Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Raul Castro

Raul Castro

http://www.flickr.com/photos/37885263@N05/3748215180, Foto: Manu Dias / AGECOM

ราอูล คาสโตร (Raul Modesto Castro Ruz)

 ประธานาธิบดีแห่งคิวบา, เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คิวบา , น้องชายของฟีเดล คาสโตร

ราอูล เกิดเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 1931 ในเมืองไบราน (Biran, Holguin) ในเขตจังหวัดโอเรียนเต้ (Oriente province) พ่อเขาชื่อแองเจิ้ล (Angel Castro) เป็นเจ้าของที่ดินมีฐานะคนหนึ่ง ส่วนแม่ชื่่อลิน่า  (Lina Ruz) เป็นแม่บ้าน ราอูลเป็นลูกชายคนสุดท้าย มีพี่ชายคือ คาสโตร(Fidel Castro) และรามอน (Ramon) น้องจากนั้นในครอบครัวยังมีพี่น้องผู้หญิงอีกสี่คน แองเจล่า ( Angela), จัวนิต้า (Juanita),เอ็มม่า (Emma) และ อกุสติน่า (Agustina)  และพี่น้องที่เกิดจากภรรยาคนแรกของพ่อ 2 คน ชื่อ ลิเดีย (Lidia) และ เปโดร (Pedro Emilio)
ราอูล มีชื่อเล่น ที่แม่เขาเรียกว่า “Muso” แปลว่า ที่รัก และมีชื่อที่เพื่อนในโรงเรียนเรียนเรียกว่า “Pulguita” แปลว่า ตัวหมัดเล็กๆ
เข้าเรียนหนังสือครั้งแรกที่ Jesuit School of Colegio Dolores ในเมืองซานเตียโก้ (Santiago de Cuba) ก่อนที่จะย้ายมาเรียนที่ Colegio Belen ในกรุงฮาวาน่า (Havana) และเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาวาน่า (University of Havana) ซึ่งราอูลเลือกเรียนทางด้านรัฐศาสตร์ จนสำเร็จการศึกษา  ผลการเรียนของราอูลอยู่ในระดับปานกลาง ถ้าเทียบกับคาสโตรที่มีเรียนหนังสือในระดับยอดเยี่ยม แต่ว่าราอูลมีความสนใจแนวคิดแบบคอมมิวนิสต์ก่อนคาสโตร
 ระหว่างที่เรียนหนังสือได้ร่วมกิจกรรมของนักศึกษาในการเดินขบวนประท้วงรัฐบาลของ คาร์ลอส ปริโอ (Carlos Prio) และรัฐบาลเผด็จการของนายพลบาติสต้า (Felgencio Batista)
1953 เป็นผู้แทนในการเข้าร่วมการประชุมสากลว่าด้วยการปกป้องสิทธิของยุวชนในเวียนนา (International Conference on Protection of the Rights of Youth) 
26 กรกฏาคม เป็นหนึ่งในแกนนำเข้าโจมตีค่ายมอนคาด้า (Moncada Barracks) ร่วมกับฟิเดล คาสโตร และเช กูวาร่า ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เขาถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 13 ปี และนำไปขังบนเกาะจูเวนตูส ( Island of Youth , Isla de la Juventud) ในเรือนจำชื่อเปรซิดิโอ้ โมเดโล (Presidio Modelo) ร่วมกับคาสโตร เป้นเวลานนาน 2 ปี (1953-1955)
1956 หลังจากได้รับการอภัยโทษ ราอูล ลี้ภัยไปยังประเทศเม็กซิโก พร้อมด้วยพี่ชาย
2 ธันวาคม ร่วมลงเรือแกรนม่า (Granma) พร้อมกับฟิเดล , เช เพื่อกลับมายังคิวบา ซึ่งราอูลเป็นหนึ่งในสมาชิกที่สามารถเอาชีวิตรอด เพราะว่าระหว่างขึ้นฝั่ง นายพลบาติสต้าได้ส่งกำลังทหารเข้ามาดักรอโจมตีอยู่แล้ว … ผู้รอดชีวิตต่างก็ไปร่วมตัวกันในหุบเขาเซียร่า เมียสตร้า (Sierra Maestra montains)
1958 27 กุมภาพันธ์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการ(Commander) นำกำลังฝ่ายกบฏ (Rebel Army) ผ่านทางจังหวัดด้านตะวันออก Frank Pais Second Eastern Front
1959 หลังการปฏิวัติคิวบาสำเร็จในเดือนมกราคม ราอูลได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารในจังหวัดโอเรียเต้ และต่อมาในเดือนตุลาคม ได้มีการตั้งกระทรวงกลาโหม (Ministry of the Revolutionary Armed Forces) ราอูลได้รับแต่งงตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมตั้งแต่นั้น และเอาดำรงตำแหน่งมาจนกระทั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2008
ราอูล เป็นเจ้าหน้าที่คิวบาชุดแรกหลังการปฏิวัติที่เดินทางไปเยือนสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ฟิเดล คาสโตร เดินทางไปเยือนสหรัฐ
26 มกราคม ,ราอูลแต่งงานกับ วิลม่า เอสปิน (Vilma Lucila Espín Guillois) วิศวกรเคมี เรียนจบจาก MIT สหรัฐ, เธอสนับสนุนการปฏิวัติคิวบา พวกเขาพบกันครั้งแรกในหุบเขาเซียร่าเมียสต้า ช่วงการปฏิวัติ เธอเป็นลูกสาวผู้จัดการโรงงานผลิตเครื่องดื่มยี่ห้อ Bacardi , ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 3 คน และลูกชายอีก 1 คน  คือ เดโบราห์ (Deborah), มาเรียล่า (Mariela), นิลซ่า (Nilsa) และลูกชายคนเดียวชื่อ อลีจานโดร (Alejandro)
1965 ตุลาคม มีการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งคิวบา (Communist Party of Cuba) ซึ่งราอูล ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการอันดับสองของพรรค ซึ่งเป็นรองเพียง ฟิเดล ได้ตำแหน่งเลขาธิการพรรค
1976 15 พฤศจิกายน ได้รับยศชั้นนายพล
มีการตั้งสภาประชาชนแห่งชาติ (People’s National Assembly) ในวันที่ 2 ธันวาคม และราอูลก็ได้รับเลือกให้เป็นรองประธานาธิบดี ซึ่งเขาอยู่ในตำแหน่งจนปี 2008
1989 ราอุล เป็นคนสั่งให้ประหารชีวิต นายพล ออนัลโด โอเชา (Arnaldo Ochoa) เพื่อนสนิทของราอูลเอง โอเชา เป็นหนึ่งในผู้ร่วมการปฏิวัติคิวบาโค่นนายพลบาติสต้า และต่อสู้กับสหรัฐอเมริกา ตอนที่ซีไอเอ บุกคิวบาในเหตุการณ์ Bay of Pigs และยังได้รับตรง Hero of the Revolution จากคาสโตร ในปี 1984 , กลายเป็นผู้นำกองทัพคิวบาซักตะวันตก ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีอำนาจเป็นรองแค่คาสโตรและราอูล แต่ว่าต่อมาพบว่าโอเชา เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่น ในคดีค้าเพชรและงาช้างจากแองโกล่า และยังอนุญาตให้พวกค้ายาเสพติดจากอเมริกาใต้ใช้คิวบาเป็นฐานทางผ่านในการส่งสินค้า
1998 ในโอกาสครบรอบ 40 ปี ของการที่ราอูลได้เป้นผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายกบฏ  เขาได้รับเหรียญตรา Order of Mazimo Gomez ระดับหนึ่ง จากการอุทิศตนให้กับการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่และเสียสละในการทำงานเพื่อชาติอย่างยาวนาน และได้รางวัล Hero of Cuba
2007 วิลม่า , ภรรยาของราอูลเสียชีวิต ในวันที่ 18 มิถุนายน 
2008 24 กุมภาพันธ์ ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งคิวบา ด้วยเสียงสนับสนุน 97.7% 
ก่อนหน้าที่ราอูล จะรับตำแหน่งสืบทอดจากฟิเดล เขาถูกมองว่าเป็นคนที่เด็ดขาดและรุนแรงกว่าฟิเดล แต่ว่าหลังรับตำแหน่งแล้ว ราอูลกลับผ่อนคลายความเข็มงวดของคิวบาลงมาก
นโยบายเศรษฐกิจของอารูล เป็นไปในแนวทางการปฏิรูปที่เปิดกว้างมากขึ้น ไม่นานหลังจากรับตำแหน่ง เขาก็อนุญาตให้ประชาชนใช้โทรศัพท์มือถือ เตาไมโครเวฟ และอินเตอร์เน็ตได้ อนุญาตให้ประชาชนทำกิจการโรงแรม มีรถไว้ใช้ และให้เกษตรกรวางแผนการผลิตได้ด้วยตัวเอง และยังแปรรูปที่อยู่อาศัย โดยโอนกรรมสิทธิให้เป็นของประชาชน รัฐบาลยินยอมให้ประชาชนเป้นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ได้ แต่รัฐบาลของเขายังอุดหนุนการศึกษาและสาธารณสุข
2010 เป็นผุ้นำของคิวบาที่เข้าร่วมการประชุมก่อตั้งกลุ่มความร่วมมือประเทศลาตินอเมริกาและแคริเปี้ยน (CELAC~ Community of Latin American and Carribbean States ) ที่มีประเทศสมาชิก 33 ชาติ ก่อตั้งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010 เพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและคานอำนาจทางทหารของสหรัฐอเมริกา
2011 ในการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ ครั้งที่ 6, 19 เมษายน เขาได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ต่อจากฟิเดล คาสโตร, ราอุล ประกาศจะปฏิรูปการเมืองในคิวบา โดยกำหนดให้นักการเมืองคิวบามีวาระ แค่ 5 ปี และอยู่ได้แค่ 2 สมัย
Don`t copy text!