Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Geronimo

เจโรนิโม่ (Geronimo)

ผู้นำชาวอาปาเช่ (Apache) ในการรบกับเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา
เจโรนิโม่ ชื่อจริงตามท้องถิ่นคือโกยาเล่ (Goyaale, Goyatlaya, Goyatlay) เกิดในวันที่ 16 มิถุนายน 1829  ที่ No-doyohn, Arizona
เกิดในหมู่บ้านของชาวเผ่าเบดอนโกฮี (Be-don-ko-he) หมู่บ้านที่โกยาเล่เกิดนั้นอาศัยอยู่ในหุบเขาต้นแม่น้ำกิล่า (Gila River) บริเวณรัฐนิวเม็กโกในปัจจุบัน แต่ ณ. เวลานั้นดินแดนถูกอ้างกรรมสิทธิโดยเม็กซิโก
พ่อของโกยาเล่ ชื่อตาคิชิม (Takishim) และแม่ชื่อจัวน่า (Juana) ชื่อ โกยาเล่ หมายความว่า คนที่หาว พ่อของเขาตั้งตามลักษณะของเขาที่ดูอ่อนแอ และหาวบ่อยๆ ตอนยังเด็ก , โกยาเล่เป็นลูกคนที่สี่ในพี่น้องแปดคน  ซึ่งเป็นชายและหญิงอย่างละครึ่ง ตอนเด็กแม่ของเขาเป็นคนสอนความรู้ต่างๆ ให้ พวกเขาบูชาเทพชื่อยูเซน (Usen) มีการทำการเกษตรปลูกข้าวโพด ถั่ว ฝักทองและเมลอนตามฤดูกาล แต่ว่าไม่มีการเลี้ยงสัตว์ นอกจากม้าและหมาที่เอาไว้ใช้งาน พวกเขาไม่ปลูกยาสูบ แต่ว่าเก็บยาสูบที่ขึ้นในธรรมชาติ ซึ่งทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างก็สูบยาสูบ แต่เด็กจะไม่ได้รับอนุญาตให้สูบยาได้จนกว่าจะสามารถล่าสัตว์ได้ 
 พี่น้องสองคนของโกยาเล่ชื่อ โปริโค่ (Porico) และนาห์ดาเซ (Nah-da-ste) ภายหลังถูกจับขังในคุกพร้อมกับโกยาเล่ด้วย
  
อาปาเช่ (Chiricahua Apache) นั้นแบ่งออกเป็นหกเผ่า คือ 
  • Che-hen-ne (Ojo Caliente) ทางตะวันออก *โดยใช้ที่ตั้งของเผ่าเบดอนโกฮีเป็นศูนย์กลาง
  • White Mountain  ข้างๆของ White Mountain มีกลุ่มชาวอินเดียนชื่อเผ่า Navajo แต่ไม่ได้จัดเป็นอาปาเช่
  • Chi-e-a-hen อยู่ทางตะวันตก
  • Cho-kon-en (Chiricahua) ทางใต้
  • Ned-hi ทางตะวันตกเฉียงใต้ 
1837 พ่อและแม่ของเขาเสียชีวิต เพราะเป็นหนึ่งในกลุ่มชาวอาเปเช่ที่ถูกพวกผิวขาวหลอกเชิญไปงานเลี้ยงแล้วสังหารหมู่ ตอนนั้นมีกฏหมายออกมาในปี 1837 ให้ค่าตอบแทนแก่ศรีษะของชาวอาปาเช่ 25-100 เหรียญ ตามแต่ความสำคัญของแต่ละศพ หลังจากนั้นโกยาล่าและพี่น้องจึงถูกหัวหน้าเผ่า ชื่อแมนกาส โคโรลาดาส (Mangas Coloradas) กับภรรยาของเขารับไปอุปการะ
1848 เมื่ออายุ 17 ปีโกยาเล่ แต่งงานกับอโลเป่ (Alope) พวกเขามีลูกด้วยกันสามคน
1858 6 มีนาคม (Massacre at Kas-Ki-Yeh) , ทหารเม็กซิโกกว่าสี่ร้อยนายนำโดยนายพลโจเซ่ คาร์ราสโก้ (José Maria Carrasco, Colonel) สังกัดรัฐโซโนร่า (State of Sonora)  โจมตีแคมป์ของอาปาเช่ ซึ่งตั้งแคมป์กันอยู่บริเวณชานเมืองจาโนส (Janos) ซึ่งพวกอาเปเช่เรียกบริเวณดังกล่าวว่าคาสคีเยห์ (Kas-Ki-yeh)  ซึ่งในขณะนั้นผู้ชายในเผ่าเดินทางเข้าไปในเมืองเพื่อค้าขาย ทำให้ผู้หญิงและเด็กถูกฆ่าตาย รวมถึงภรรยา ลูกและแม่บุญธรรมของโกยาเล่ด้วย 
หลังจากนั้นแมนกาส ซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าได้ส่งโกยาเล่ไปเจรจากับเผ่าโชโคนเอน( Chokonen) ซึ่งหัวหน้าเผ่าชื่อโชไชส์ (Chochise)  เพื่อให้ร่วมมือกันแก้แค้นทหารเม็กซิโก และเกิดการรบกับเม็กซิโกครั้งแรกบริเวณเมืองโซโนร่า (Sonora) บริเวณรัฐแคลิฟอร์เนียปัจจุบัน
 ช่วงเวลาที่โกยาเล่แก้แค้นทหารเม็กซิโกนี้เองที่เขาเริ่มถูกเรียกว่าเจโรนิโม่ ที่มาของชื่อนั้นไม่เป็นที่รู้จัก แต่สันนิษฐานกันต่อๆ มา บ้างว่าเป็นเพราะทหารเม็กซิโกออกเสียงผิด หรือบ้างบอกว่าเป็นชื่อของนักบุญเจโรม (St. Jerome) 
หลังกานโชไซส์ เสียชีวิต ลูกชายของเขาชื่อไนเช (Naiche) ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าโชโคนเอนสืบมา และไนเชเป็นเหมือนแม่ทัพของโกยาเล่ในการนำกำลังรบกับเม็กซิโก
1873 การสังหารหมู่ที่คาซ่าแกรนด์ (Massacre at Casa Grande) คาซ่าแกรนด์มีชื่อที่คนพื้นเมืองเรียกว่า Sko-la-ta  พวกอาปาเช่ถูกโจมตีจากทหารเม็กซิโกอีกครั้ง โดยทหารเม็กซิโก 24 คน ใช้อาวุธปืนสังหารคนอาปาเช่ไป 2 คน จาก 40 คน จากการลอบกัดครั้งแรก จากนั้นเมื่อพวกอาปาเช่พยายามจะต่อสู้ พวกเขาก็ถูกสังหารไปอีก 22 คน  และจากนั้นพวกเขาก็ต่อสู้กันไปมานานกว่า 4 เดือน  จนกระทั้งมีการเจรจาทำสัญญาสันติภาพระหว่างกัน (Treaty of Casa Grande) 
1886 4 กันยายน ยอมวางอาวุธ ในอริโซน่า ให้กับนายพลเนลสัน (Nelson Miles)  โกยาเล่า ตอนนั้นเขาเหลือนักรบเพียง 36 คน จากเดิมที่มีกว่า 500 คน พวกเขาถูกจับส่งไปขังในค่ายฟอร์ตแซมฮูสตัน ในเท็กซัส (Fort Sam Houston , San Antonio , Texas)  ก่อนถูกย้ายมาที่ค่่ายฟอร์ตฟิคเค้นส์ (Fort Picken) ในฟลอริด้า
1887 ถูกย้ายมาที่ฟอร์ตมาเรียน (Fort Marion, Alabama) อลาบาม่า 
1894 ถูกย้ายไปไว้ที่ค่ายฟอร์ตซิลล์ (Fort Sill, Oklahoma) ในโอกล้าโฮม่า 
1903 ระหว่างถูกจำคุก เขาเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ 
1904 ถูกพาตัวไปแสดงในย้าน World Expo ในเมืองเซนต์หลุย รัฐมิสซัวรี (Missouri) ซึ่งภายในงานโกยาเล่ นั่งขายภาพถ่ายของตัวเขา
1905 Geromino : His Own Story  เป็นหนังสือชีวประวัติของโกยาเล่ ที่เขียนโดยบาเร็ตต์ (S.M. Barrett) โดยได้รับอนุญาตจากโกยาเล่ ซึ่งในการเขียนโกยาเล่จะเล่าเรื่องที่เขาต้องการจะเล่าเท่านั้น และไม่เปิดโอกาสให้ซักถาม
1909 17 กุมภาพันธ์​, เสียชีวิต ด้วยอาการปอดปวม ในฟอร์ตชิลล์   หลังจากประสบอุบัติเหตุตกจากหลังม้าและล้มป่วยลงจนกระทั้งเสียชีวิต  ร่างของเขาถูกฝังไว้ภายในค่ายนี้
1918 เพรสคอตต์ บุช (Prescott Bush) ปู่ของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ บุช (George W. Bush) สมาชิกของสมาคมลับ Skull and Bones ขุดหลุมศพและขโมยโครงกระดูกของโกยาเล่ไป 
โกยาเล่ มีภรรยา 8 คน 
  1. Alope
  2. Chee-hash-kish และมีลูกด้วยกันอีกสองคนชื่อ แชปโป (Chappo) และ โดห์นเซย์ (Dohn-say) 
  3. Nana-tha-thtith มีลูกด้วยกันหนึ่งคน 
  4. Zi-yeh
  5. She-gha
  6. Shatsha-she
  7. Ih-tedda
  8. Azul เป็นภรรยาคนสุดท้าย
ลูกของโกยาเล่ 4 คนถูกเม็กซิโกฆ่าตาย และอีก 4 คนถูกทหารอเมริกันฆ่าตาย 
Don`t copy text!