Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Antoni Gaudi

แอนโตนี เกาดิ (Antoni Gaudi i Cornet
สถาปนิก แบบ Modernisme ผู้ออกแบบวิหาร Sagrada Familia
เกาดิ เกิดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1852 ในแคว้นคาตาโลเนีย (Reus, Catalonia) ประเทศสเปน แต่ว่าเมืองที่เขาเกิดแน่ชัดยังเป็นที่ถกเถียงอยู่ระหว่างหมู่บ้านเรอุส (Reus) กับหมู่บ้านรีอุดอมส์ (Riudoms) ซึ่งห่างจากเรอุส ไปอีกราวสี่กิโลเมตร ที่นั่นพ่อของเขามีบ้านพักหลักเล็กๆ อยู่ , แต่เกาดิ เข้าพิธีรับศีลที่โบสถ์เซนต์ซานเปโดร ในเมืองเรอุส (Priory Church of San Pedro)
พ่อของเขาชื่อฟรานเซส (Francese Gaudi i Serra) เป็นช่างหม้อน้ำทองแดง และแม่ชื่อแอนโตเนีย (Antonia Cornet I Bertran) เกาดิเป็นลูกคนสุดท้องในพี่น้องทั้งหมดห้าคน 
เกาดิมีสุขภาพไม่แข็งแรงในช่วงวัยเด็ก โดยป่วยเป็นโรครูห์มาติค (rheumatic)  ซึ่งทำให้แพทย์แนะนำให้เขากินอาหารมังสวิรัติมาตั้งแต่เด็กเพื่อสุขภาพ
เขาเข้าเรียนมัธยมที่ในโรงเรียนมัธยมเพียริสต์ (College of Piarists of Reus) ในเมืองเรอุส ซึ่งระหว่างเรียนเขาก็แสดงให้เห็นว่ามีพรสวรรค์ในการวาดรูปและการตกแต่งเวทีการแสดงละครของโรงเรียน เขายังวาดรูปลงในหนังสือแม็กกาซีน Arlequin ด้วย
ที่โรงเรียนเกาดิเป็นเพื่อนสนิทกับเอ็ดดูอาร์ด โตด้า (Eduard Toda i Guell) นักโบราณคดีอียิปต์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ซึ่งต่อมาทั้งคู่ได้ช่วยกันบูรณะวิหาร Poblet Monastery
1868 ย้ายมาอยู่ในบาร์เซโลน่า
1870 เข้าเรียนสถาปัตย์ที่โรงเรียนลล๊อตจา (Escola de la Llotja)
1873 มาเรียนที่โรงเรียนสถาปัตย์บาเซโลน่า (Escola Provincial d’Arquitectura de Barcelona) 
ระหว่างที่เรียนหนังสือเขาทำงานหาเงินโดยการเป็นผู้ช่วยของสถาปนิกหลายคน อาทิ ได้ทำงานกับโจเซฟ ฟอนต์เซียร์ (Joseph Fonrere )ระหว่างปี 1873-1878 ในการออกแบบ Ciutadella Park 
1874 ทำงานกับที่โรงงาน Cooperativa Obrera Mataronesa ช่วงฝึกงาน
1876 แม่และพี่ชายของเขาเสียชีวิต แม่เสียชีวิตขณะที่เธออายุ 57 ปี ในขณะที่พี่ชายเสียชีวิตตอนอายุ 25 ปี
1878 สำเร็จการศึกษาโดยที่ผลการเรียนของเขาไม่ได้ดีนัก ระหว่างเรียนเขายังเคยสอบตกในหลายวิชา  โรเจนต์ (Elies Rogent)  ผู้อำนวยการของโรงเรียนสถาปัตย์บาเซโลน่า กล่าวระหว่างพิธีมอบปริญญาบัตรให้กับเกาดิว่า “โรงเรียนมอบประกาศนียบัตรให้ทั้งคนโง่และอัจฉริยะ, เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์”
ผลงานหลังเรียนจบของเกาดิคือการออกแบบเสาโคมไฟให้กับจตุรัสโรยัลพลาซ่า (Placa Reial) ในบาเซโลน่า 
ในปีนี้ที่งานเวิร์ดเอ็กโปในปารีส (Paris World Expo 1878) เกาดิได้รู้จักกับกูเอลล์ (Eusebi Güell) ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวคาตาลัน ซึ่งกูเอลล์ภายหลังได้เป็นผู้ว่าจ้างเกาดิให้ออกแบบอาคารหลายแห่งให้กับเขา ซึ่งล้วนกลายเป็นผลงานสำคัญของโลก
1883 ผลงานการออกแบบอาคาร Casa Vicens เป็นผลงานชิ้นแรกๆ ที่ทำให้เกาดิมีชื่อเสียง โดยเป็นสถาปัตย์แบบ Neo-Mudejar , Casa Vecens ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2005
ในปีนี้เขายังได้เข้าร่วมในโครงการออกแบบมหาวิหาร Sagrada Familia (Basilica and Expiatory Church of Holy Family) ซึ่งเขาได้เปลี่ยนดีไซด์อกแบบใหม่ทั้งหมด เป็นดีไซด์ของเขาเอง  น่าเสียดายว่าเกาดิเสียชีวิตก่อนที่วิหารแห่งนี้จะสร้างเสร็จ , Sarada Familia ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี  2005
นอกจากนี้ยังออกแบบแมนชั่น El Capricho
1884 มีผลงานออกแบบคฤหาสน์ Güell Pavilions
1885 เกิดอหิวาต์ระบาดในบาเซโลน่า ทำให้เกาดิย้ายมาอยู่ชานเมืองซานต์ ฟีลู เดอ โคดิเนส (Sant Feliu de Codines)
1886 มีผลงงานออกแบบแมนชั่น Palau Güell  ซึ่งแมนชั่นนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1984
1888 เขาเข้าร่วมงานเวิร์ดแฟร์ (1888 World Fair) ที่จัดขึ้นในบาเซโลน่า 
1889 ผลงานออกแบบอาคาร Episcopal Palace  ด้วยสถาปัตย์กรรมที่ถูกเรียกว่าเป็นแบบ Modernisme (Catalan Modernism) ที่ร่วมเอาความเป็นอาร์ตนูโว (Art นีอำฟี) กับวัฒนะธรรมของคาตาโลเนีย ผสมผสานกับศาสตร์หลายแขนงอย่างงานเหล็ก, เซรามิค และกระจก
1892 มีผลงานออกแบบอาคาร Casa de los Botines ในเมืองลีอง
1895 ผลงาน Bodegas Güell ในเมืองการ์ราฟ (Garraf)
1898 ผลงานออกแบบอาคาร Casa Calvet 
1800 เกาดิเข้าร่วมกับกลุ่มของศิลปินคาตาลัน Saint Luke artistic circle (Cercle Artístic de Sant Lluc)และกลุ่ม  Spiritual Leaque of our Lady of Montserrat (Lliga Espiritual de la Mare de Déu de Montserrat) ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมคาตาลันที่พยายามปกป้องอัตลักษณ์ของตนเอง
1900 ผลงานออกแบบบ้าน Bellesquard และสวนสาธารณะ Park Güell ซึ่งสวนสาธารณะ Park Güell ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1984
1901 เขาไปทำงานบูรณอาคารมหาวิหารซานต้า มาเรีย (Catherdral of Santa Maria of Palma) เป็นวิหารเก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 
1904 ผลงาน Casa Batllo หนึ่งในผลงานที่เป็นเอกลักษณ์มากชิ้นหนึ่งของเกาดิ
1906 พ่อของเขาเสียชีวิต  , ปีนี้เขามีผลงานออกแบอาคาร La Pedrera ในบาเซโลน่าซึ่งอาคารนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1984
1910 เข้าร่วมงานแสดงในปารีส
1924 11 กันยายน ในวันชาติของชาวคาตาลัน (National Day of Catalonia) เกาดิถูกกลุ่มชาวเสปนผู้ต่อต้านการแยกตัวเป็นเอกราชของคาตาลันทำร้าย แต่เขากลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับขังคุกช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวหลังจากจ่ายเงินค่าปรับ
1926 7 มิถุนายน, ประสบอุบัติเหตุ ถูกรถรางชน ระหว่างที่กำลังเดินไปโบสถ์เซนต์ฟิลิป เนริ (Sant Felip Neri church) ในบาเซโลน่า ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของเขา  อุบัติเหตุทำให้เขาหมดสติอยู่ในที่เกิดเหตุและถูกทิ้งเอาไว้พักหนึ่งโดยไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เพราะเขามักแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ ทำให้คนบริเวณนั้นนึกว่าเป็นขอทานและไม่มีใครจำเขาได้ แต่มาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวเขาส่งโรงพยาบาลซานตาครูส (Santa Creu Hospital)  

10 มิถุนายน, เสียชีวิตในวัย 73 ปี
Don`t copy text!