีต้องออกจากโรงเรียน เพื่อทำงานหาเงิน เขาทำงานหลายอย่างทั้งเป็นฝึกทำรองเท้า ช่างเขียนกระจก และทำงานในครัวของรถจักร ที่วิ่งตามแม่น้ำโวลก้า

1884 เข้าย้ายที่อยู่มายังคาซาน และพยายามสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยคาซาน (Kazan U.) แต่ว่าด้วยปัญหาทางการเงินทำให้เขาไม่ได้เข้าเรียนอย่างที่ตั้งใจ เขาหันไปเข้าชมรมของนักศึกษาแทน และใช้เวลาในการศึกษากับการเมือง ในขณะที่รับจ้างทำงานทั่วไปเพื่อหารายได้ไปด้วย

1887 เขาพยายามจะฆ่าตัวตายในเดือนธันวาคม จากปัญหาความอาภัพหลายอย่างที่่่โถมเข้ามาในช่วงนั้น แต่ว่าเมื่่อล้มความตั้งใจเขาก็ออกเดินทางไปทั่วรัสเซียโดยการเดิน เป็นเวลานานกว่า 5 ปี ทั้งยังยูเครน ไครเมีย มอลโดว่า และแถบคอเคซัส โดยทำงานเป็นแรงงานให้กับที่ต่างๆ ตามแต่จะได้รับการว่าจ้างเพื่อหารายได้

1888 เขาถูกจับหลายครังในชีวิตเพราะเข้าไปเกี่ยวข้องกับฝ่ายต่อต้านพระเจ้าซาร์ ถูกตำรวจควบคุมตัวไว้ในหมู่บ้านโดบรินก้า (Dobrinka) เขาต้องอยู่ในค่ายตอนกลางวัน ในคณะที่กลางคืนก็ต้องทำหน้าที่เป็นยามของสถานีรถไฟ เขามีผลงานเขียนชีวประวัติตัวเองออกมาชื่อ Сторож (The Caretaker) และเรื่องสั้น Скуки ради (Boredom) ออกมาในช่วงนี้

1889 เขายืนคำร้องในเดือนมกราคม ทำให้ถูกย้ายไปยังเมืองบอริซอกเลฟส์ก (Borissoglebsk) ซึ่งมีสภาพที่ดีกว่า

1891 ช่วงฤดูใบไม้ผลิ หลังได้รับการปล่อยตัวเขาออกเดินทางอีกครั้งหนึ่งไปยังคอเคซัส

1892 พิมพ์ผลงานเรื่อง Макар Чудра( Makar Chudra) ลงในหนังสือพิมพ์ The Caucasus

1895 ผลงานเรื่อง Челкаш(Chelkash )  Старуха Изергиль (Old Woman Izergil )

1893-1895 มีเรื่องสั้นของเขาตีพิมพ์ออกมาอีกหลายเรื่อง ลงในหนังสือพิมพ์โวลก้า  Mest Emelyan Pilyay Conclusion The Song of a Falcon เขาเริ่มใช้นามปากกาในช่วงนี้ที่อายุราว 30 ปี เขาใช้นามปากกาหลายชื่อ เช่น [A.P] , [M.G],[A-a!],[ One of the Perplexed, legudiil Khlamida, Taras Oparin

1895 โกโรเลนโก้(Korolenka) เพื่อนของเขาช่วยให้เขาเข้าทำงานที่หนังสือพิมพ์ซามาร่า (Samara gazeta)  โดยกอร์กีเขียนบทความลงเป็นประจำทุกวัน ในคอลัมน์ชื่อ By The Way โดยใช้นามปากกา Legudiil Khlamida ซึ่งการทำงานในหนังสือพิมพ์ซามาร่านี่เองทำให้เขาได้รู้จักภรรยาในอนาคต แคทเธอริน่า โวลซิน่า (Ekaterina Volzhina1896 กอร์กีแต่งงานกับแคทเธอรีน และมีงานเขียนเรื่องБывшие люди(), Супруги Орловы(),Мальва(Malva), Коновалов()1897 กอร์กีเดินทางไปใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในหมู่บ้านกาเมนก้า (Kamenka village) พร้อมด้วยภรรยา เขาเริ่มมีอาการป่วยด้วยวัณโรค ลูกชายของทั้งคู่ชื่อ Maksim เกิดมาในปี 1897

1898 ช่วงกลางปีเขาย้ายกลับมาบ้านเกิดที่นิชนี นอฟโกรอด และผลงาน 2 ตอนแรกของ Очерков и рассказов (Sketches and Short Sotries)ก็ได้รับการพิมพ์ออกมา มันทำให้เขาได้รับการยอมรับในฐานะนักเขียนแถวหน้าของยุโรป

1900  มีวรรณกรรมเรื่อง Трое (Three) ร่วมกับตอลสตอย และแอนตัน เชคอฟ กอร์กีมีสัมพันธ์กับหญิงคนใหม่ชื่อ มาเรีย (Maria Andreeva)1901  เมษายน เขาถูกจับกุมในข้อหาที่พัวพันกับกลุ่มนักศึกษาที่ก่อตัวประท้วงกันในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก กอร์กีถูกขังเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนในคุก ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมาเป็นการกักบริเวณ และที่สุดก็ถูกเนรเทศไปยังเมือง อาร์ซามัส (Arzamas ยังอยู่ในเขตนิซนี่ นอฟโกรอด) นอกจากนั้นหนังสือแม็กกาซีน Life ซึ่ีงตีพิมพ์งานของกอร์กีเรื่องПесня о буревестнике ( The Song of the Stormy Petrel) ก็ยังถูกสั่งปิด

1902 กอร์กีได้รับเลือกเข้าเป็นสมาชิกเกียรติยศของสถาบันวรรณกรรม (Academician of Literature) แต่ว่าพระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่  2 สั่งให้ยกเลิกสถานะดังกล่าว ทำให้เพื่อนของกอร์กี อย่าง แอนตัน เชคอฟ, และวลาดิมีร์ โกโรเรนโก ลาออกจากสถาบันเพื่อประท้วง

1903 กอร์กีหย่าขาดกับภรรยาเดิม และแต่งงานกับมาเรีย แอนดรีว่า , ในปีนี้ในรัสเซียมีการเลือกตั้งตามคำสั่งพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2

1905 เขาดำเนินความพยายามในการก่อการปฏิวัติการปกครองอย่างมาก โดยตอนแรกเขาเข้าร่วมกับกลุ่มซ้ายอย่างพรรค Social Democrats ทำให้เขามีโอกาสรู้จักกับเลนินด้วย   จนกระทั้งเกิดเหตุการณ์ Bloody Sunday ( Кровавое воскресенье๗ ในวันที่ 22 มกราคม ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงหลายแสนคนรวมตัวกันเดินทางไปยังพระราชวังฤดูหนาวของซาร์ จนกระทั้งทหารองค์รักษ์ต้องใช้กำลังเข้าสลายผู้ชุมนุม เป็นเหตุให้มีการเสียชีวิตจำนวนมาก กอร์กีถูกจับหลังจากเหตุการณ์นี้ โดยข้อหาพยายามก่อการปฏิวัติ 

1906 เขาได้รับการปล่อยตัว กอร์กี ออกเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อหาทุนและผู้สนับสนุนการปฏิวัติ เขาไปยังสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะเดินทางมาอาศัยอยู่บนเกาะแคปริ (Capri) ในอิตาลี

1907 ผลงานเรื่อง (Mother) ตีพิมพ์ในสหรัฐ

1913 เขาเดินทางกลับมายังรัสเซีย และมีผลงาน (My Childhood) (In the World, 1915)

1917 การปฏิวัติรัสเซีย แม้ว่ากอร์กีจะสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนรูปแบบการปกครองรัสเซีย แต่เขาไม่ได้เห็นด้วยกับเลนินไปเสียทั้งหมด กอร์กีเชื่อว่าการปฏิวัติควรเริ่มจากการศึกษาและคุณธรรม เขาเชื่อว่าวัฒนธรรมร่วมของสาธารณะ สำคัญกว่าแนวคิดความขัดแย้งระหว่างชนชั้น (Class Struggle) กอร์กีเริ่มทำงานกับสำหรับพิมพ์ World Literature และก่อตั้งหนังสือพิมพ์ New Life

1921 กอร์กี เดินทางออกจากรัสเซีย เนื่องจากความสัมพันธ์กับรัฐบาลคอมมิวนิสต์ไม่ค่อยดี ทางการแจ้้งว่าเขาเดินทางไปต่างประเทศเพื่อรักษาสุขภาพที่เยอรมัน กอร์กีสลับที่อยู่ไปมาระหว่างเยอรมันและเชคโกสโลวาเกีย จนประทั้ง 1924 ระหว่างอยู่ในเยอรมันเขาเขียนบทความสงในแมกกาซีนทอ้งถิ่น สะท้อนการปฏิวัติที่โหดเหี้ยมของบอลเชวิค เช่น เรื่อง The Russian Cruelty, The Intellectuals and The Revolution

1924 กอร์กี ย้ายมายังเมืองโซร์เรนโต้ (Sorrento) ในอิตาลี เขาเริ่มเขียนนิยายเรื่อง (The Life of Klim Samgin) แต่ว่ามันไม่ได้ถูกเขียนจนจบ

1928 เดินทางกลับมายังรัสเซีย ตามคำเชิญของสตาลินหลังจากเลนินเสียชีวิตไปแล้ว และใช้เวลาในการท่องเที่ยวไปทั่วประเทศ เขาเขียนหนังสือออกมาเรื่อง Around the Union of Soviets  (По Советскому Союзу)

1931 เขามาปักหลักที่มอสโคว์  วันที่ 11 ตุลาคม 1931 ได้มีโอกาสอ่านเทพนิยายที่ตัวเขาเองแต่ ชื่อ A Girl and Death ให้กับสตาลินและคณะฟัง

1932 กอร์กี ได้รับรางวัล Order of Stalin , กอร์กีได้

1934 ลูกชายของกอร์กีถูกฆ่าตาย ในเดือนพฤษภาคม คาดกันว่าเป็นฝีมือของตำรวจลับ NKVD  ในขณะที่กอร์กี ถูกทางการกักบริเวณไว้แต่ภายในที่พักของเขา

1936 กอร์กีเสียชีิวิต ในเดือนมิถุนายน ท่ามกลางความสงสัยว่าอาจจะถูกวางยาพิษ พิธีศพของกอร์กี , โจเซฟ สตาลิน เป็นคนหนึ่งที่ร่วมในการแบกโลงศพให้กับเขา
The Collected Short Stories of Maxim GorkyMy Childhood (Classic, 20th-Century, Penguin)Mother: The Great Revolutionary NovelMy Universities (Penguin Twentieth Century Classics )Gorky Plays: 1: Enemies , The Lower Depths , Summerfolk , Children of the Sun (Methuen Drama World Classics) (v. 1)Gorky's Tolstoy and Other Reminiscences: Key Writings by and about Maxim Gorky (Russian Literature and Thought Series)The Lower Depths and Other PlaysUntimely Thoughts: Essays on Revolution, Culture, and the Bolsheviks, 1917-1918 (Russian Literature and Thought Series)Twenty-six and One and Other StoriesThe Shield: Russia and the Jewish Question - Russian Intellectuals on anti-SemitismGorky Plays: 2: The Zykovs; Egor Bulychov; Vassa Zheleznova (The Mother); The Last Ones (Methuen World Classics) (v. 2)Creatures That Once Were MenThe Lower DepthsFoma Gordyeff (The Man Who Was Afraid)

Don`t copy text!