Numquam prohibere somniantes 

Never stop dreaming

Nathan Bedford Forrest

นาธาน เบดฟอร์ด ฟอร์เรสต์ (Nathan Bedford Forrest)
Grand Wizard of Ku Klux Klan

ฟอร์เรสต์ เกิดเมื่อวันที่  13 กรกฏาคม 1821 ในชาเปล ฮิลล์ เมืองเล็กๆ ริมฝั่งแม่น้ำดัก (Duck river), รัฐเทนเนซซี่ (Chapel Hill, Bedford County, Tennessee) บ้านของเขามีฐานะยากจน พ่อเป็นช่างเหล็กชื่อวิลเลี่ยม (William Forrest) และแม่ชื่อมิเรียม (Miriam Beck) ฟอร์เรสต์มีฝาแฝดผู้หญิงชื่อว่าแฟนนี่ (Fanny) ทั้งคู่เป็นพี่น้องคนโต จากพี่น้องทั้งหมด 12 คน เป็นชายอีกเจ็ดคนและผู้หญิงสามคน แต่ว่ามีเพียงหกคนที่มีอายุจนเลยช่วงวัยรุ่น
ฟอร์เรสต์ไม่ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนตามปกติ แม้ว่ามีรายงานว่าเขาเคยไปโรงเรียนบ้าง แต่ว่าส่วนใหญ่เขาเรียนหนังสือด้วยตัวเองระหว่างออกไปล่าสัตว์หรือทำงานบ้าน เพราะพ่อต้องการคนคอยช่วยดูแลครอบครัว  การพยายามเอาตัวรอดทำให้เขามีทักษะในการยิงปืนและการขี่ม้า
พ่อเสียชีวิตไปเมื่อฟอร์เรสต์อายุประมาณ 16 ปี หลังจากพ่อเสียไปแล้วฟอร์เรสต์จึงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัว  และได้พาครอบครัวย้ายมาอยู่ในเมมฟิส เดลต้า (Memphis Delta)
1841 ฟอร์เรสต์ลงทุนทำธุรกิจร่วมกับลุงโจนาธาน (Jonathan Forrest)ในรัฐมิสซิปซิปปี้
1845 ลุงของเขาถูกฆ่าตายโดยพี่น้องตระกูลแม็ตล๊อค (Matlock brothers) เพราะมีปากเสียงกัน ฟอร์เรตส์จึงล้างแค้นด้วยการยิงพี่น้องแม็ตล๊อคเสียชีวิตไปสองคน
ฟอร์เรสต์ แต่งงานกับ มารี่ มอนต์โกเมรี่ (Mary Ann Montgomery) และมีลูกด้วยกันสองคน วิลเลี่ยม (William Montgomery Bedford Forrest) และแฟนนี่ (Fanny)  แฟนนี้นั้นเสียชีวิตตอนอายุแค่ 5 ปี
ต่อมาฟอร์เรสต์ได้มาอยู่ในเมืองเมมฟิส (Memphis) เทนเนสซี่ตะวันตก (West Tennessee) และได้ และได้ทำธุรกิจปลูกและค้าฝ้าย, ที่ดิน และค้าทาส จนกลายเป็นเศรษฐี
1858 ได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนในเทศบาลเมืองเมมฟิส
1861 12 เมษายน, เมื่อเกิดสงครามกลางเมืองในสหรัฐฯ (War of Northern Aggression) ฟอร์เรสต์พร้อมด้วยน้องชายชื่อเจฟฟรี่ (Jeffrey) และลูกชายของฟอร์เรสต์ วิลลี่ (Willie) ซึ่งมีอายุ 15 ปี ได้ร่วมอาสาเข้าเป็นทหาร แม้ว่าในขณะนั้นตามกฏหมายฟอร์เรสต์ในฐานะนักธุรกิจได้รับสิทธิในการไม่ต้องเขาเป็นทหาร หลังจากผ่านการฝึกแล้วฟอร์เรสต์ได้รับยศเป็นพันโทในกองทัพของฝ่ายสหพันธ์ (Confederate State Army~CSA) เขาใช้เงินส่วนตัวซื้อม้าและปืนจำนวนหนึ่งให้กับทหารของ CSA ด้วย
ตุลาคม, ได้รับการแต่งตั้งให้บัชญาการหน่วย Forrest’s Cavalry Corps
28 ธันวาคม, การรบที่ซาคราเมนโต้ (Battle of Sacramento, Kentucky) ในเคนตัคกี้ เป็นสมรภูมิแรกๆ ของฟอร์เรสต์และเขาสามารถเอาชนะฝ่ายยูเนี่ยนได้ ทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชม
1862 พื้นที่ส่วนใหญ่ของเทนเนซซี่ถูกฝ่ายยูเนี่ยนควบคุมเอาไว้ได้ แต่ว่าฟอร์เรสต์ยังคงทำการรบต่อไปโดยใช้ทหารกระจายเป็นหน่วยเล็กๆ
กุมภาพันธ์, กองทหารของสหพันธ์ และหน่วยของฟอร์เรสต์ถูกล้อมเอาไว้ในค่ายโดเนลสัน (Fort Donelson) ในคัมเบอร์แลนด์ (Cumberland) โดยกองทหารฝ่ายยูเนียน (Union army) โดยนายพลอูลิซซิส (Gen. Ulysses S. Grant)
ตอนนั้นนายพลแบ็คเนอร์ (Gen. Buckner’s) ได้ตัดสินใจสั่งให้กองทหารสหพันธ์ยอมแพ้ แต่ฟอร์เรสต์ปฏิเสธและได้นำทหารของเขาฝ่าวงล้อมและล่าถอยออกไปแทน
เมษายน, การรบที่ชีลอน (Battle of Shilon) ทำให้ฟอร์เรสต์ถูกยิงเข้าที่หลัง และกระสุนปืนฝังอยู่ในหลังของเขา ซึ่งกว่าจะได้รับการฝ่าตัดเอากระสุนออกก็อีกอาทิตย์ต่อมา
กรกฏาคม, การปะทะที่เมอร์ฟรีสโปโร่  ครั้งที่หนึ่ง (First Battle of Murfreesboro) ฟอร์เรสต์ทำหน้าที่ควบคุมทหารหน่วย Green และเอาชนะฝ่ายยูเนี่ยนได้ ทำให้เขาได้รับเลื่อนยศเป็นนายพลจัตวา (brigadier general)

1864 12 เมษายน, (Fort Pollow massacre) เมื่อฟอร์เรตส์ สามารถยึดฟอร์ทพิลโลว์ (Fort Pilow, Heening, Tenessee) ใกล้กับเมืองเมมฟิสเอาไว้ได้ มีรายงานว่าเขาได้ทำการสังหารหมู่ทหารผิวสีจำนวนมากของฝ่ายยูเนี่ยน แต่ว่าข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไม่แน่ชัดและเป็นที่ถกเถียงกัน บ้างว่าเป็นการใส่ร้ายของฝ่ายเหนือ
มิถุนายน,(Battle of Brice’s Crossroads) ที่ไบรซ์ครอสโรดส์ เป็นชัยชนะครั้งสำคัญของฟอร์เรตส์ ที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นกลยุทธ์ในการรบมากกว่าการใช้จำนวนทหาร เพราะทหารของฟอร์เรสต์ จำนวน 3,500 คน สามารถเอาชนะฝ่ายยูเนี่ยนที่มีกำลังมากกว่าเกือบสามเท่าได้ ที่นำโดยนายฟล สเตอร์กิส (Gen. Samuel D. Sturgis)

ช่วงปลายสงครามฟอร์เรสต์ร่วมรบในอีกหลายสมรภูมิ ที่ดูเปโล่ (Battle of Tupelo, กรกฏาคม) ,  ที่เมมฟิส (Second Battle of Memphis, สิงหาคม) , ที่แฟรงคลิน (Second Battle of Franklin) แต่ว่าฝ่ายยูเนี่ยนกลับเป็นฝ่ายที่แพ้ในการรบ

1865 9 พฤษภาคม, เมื่อฟอร์เรตส์ทราบข่าวว่านายพลลียอมวางอาวุธ เขาจึงตัดสินใจวางอาวุธตาม ตัวเขาได้กล่าวสุนทรพจน์อำลา (Farewelll address) ต่อหน้าทหารของเขา
24 ธันวาคม, มีการก่อตั้ง กลุ่มแคลน (Ku Klux Klan) ขึ้นมา โดยอดีตนายทหารหกคนของฝ่ายสหพันธ์

หลังจากสงครามยุติ เขาได้กลับไปทำธุรกิจปลูกฝ้ายต่อ และได้รับตำแหน่งประธานของ Marion & Memphis Railroad บริษัทรับงานต่อสร้างทางรถไฟ แต่ว่าธุรกิจก่อสร้างรางรถไฟไม่ประสบความสำเร็จ
1866 ช่วงปลายปี ฟอร์เรสต์เข้าร่วมกับกลุ่มแคลน (Ku Klux Klan)
1877 29 ตุลาคม, เสียชีวิตในเมมฟิส ภายในบ้านของน้องชายชื่อเจสซี่  (Jesse) ร่างของเขาถูกทำไปฝังที่สุสานเอ็ล์มวู๊ด (Elmwood cemetery)

1904 มีการย้ายอัษฐิของฟอร์เรสต์และภรรยาไปไว้ที่สวนสาธารณะ Health Sciences Park ในเมมฟิส  

Don`t copy text!