Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Karl Marx

คาร์ล มาร์กซ (Karl Heinrich Marx)

  ผู้เขียน The Capital

มาร์กซเกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1818 ที่เมืองเทรียร์ (Trier) จังหวัดโลเวอร์ไรน์ (Lower Rhine) ประเทศปรัสเซีย (Kingdom of Prussia) ครอบครัวของเขาเป็นคนยิว มาร์ชเป็นลูกคนที่สามในพี่น้องห้าคน 
พ่อของมาร์กซชื่อ ไฮน์ริช  มาร์กซ (Heinrich (Hirschel) Marx, 1777-1838) เขาเป็นนักกฏหมายและเป็นครู (Rabbis)  สอนศาสนาฮิบบรู
1812 ไฮน์ริช เข้าเป็นสมาชิกของฟรีเมสันในฝรั่งเศส  ได้ชั้น The Hanseatic star (L’Etoile Anséatique)
1816 ไฮน์ริช เปลี่ยนศาสนามานับถือคริสต์นิกายโปแตสแตนต์ เพราะว่าปรัสเซียขณะนั้น ตกอยู่ใต้อิทธิพลของนโปเลียน และห้ามไม่ให้นักกฏหมายเป็นยิว ทำให้เขาต้องเปลี่ยนชื่อจากไฮร์เชล มาเป็นไฮน์ริชด้วย 
แม่ชื่อว่า เฮนเรียตเต้ (Henriette Marx, 1788-1863)
18301835 มาร์ซเข้าเรียนที่ไฟร์ดริช-วิลเฮล์มยิมเนเซียมในเมืองทเรียร์ (Friedrich-Wilhelm Gymnasium)
1831 อีออร์ เฮเกล (Georg Wilhelm Friedrich Hegel) เสียชีวิต
1835 เข้าศึกษาด้านกฏหมายและการเงินการภาษี (Cameralistic) ที่มหาวิทยาลัยบอนน์ (University of Bonn)
1836 ย้ายมาเรียนที่มหาวิทยาลัยไฟร์ดริช-วิลเฮล์ม (Friedrich-Wilhelm Universtiy ~ Humboldt University) ในเบอร์ลิน  โดยเรียนทางด้านกฏหมาย แต่ระหว่างนี้เขาก็สนใจเรียนประวัติศาสตร์และปรัชญาด้วย ซึ่งมาร์ซได้เข้าร่วมกับกลุ่มยุวเฮเกเลี่ยน  (Young Hegelian,Left-Wing Hegelian ,  Doctor club ) โดยตอนนั้นพี่น้องบรูโน่ บัวร์ (Bruno Bauer) และเอ็ดการ์ บัวร์ (Edgar Bauer) เป็นแกนนำสำคัญของกลุ่ม 
ในปีนี้มาร์กซหมั่นกับเจนนี่ เวสฟาเลน (Jenny von Westphalen)
1838 พ่อของมาร์กซเสียชีวิต ทำให้มาร์กซหาเงินเลี้ยงตัวเองด้วยการเป็นครูสอนพิเศษ
1841 มาร์กซส่งวิทยานิพนธ์ของเขาไปที่มหาวิทยาลัยเจน่า (University of Jena) เรื่อง Difference of Democritus and the Epicurean philosophy of nature ทำให้เขาได้รับปริญญาเอก สาขาปรัชญา 
หลังจากเรียนจบแล้วเขาเดินทางกลับไปเมืองบอนนน์ โดยอยากจะทำงานเป็นครูสอนหนังสือ 
1842 กลุ่มยุวเฮเกเลี่ยนได้มีการตั้งหนังสือพิมพ์ไรนิชี (Rheinische Zeitung) พิมพ์ฉบับแรกออกมา 1 มกราคม 1842  โดยที่มาร์ซทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการให้หนังสือพิมพ์ดังกล่าว  ที่นี่เขาได้รู้จักกับ มอสส์ เฮสส์ (Moses Hess) คนแรกๆ ที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักสังคมนิยม 
1843 บทความของมาร์ซในหนังสือพิมพ์เรียกร้องให้มีการยกเลิกระบบกษัตริย์ในปรัสเซีย อยากเปิดเผย  จนกระทั้งรัฐบาลสังปิดหนังสือพิมพ์ในเดือนมีนาคม
มิถุนายน มาร์กซแต่งงานกับ เจนนี่ ในเมืองครูซแน๊ช (Kreuznach)  ซึ่งหลังแต่งงานทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 7 คน แต่ว่ามีเพียงลูกสาวสามคนที่มีชีวิตรอด ชื่อ เจนนี่ (Jenny, 1844-1883) ลอร่า (Laura, 1845-1911) และ อีเลียนอร์ (Eleanor , 1855-1898)
ตุลาคม มาร์ซพาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่ปารีส
 ซึ่งระหว่างที่อยู่ในปารีสทำให้เขาได้เป็นเพื่อนกับเฮนริช เฮน์ (Heinrich Heine), ฟรีดิช เอ็นเกิ้ลส์ (Friedrich Engles),ปิแอร์ ปรัวดอน (Pierre Proudhon), มิคาอิล บากุนิน (Mikhail Bakunin),หลุยส์ บรานค์ (Louis Blanc)
1844 เศรษฐศาสตร์และปรัญชาแห่งปี 1844 (Economic and Philosophical Manuscripts of 1844, Paris Manuscript )เป็นผลงานแรกๆ ของมาร์กซที่แสดงทัศนะคติของเขาเกี่ยวกับเศรษฐกิจ
1845 กุมภาพันธ์ เขาถูกเนรเทศออกจากปารีส ทำให้ย้ายไปอยู่ที่บรัสเซลส์ เบลเยี่ยม โดยที่เขาเดินทางมาพร้อมกับแองเกิ้ลส์
  The Holy Family เป็นหนังสือที่มาร์ซและเอ็นเกิ้นส์ร่วมกันเขียนระหว่างที่อยู่ในบรัสเซลส์ พวกเขาหันมาตำหนิแนวคิดแบบเฮเกิ้ล 
The German Ideology 
Theses on Feuerbach
1846 มาร์กซแะแองเกิ้ลส์ ก่อตั้ง Communist Correspondence Committee เพื่อเป็นศูนย์กลางของแรงงาน 
1847 มิถุนายน CCC ของมาร์กซและแองเกิ้ลส์  ,  รวมตัวเข้ากับ  สันนิตบาตแห่งความยุติธรรม ( League of the Just, Bund der Gerechten) ของวิลเลี่ยม เวียตลิง (Wiliam Weitling) ซึ่งหลังรวมกันแล้วได้เปลี่ยนชื่อเป็นสันนิตบาตคอมมิวนิสต์ (Communist League)
League of the Just  เป็นสมาคมลับที่ทำหน้าที่โฆษณาชวนเชื่อ ที่ก่อตั้งโดยชาวเยอรมัน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1834 เป็นสมาคมเคลื่อนไหวโดยสนับสนุนแนวความคิดของ Gracchus Babeuf  มีคำขวัญว่า All men are Brothers มีเป้าหมายที่จะตั้งสังคมแบบยูโธเปีย สร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนพื้นพิภพโดยอาศัยความรักในเพื่อนมนุษย์ ความเท่าเทียม และความยุติธรรม 
มาร์กซพิมพ์ The Poverty of Philosophy ออกมา เป็นการโต้ตอบกับ The Philosophy of Poverty ของ ปรัวดอน , มาร์กซ ต่อว่าแนวคิดแบบ Utopia Socialism ที่ยอมรับเรื่องของพระเจ้าในสังคมนิยม ปรัวดอนเห็นว่าไม่เห็นผิดเลย ไม่ว่าพระเจ้าจะมีจริงหรือไม่ มนุษย์อาจจะเป็นพระเจ้าอยู่แล้ว หรือพระเจ้าจะเป็นพระเจ้าในตัวเอง ตราบที่แนวคิดเรื่องพระเจ้าเป็นพลังด้านบวก ยอมรับเสรีภาพและทำให้เราเกิดความสติปัญญาจากการค้นหาความจริง , แต่มาร์กซ ไม่ได้นิยามโดยตรงไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า  Scientific socialism สังคมนิยมที่เป็นไปได้ของเขาเป็นอย่างไร เพียงแต่บอกว่าไม่สังคมนิยมไม่ต้องการสิ่งที่สัมผัสไม่ได้
1848 21 กุมภาพันธ์ Communist Manifesto (Das Manifest der Partei Kommunistischen) พิมพ์ออกมาครั้งแรกในลอนดอน หนังสือที่มีความยาวไม่กี่สิบหน้า แต่มาร์กซย่อยประวัติศาสตร์ของวัตถุนิยมจนเหลือนิดเดียว 

The history of all hitherto existing societies is the history of class struggles

Freeman and slave, patrician and plebeian, lord of serf, guild-master and journeyman, in a word, oppressor and oppressed stood in constant opposition to one another,…

ทุกประวัติศาสตร์ของทุกสังคมที่มีอยู่ตราบกระทั้งทุกวันนี้ คือประวัติศาสตร์แห่งความขัดแย้งระหว่างชนชั้น

เสรีชนหรือทาส ขุนนางหรือสามัญชน เจ้าของที่ดินหรือขึ้ข้า  พ่อค้าหรือลูกจ้าง พูดอีกอย่างได้ว่า ผู้กดขี่และผู้ถูกกดขี่ ซึ่งยืนอยู่คนละฝั่งของกันและกัน….

เมื่อเกิดการความวุ่นวายในช่วงการปฏิวัติในฝรั่งเศส (French Revolution 1848) และสถานการณ์รุกรามเข้ามาในบรัสเซลส์ มาร์กซถูกทางการเบลเยี่ยมจับ และเนรเทศเขาออกจากประเทศ  เขาเดินทางไปปารีสตามคำเชิญของรัฐบาลเฉพาะกาลในตอนนั้น  แต่เมื่อถึงมีนาคมเมื่อสถานะการณ์ยังไม่ดีขึ้น เขาก็ย้ายไปอยู่โคโลญน์ เยอรมัน 
1 มิถุนายน หนังสือพิมพ์นิวไรนิชี (Neue Rheinische Zeitung)  ที่มาร์ซก่อตั้งขึ้นระหว่างอยู่ในเยอรมันพิมพ์ออกมาครั้งแรก โดยมีแองเกิ้ลส์ และ Heinrich Burgers, Ernst Dronke, Georg Weerth, Ferdinand Wolff, William Wolfe ร่วมเป็นบรรณาธิการ  ซึ่งทั้งหมดเป็นแกนหลักในการบริหาร Communist League หนังสือพิมพ์มีเนื้อหาเข้มข้นเกี่ยวกับกระแสการปฏิวัติที่เกิดขึ้นทั่วยุโรป 
1849 16 พฤษภาคม มาร์กซถูกเนรเทศจากเยอรมัน เขาพาครอบครัวไปอยู่ในปารีส 
19 พฤษภาคม  หนังสือพิมพ์นิวไรนิชี พิมพ์ออกมาครั้งสุดท้ายด้วยหมึกสีแดง หลังจากนั้นต้องถูกยกเลิกไปหลังจากการประท้วงใหญ่ในแซกโซนี (uprisings in Saxony)  รวมแล้วหนังสือพิมพ์ถูกพิมพ์ออกมาเพียง 19 ฉบับ 
13 มิถุนายน ถูกเนรเทศจากปารีสอีก ทำให้ต้องเดินทางไปลอนดอน 
ความเป็นอยู่ของมาร์ซในลอนดอนยากลำบากมาก เขามีรายได้จากการเขียนบทความให้หนังสือพิมพ์บ้าง แต่ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องขอเงินจากแองเกิ้ลส์อยู่เรื่อยๆ แต่เขาอุทิศเวลาส่วนใหญ่ในการโฆษณาชวนเชื่อให้กับคอมมิวนิสต์ 
1852 มาร์กซ เป็นนักข่าวพิเศษ คอยเขียนบทความเกี่ยวกับสถานการณ์ในยุโรป ให้กับหนังสือพิมพ์ New York Tribune 
1959 The Critique of Political Economy
1961 พยายามยื่นเรื่องขอสัญชาติปรัสเซียน คืนแต่ว่าทางการปฏิเสธ
1862 มาร์กซเริ่มมีอาการป่วยด้วยโรคผิวหนัง ซึ่งกินเวลานับสิบปี จนกว่าปี 1874 ถึงจะหาย ทำให้ระหว่างนี้เขาทำงานได้น้อยลง แต่ว่าลูกสาวของมาร์กซ ทั้ง 3 คน ต่างชื่นชอบงานด้านแรงงาน และช่วยสนับสนุนการทำงาน 
1864 ก่อตั้ง สมาคมแรงงานสากล (International Working’s Association , 1st International) มาร์กซ พยายามรวมรวมกลุ่มเคลื่อนไหวของแรงงานต่างๆ ในยุโรปเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์เยอรมัน สหภาพการค้าในอังกฤษ ปรัวดอนนิสต์ในฝรั่งเศส หรืออนาธิปไตยในสวิสฯ 
1867 The Capital ภาคแรก พิมพ์ออกมา
1871  ในการประชุมของ IWA  ที่กรุงเฮก  ผลงาน Statism and Anarchy บากุนิน โจมตีสังคมเปลี่ยนผ่านจากทุนนิยมไปสู่คอมมิวนิสต์ ที่มาร์กซเรียกว่า ยุค “dictatorship of proletariat”  ว่าไม่มีอะไรมากกว่าการเป็น เผด็จการเหนือกรรมชีพ (dictator over proletariat) เป็นการสร้างผู้ปกครองใหม่ เผด็จการใหม่  บากุนินต้องการสังคมที่ปฏิเสธการมีผู้ปกครองในทุกความหมายทุกรูปแบบ ไม่ต้องมีรัฐบาลหรือรัฐสภา ทุกคนในสังคมเข้าไปยังผืนนาและโรงงานในฐานะส่วนหนึ่งของสังคม 
/*an end to all masters and to domination of every kind, and the free construction of popular life in accordance with popular needs, not from above downward, as in the state, but from below upward, by the people themselves, dispensing with all governments and parliaments – a voluntary alliance of agricultural and factory worker associations, communes, provinces, and nations*/
Statism and Anarchy สร้างขัดแย้งกับ มาร์กซและผู้สนับสนุนอย่างรุนแรง จนเกิดการแตกกันเป็นสองฝ่ายของสังคมนิยม ของดำและแดง Anarchist(ดำ) และ Marxist(แดง)  จนคนล้อคนว่าพวกเขาเรียกร้องให้แรงงานสามัคคีกัน (Worker of the World, unite) แต่ว่าดำกับแดงไม่เคยทำได้
1872 มาร์ซถูกขับออกจาก IWA , ขณะที่ IWA ถูกบ้่ยไปตั้งในนิวยอร์ค
1876 IWA ถูกยุบไป จากการประชุมที่ฟิลาเดนเฟีย สหรัฐ
1881 เจนนี่ ภรรยาของมาร์กซเสียชีวิต 
1883 11 มกราคม เจนนี่ (Caroline Jenny Marx) ลูกสาวของมาร์กซเสียชีวิต 
14 มีนาคม คาร์ล มาร์กซเสียชีวิตในวัน 64 ปี ในลอนดอน เขาถูกฝังที่สุสานไฮเกต (Highgate cemetary) ซึ่งอนุสรณ์ถึงมาร์คที่นี่ได้จากรึกเอาไว้ว่า 

The philosophers have only interpreted the world in various ways; the point however is to change it (จาก Theses on Feuerbach)

นักปรัชญามีหน้าที่ในการแปลความหมายของโลกที่เป็นไป หากแต่ความสำคัญคือจะพยายามเปลี่ยนแปลงมัน

หนังสือ The Capital เล่ม 2 (1885) และ เล่ม 3 (1894) พิมพ์โดย แองเกิ้ล หลังมาร์กซเสียชีวิต 
ลูกสาวของมาร์กซ
อีเลียนอ (Jenny Julia Eleanor Marx) ฆ่าตัวตายด้วยการกินไซยาไนด์ วันที่ 3 เมษายน 1898 ในลอนดอน ช่วงปีท้ายๆ มีอาการป่วยทางจิต (anorexia และ insomnia)
ลอร่า (Jenny Laura Marx (Lafargue)) ฆ่าตัวตายในวันที่ 26 พฤศจิการยน 1911  ในปารีส หลังจากกลับจากดูหนังพร้อมสามี
เฮเรน เดมุธ (Helen Demuth, 1820-1890) เป็นแม่บ้านของมาร์กซและเจนี่ ระหว่างที่อยู่ในลอนดอน เธอให้กำเนิดลูกชายชื่อเฟรเดริก เดมุธ (Frederick Demuth) ในวันที่  23 มิถุนายน 1851  โดยที่พ่อของเฟรเดริกเป็นปริศนา แต่มีคนเชื่อว่าเขาเป็นลูกของคาร์ล มาร์กซ , ต่อมาเมื่อเฮเรน เสียชีวิต ร่างของเธอถูกฝังที่เดียวกันกับมาร์กซ
Don`t copy text!