your grace never been forgotten

Franklin D. Roosevelt

แฟรงคลิน รูสเวลต์ (Franklin Delano Roosevelt)

รูสเวลต์ เกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม 1882 ในไฮด์ ปราค์, นิวยอร์ค (Hyde Park, NY, USA) บรรพบุรุษของเขาเป็นชาวดัตช์ที่มาตั้งถิ่นฐานในนิวยอร์คมานานและเคยร่วมรบในสงครามปฏิวัติอเมริกัน (American Revolution)  
ความมั่งคั่งของบ้านรูสเวล์ต ส่วนใหญ่สร้างโดยยายของรูสเวลต์ ชื่อ วาร์เรน ดีลาโน (Warren Delano, Jr.) ซึ่งทำการค้าฝิ่นและใบชากับประเทศจีน
พ่อของรูสเวลต์ชื่อเจมส์ (James Roosevelt) และแม่ชื่อซาร่า (Sara Delano) , เจมส์ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งและค้าถ่านหิน
รูสเวลต์เริ่มเรียนหนังสือโดยเรียนอยู่ที่บ้าน ได้เรียนทั้งการยิงปืน, ขี่ม้า, เทนนิส , โปโล

1896 เข้าเรียนที่โรงเรียนโกรตัน (Groton school) ในแมสซานชูเซสต์
1900 เข้าเรียนคณะประวัติศาสตร์ที่ฮาร์วาร์ด (Harvard) ระหว่างเรียนอยู่เขาเป็นทั้งนักกีฬา ทำกิจกรรม เป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ The Harvard Crimson  หนังสือพิมพ์ภายในของมหาวิทยาลัย
และยังได้เข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มภราดร Alpha Delta Phi
ระหว่างที่อยู่ที่ฮาร์วาร์ด เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ธีโอดอร์ รูสเวลต์ (Theodore Rossevelt) ญาติห่างๆ ของเขาขึ้นเป็นประธานาธิบดี
8 ธันวาคม, พ่อของเขาก็เสียชีวิต
1903 จบปริญญาตรีจากฮาร์วาร์ด
1904 เข้าเรียนกฏหมายที่มหาวิทยาลัยกฏหมายโคลัมเบีย (Columbia Law University)
1907 ลาออกจากมหาวิทยาลัยก่อนที่จะเรียนจบ  
1908 ได้ไปทำงานในบริษัท Carter Ledyard & Milburn ในนิวยอร์ค โดยดูงานาทางด้านกฏหมาย
1905 17 มีนาคม, แต่งงานกับอีเลียนอร์ (Anna Eleanor Roosevelt) ซึ่งเป็นญาติห่างๆ ที่มีนามสกุลเดียวกัน ทั้งคู่รู้จักกันระหว่างเรียนอยู่ที่ฮาร์วาร์ดอีเลียนอร์เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนักสิทธิมนุษยชน
พวกเขามีลูกด้วยกันหกคน , อีเลียนอร์ เป็นหลานของ ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลต์ (Theodore Roosevelt)  ซึ่งกับตัวรูเวลต์เองทั้งคู่ก็เป็นญาติกัน
1910 เริ่มเล่นการเมืองโดยลงสมัครเป็นวุฒิสภาของรัฐนิวยอร์คและได้รับเลือกตั้ง โดยที่รูสเวลต์สังกัดพรรคเดโมแครต
เป็นรองรัฐมนตรีกองทัพเรือ ในสมัยของประธานาธิบปีวิลสัน (Woodrow Wilson)
1911 11 ตุลาคม, เข้าเป็นสมาชิกของฟรีเมสัน (Free Mason)
1912 ได้รับเลือกกลับมาเป็นวุฒิสมาชิกอีกครั้ง
1913 ประธานาธิบดีวิลสัน (Woodrow Wilson) ตอบแทนที่รูสเวลต์สนับสนุนเขาทางการเมือง โดยได้แต่งตั้งรูสเวลต์ให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกองทัพเรือ (Assistant Secretary of Navy) ซึ่งรูสเวลต์อยู่ในตำแหน่งจนกระทั้งปี 1920
1916 รูสเวลต์มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับลูซี่ รูเธอเฟิร์ด (Lucy Page Mercer Rutherfurd) ซึ่งทำงานเป็นเลขาให้กับอีเลียนอร์ภรรยาของเขา  รูสเวลต์เกือบจะหย่ากับอีเลียนอร์เพื่อไปแต่งงานกับลูซี่ แต่ว่าลูซี่ไม่ต้องการแต่งงานกับพ่อหมายที่มีลูกติด ทำให้รูสเวลต์กับอีเลียนอร์ยังทนอยู่ด้วยกัน แม้ว่ารูสเวตล์จะสัญญาว่าจะไม่เจอลูซี่อีก แต่ยังพบว่าพวกเขาแอบพบกันอีกหลายครั้งตลอดหลายสิบปีต่อมา
1918 เกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่ H1N1 (1918 flu pandemic) ทั่วโลกมีคนเสียชีวิตอาจจะถึงร้อยล้านคน รูสเวลต์ก็ล้มป่วยด้วยโรคนี้แต่ว่ารอดชีวิตมาได้
1920 ได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแคร็ตชิงตำแหน่งรองประธานาธิบ คู่กับผู้แทนพรรคในตำแหน่งประธานาธิบดีคือ เจมส์ คอกซ์ (James M. Cox) แต่ว่าพ่ายแพ้ให้กับตัวแทน วอร์เรน ฮาร์ดิ้ง (Warren G. Harding) จากพรรครีพับพลิกัน
1921 ป่วยด้วยโรคโปลิโอ (poliomyelitis) ระหว่งที่เดินทางไปพักผ่อนที่เกาะแคมโปเบลโล่ (Campobello Island) ในแคนนาดา ซึ่งผลกระทบแม้หลังจากรักษาอาการหายแล้วก็ทำให้รูสเวลต์เดินไม่เป็นปกติ หลังจากหายป่วยจากโปลิโอแล้ว เขาจึงได้ก่อตั้งศูนย์รักษาผู้ป่วยโรคโปลิโอ Roosevelt Warm Springs Institute for Rehabilitation ขึ้นในวอร์มสปริง, รัฐจอร์เจีย
1928 รูสเวลต์กลับมาเล่นการเมือง โดยได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ ของนครนิวยอร์ค
1930 ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ ต่ออีกหนึ่งสมัย ในขณะที่เขาก็ส่งตัวเองเข้าสมัครเป็นตัวแทนพรรคเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย
1932 ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ​โดยเอาชนะอดีตประธานาธิบดีฮูเวอร์ (Herbert Hoover) ซึ่งแพ้ไปโดยง่ายเพราะวิกฤตเศรษฐกิจที่สหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ทำให้ความนิยมใน ปธน. ฮูเวอร์ ตกต่ำ
1933 4 มีนาคม, รูสเวลต์เข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดี
New Deal
1st New Deal, 1933-1934 ช่วง 100 วันแรกของการเป็นประธานาธิบดี รูสเวลต์ริเริ่มนโยบาย New Deal ขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้น การบรรเทาปัญหาการว่างงาน (Relief) และฟื้นฟูเศรษฐกิจ (Recovery) และการปฏิรูปเศรษฐกิจ (Reform)  โดยมีการสร้างโครงการหลายอย่างขึ้นมาเพื่อจ้างงาน ไม่ใช่เฉพาะภาคเกษตรกรรม แต่ศิลปิน นักร้อง นักเขียน และงานในอุตสาหกรรมก็ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลให้มีงานทำ
กฏหมายสำคัญตามนโยบาย New Deal
Glass–Steagall Act  กฏหมายที่ให้ตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝาก Federal Deposit Insurance Corporation
AAA (Agricultural Adjustment Administration) กฏหมายชดเชยเงินให้กับเกษตรกรที่ทำลายผลผลิตทางเกษตรทิ้งตามนโยบาย เพื่อผลักด้นให้สินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้น
CCC (Civilian Conservation Corps) กฏหมายจ้างงานผู้ว่างงานหนุ่มสาวกว่า 250,000 คนเข้าไปทำงานในชนบท
2nd New Deal, 1935-1936
Works Projects Administration ตั้งหน่วยงานบรรเทาการวางงาน เพื่อหางานให้กับแรงงานสองล้านคน
นโยบาย New Deal ให้ผลเป็นบวกในช่วงเศรษฐกิจปี 1933-1937 การว่างงานระดับ 25% ในช่วงแรกที่รูสเวลต์เข้ามารับตำแหน่ง ลดลงมาเหลือ 14% ในปี 1937
1936 เอาชนะอัลเฟรด แลนดอน (Alfred M. Landon) กลับมาเป็นประธานาธิบดีได้อีกสมัย
1939 กันยายน, ฮิตเลอร์บุกโปแลนด์ เป็นฉนวนเริ่มต้นของสงครามโลก ครั้งที่ 2  โดยที่ท่าที่ของสหรัฐฯในตอนแรกต้องการวางตัวเป็นกลาง
1940 เมื่อเยอรมันยึดฝรั่งเศสได้ สหรัฐฯ ยังคงไม่ต้องการเข้าไปยุ่งกับสงครามโดยตรง แต่ว่าเริ่มให้การสนับสนุนทางการเงินกับฝ่ายตรงข้ามของเยอรมันและอิตาลี
1941 7 ธันวาคม, ญี่ปุ่นโจมตีฮาวาย ทำให้ในอีกสี่วันต่อมา รูสเวลต์และสหรัฐฯ ได้ประกาศเข้าร่วมในสงครามโลก
หนังสือ An Untold Story (พิมพ์ 1971) เขียนโดย เอลเลียต (Elliott Roosevelt) ลูกชายของรูสเวลต์ อ้างว่าพ่อของเขา (รูสเวลต์) ในช่วงสงครามมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับเลขาชื่อเลแฮนด์ (Margueirte LeHand)  ในขณะที่พี่น้องบางคนของเอลเลียตปฏิเสธเนื้อหาดังกล่าว โดยอ้างว่ารูสเวลต์มีความพิการจากโปลิโอ ไม่น่าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งได้
1942 1 มกราคม, “The Declaration of the United Nations” 26 ชาติร่วมลงนามในประกาศฉบับสนุนกฏบัตรแอตแลนติก (Atlantic Charter)  เพื่อร่วมมือต่อสู้กับเยอรมัน, อิตาลี และญี่ปุ่น (Tripartite Pact) และวางระเบียบโลกหลังสงคราม ซึ่งเป็นพื้นฐานนำไปสู่การก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ
1940 เป็นประธานาธิบดี สมัยที่ 3  โดยเอาชนะวิลกี้ (Wendell Willkie) ขณะนั้นการดำรงตำแหน่งเกินสองสมัยไม่ได้เป็นข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญขณะนั้น แต่ว่าเป็นประเพณีปฏิบัติ
1944 เป็นประธานาธิบดี สมัยที่ 4 โดยเอาชนะ Thomas E. Dewey , รูสเวลต์เป็นประธานาธิบดีคนแรกและคนเดียวของสหรัฐฯ ที่อยู่ในตำแหน่งถึง 4 สมัย
1944 6 มิถุนายน, ฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่หาดนอมังดี (Normandy) ในฝรั่งเศส
1945 12 กุมภาพันธ์, ร่วมประชุมที่ยัลต้า (Yalta Conference) ในไครเมีย ขณะที่สุขภาพของรูสเวลต์อยู่ในอาการแย่มาก
12 เมษายน, เสียชีวิตในวัย 63 ปี รูสเวลต์หมดสติไปขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ในบ้านของเขาชื่อ Little White House ก่อนจะถูกนำตัวมาวางไว้บนเตียงนอน และเสียชีวิต
ร่างของเขาถูกนำกลับมาฝังที่บ้านของเขาในนิวยอร์ค

Don`t copy text!