Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Vasco da Gama

วาสโก ดา กาม่า (Vasco da Gama)

นักสำรวจจากยุโรปคนแรกที่ไปถึงอินเดียทางทะเล

วาสโก ดา กาม่า เกิดในปี 1460 หรือ 1469 ในเมืองไซเนส (Sines) ประเทศโปตุเกส พ่อของเขาชื่อเอสเตวาโอ ดา กาม่า (Estevao da Gama, 1430-1497) มียศเป็นอัศวินที่ทำงานให้กับดุ๊กเฟอร์ดินันแห่งไวเซยู (Ferdinand, Duke of Viseu) และแม่ชื่ออิซาเบล โซดรี (Isabel Sodré)

วาสโก เป็นลูกชายคนที่สามในพี่น้องผู้ชายห้าคน และเขามีน้องสาวอีกหนึ่งคน พี่น้องของเขาชื่อ เปาโล (Paulo da Gama), เจาโอ (Joāo Sodre) ซึ่งใช้นามสกุลตามมารดา, เปโดร (Pedro da Gama), ไอเรส (Aires da Gama), เทเรซ่า (Terada da Gama)

1480s วาสโก และพี่น้องผู้ชายได้เข้าร่วมเป็นนักรบแห่งซานเทียโก้ (Order of Santiago) ซึ่งผู้บังคับบัญชาขณะนั้นคือเจ้าชายจอห์น (Prince John) ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นกษัตริย์จอห์น ที่ 2 (King John II of Portugal)  ในปี 1481

1488 บาร์โตโลเมีย ดิแอส (Bartolomeu Dias) นักสำรวจชาวโปตุเกสได้เดินทางไปจนถึงแหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) ซึ่งเป็นการค้นพบที่สำคัญ ที่นำไปสู้การหาเส้นทางการค้าไปยังอินเดียโดยไม่ต้องผ่านตะวันออกกลาง 

1492 เกิดเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสได้ยึดเรือสินค้าที่บรรทุกทองคำของโปตุเกส กษัตริย์จอห์น ที่ 2 จึงมีบัญชาให้วาสโก ดา กาม่า บุกเข้ายึดบริเวณชายฝั่งของฝรั่งเศสและยึดเรือฝรั่งเศสทุกลำที่ใช้เส้นทางนั้น ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้พิสูจน์ว่าวาสโก ดา กาม่า ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จนฝรั่งเศสยอมปล่อยเรือของโปตุโกส 

1497 การเดินทางไปอินเดียครั้งแรก (First voyage to India, 1497-1499)

กษัตริย์มานูเอล ที่ 1 (King Manuel I) ได้ให้การสนับสนุนการเดินทางสำรวจเส้นทางไปอินเดีย แม้ว่าพระองค์เองไม่เชื่อว่ามหาสมุทร์อินเดียและแอตแลนติกจะเชื่อมต่อกัน 

8 กรกฏาคม, วาสโก นำเรือ 4 ลำ ชื่อ เซา เกเบรียล (São Gabriel), เซา ราฟาเอล (Sāo Rafael), เบเบอร์ริโอ (Berrio) และเรืออีกลำไม่ทราบชื่อ ออกจากเมืองลิสบอน (Lisbon) พร้อมด้วยลูกเรือ 170 คน เพื่อหาทางไปยังอินเดีย 

4 พฤศจิกายน, เรือจอดขึ้นฝังครั้งแรกบนแผ่นดินแอฟริกาบริเวณอ่าวที่ได้ถูกตั้งชื่อว่าอ่าวเซนต์เฮเลน่า (St. Helena Bay)

22 พฤศจิกายน, เรือของวาสโกเข้ามหาสมุทรอินเดียเป็นครั้งแรก หลังจากนี้พวกเขานำเรือหยุดขึ้นฝั่งหลายครั้งที่ มอมบาซ๋า (Mombasa,เคนย่า), โมแซมบิค (Mozambique) และมาลินดิ (Malindi)

1498 20 พฤษภาคม, เดินทางมาถึงอินเดีย ที่เมืองกาบบาดุ (Kappadu) ใกล้กับคาลิคัต (Calicut)  และได้ถูกนำตัวเข้าเฝ้ากษัตริย์ซาโมริน (Zamorin) แห่งคาลิคัต แต่ว่าวาสโกไม่ได้มีเครื่องบรรณาการณ์ที่มีค่ามาถวาย ทำให้กษัตริย์ซาโมรินไม่เชื่อว่าวาสโกเป็นทูตจากโปตุเกสที่ต้องการมาทำการค้า 

เมื่อวาสโก ต้องการเดินทางกลับ ก็ถูกทางการคาลิคัตสั่งให้จ่ายเงินภาษีเป็นเงินหรือทองคำเสียก่อน แต่ว่าวาสโกไม่มี เขาจึงจับประชาชนและชาวประมงบริเวณนั้นเป็นตัวประกัน 

29 สิงหาคม, เดินทางออกจากคาลิคัต

1499 มกราคม เดินทางมาถึงมาลินดิ (Malindi) ซึ่งเส้นทางขากลับนี้วาสโกสูญเสียลูกเรือไปจำนวนมากจากโรคลักปิดลักเปิด ทำให้มีลูกเรือไม่พอสำหรับเรือที่มีอยู่ วาสโกจึงได้สั่งให้เผาทำลายเรือเซา ราฟาเอล

กรกฏาคม, เรือเบอร์ริโอที่แยกเดินทาง ได้กลับมาถึงลิสบอนก่อน , แต่วาสโกไม่ได้มากับเรือดังกล่าว เพราะเปาโล พี่ชายของเขาล้มป่วย ทำให้วาสโกแวะพักที่เกาะซานติเอโก้ (Santiago island) เพื่อดูแลอาการ และปล่อยให้ลูกเรือกับเรือเซา เกเบรียลเดินทางกลับโปตุเกสก่อน 

วาสโกกับพี่ชายรอเรือโดยสารจากกินีเพื่อจะกลับโปตุเกส แต่พี่ชายของเขาเสียชีวิตระหว่างทาง 

20 สิงหาคม, วาสโก กลับมาถึงลิสบอน โดยได้รับการต้อนรับอย่างวีรบุรุษ

ธันวาคม, กษัตริย์มานูเอลได้ประทานรางวัลให้แก่วาสโก เป็นเมืองไซเนสบ้านเกิด แต่ก็ทำให้เกิดปัญหากับวาสโก เมื่อเมืองไซเนสที่อยู่ภายใต้การดูแลของกลุ่มนักรบซานติโก้ ซึ่งวาสโกเองก็เป็นนักรบของกลุ่มนี้ ทำให้เขาขัดแย้งกับจอร์จ เลนคาสเตร (Jorge de Lencastre) ผู้นำกลุ่มเวลานั้น แต่วาสโกต้องการครอบครองไซเนส ในปี 1507 เขาจึงย้ายไปอยู่กับกลุ่มนักรบคริสต์ (Order of Christ) แทน

1501 วาสโก แต่งานกับแคทธาริน่า (Catarina de Ataide)

1502 กษัตริย์มานูเอลรับสั่งให้วาสโกเดินทางไปอินเดียอีกครั้ง  (Second voyage to India, 1502-1503)

ครั้งนี้การเดินทางเป็นไปภายใต้การควบคุมของเปโดร คาบรัล (Pedro Alvares Cabral) มีจุดประสงค์เพื่อทำข้อสนธิสัญญากับกษัตริย์ซาโมรินแห่งคาลิคัตให้ได้  แต่เกิดความขัดแย้งกลายเป็นสงครามระหว่างโปตุเกสกับคาลิคัต วาสโกกดดันคาลิคัตโดยสั่งให้ดักจับและปล้นเรือสินค้าที่เดินทางมาทำการค้า แม้แต่ผู้แสวงบุญที่ต้องการเดินทางผ่านไปนครเมกกะก็ถูกทหารโปตุเกสสังหารอย่างโหดเหี้ยมกลางทะเล เขาเรียกร้องให้กษัตริย์ซาโมลินขับไล่ชาวมุสลิมออกจากเมือง แต่กษัตริย์ซาโมรินก็ไม่ยอม วาสโกจึงสั่งให้ระดมยิงปืนใหญ่เข้าไปที่คาลิคัตทำให้ประชาชนตายหลายร้อยศพ

ระห่างนี้วาสโกหันไปซื้อสินค้าจากเมืองใกล้เคียง อย่างโกชิน (Cochin) และกันนานอร์ (Cannanore) แทน สองเมืองนี้บาดหมางกับคาลิคัตอยู่ทำให้ทหารของโปตุเกสได้รับการต้อนรับอย่างดี

1503 กันยายน, วาสโก เดินทางกลับมาถึงยังลิสบอน โดยที่ภาระกิจของเขาล้มเหลว เขาจึงมีชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ ในโปตุเกสหลายปี

1521 หลังการสวรรคตของกษัตริย์มานิเอล ที่ 1 , กษัตริย์จอห์น ที่  3 (King John III  of Portugal)  ได้ครองราชย์สืบต่อมา นั่นทำให้บทบาทและอำนาจทางการเมืองของวาสโกกลับมาครั้ง าได้กลายป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของกษัตริย์จอห์น 

1524 กุมภาพันธ์, วาสโกได้รับยศเป็นไวซ์รอยแห่งอินเดีย (Viceroy of India)

เมษายน, วาสโกเดินทางไปอินเดียอีกครั้งเป็นครั้งที่สาม (Third voyage to India,1503-1504) โดยมีเรือถึง 14 ลำ และเขานั่งไปกับเรือซานต้า คาตาริน่า (Santa Catarina do Monte Sinai)

กันยายน, มาถึงยังอินเดีย

24 ธันวาคม เสียชีวิตในโคชิน (Cochin) จากอาการของโรคมาลาเรีย

1539 ร่างของเขาถูกนำกลับมายังโปตุเกส และเก้บไว้ที่วิหารเจโรนิมอส (Jeronimos) ในเมืองลิสบอน

Don`t copy text!