Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Grace O’ Malley

เกรซ โอ’ มัลเลย์ (Gráinne Ní Mháille)
  โจรสลัดไอร์แลนด์
  เกรซ เกิดประมาณปี 1530  บนเกาะแคลร์ (Clare Island) ทางตะวันตกของในไอร์แลนด์ (Ireland) พ่อของเธอชื่อโอเว่น  (Owen O’Malley ~ ir. Eoghan Dubhdara O’ maille) และแม่ชื่อมาร์กาเร็ต (Margaret ~ Maeve) 
ตระกูล O’Malley ของเธอทำกิจการค้าทางทะเล มีฐานะร่ำรวยมาก พวกเขามีศูนย์กลางอยู่อยู่ในอ่าวคลีว, มาโย (Clew Bay, Country Mayo) มีคำขวัญประจำตระกูลว่า Terra Marique potens (Powerful on land and sea)
เกรซเกิดในช่วงรัชสมัยของกษัตริย์ เฮนรี่ ที่ 8 (Henry VIII) แห่งอังกฤษ ซึ่งดำรงพระยศเป็นลอร์ดแห่งไอร์แลนด์  ไอร์แลนด์ก่อนยุคของเกรซนั้นแม้จะอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ แต่ว่ามีสถานะกึ่งปกครองตัวเอง แต่เมื่อถึงช่วงอายุของเกรซ อังกฤษได้พยายามรวมอำนาจมากขึ้น (Tudor conguest of Ireland) และพยามล้มล้างการปกครองแบบเดิมของไอร์แลนด์ 
ครอบครัวของเกรซซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งตะวันตก ได้สร้างป้อมปราการเอาไว้หลายแห่งเพื่อใช้ปกป้องอาณาเขตอิทธิพลของตัวเอง และเก็บภาษีจากเรือประมงและเรือสินค้าที่เข้ามาในพื้นที่
วัยเด็กของเกรซ เธฮอาศัยอยู่บนเกาะเบลแคลร์ (Belclare island) และเกาะแคลร์ (Clare Island) ของครอบครัว เชื่อกันว่าเธอน่าจะได้รับการศึกษาที่ดีตามฐานะของครอบครัว  เธอนั้นใช้ภาษาเกียลิค (Gaelic) ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่น และยังสามารถภาษาฝรั่งเศส, สเปน,กรีก และเล่ากันว่าเธอสามารถพูดภาษาลาตินได้ เพราะตอนที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระราชินีอลิซาเบธ ที่  1 (Elizabeth I) เธอใช้ภาษาลาติน เพราะไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อเกรซ อยากที่จะออกเดินเรือกับพ่อเพื่อไปค้าขายยังสเปน แต่ว่าพ่อของเธอห้ามไม่ให้ไป เพราะว่าผมสีดำของเธอที่ยาว เขากลัวจะไปพันกับเชือกของเรือระหว่างเดินทาง เกรซจึงใช้มีดตัดผมของเธอออกเพื่อให้ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปด้วย เกรซจึงมีฉายาหนึ่งว่า Granuaile หรือ Grainne Mhaol ซึ่งแปลว่า ผมที่ถูกตัด
1546 ตอนอายุ 16 เกรซแต่งงานกับโดเนล (Donal an Chgaidh Ó Flaithearta) ช่วงแต่งงานพวกเขาอาศัยอยู่ที่ปราสาทบูโนเวน (Bunowen Castle) ในคอนแนชต์ (Connacht) พวกเขามีลูกด้วยกันสามคน ชื่อโอเว่น (Owen, Eoghan) มาร์กาเร็ต (Margaret, Meadhbh) และเมอร์โรกห์ (Murrough, Murchadh)
1560s ช่วงต้นของปี 60s โดเนลเสียชีวิตจากการรบกับตระกูลที่เป็นอริกัน 
1564 เกรซได้ย้ายกลับมาที่เกาะแคลร์ เพื่อดูแลกิจการเดินเรือของครอบครัวและกองทัพโจรสลัด ซึ่งมีลูกน้องราว 200 คน
1565 ได้รับจักกับฮูกห์ (Hugh de Lacy) ซึ่งเธอช่วยระหว่างการจมน้ำและฮูกห์กลายเป็นคนรักคนหนึ่งของเธอ แต่ว่าต่อมาฮูกห์ถูกฆ่าตายโดยคนของตระกูลแม็คมาฮอน (MacMahons)
ตำนานเล่าว่าเกรซบุกปราสาทดูน่า (Doona Castel) ของตระกูลแม็คมาฮอน เพื่อล้างแค้นให้กับคนรัก
1566 แต่งงานครั้งที่ 2 กับบูร์ก (Risdeard an Iarainn Bourke) บูร์กนั้นเป็นเจ้าของปราสาทร็อคฟลีต (Rockfleet Castle) อยู่ในนิวพอร์ต (Newport, Country Mayo) พวกเขามีลูกชายด้วยกันชื่อทิปบ๊อต (Tibbot, Tioboid)  แต่ว่าแต่งงานได้เพียงปีเดียวทั้งคู่ก็เลิกกัน โดยที่เกรซได้รับสิทธิในปราสาทร็อคฟลีตมา
1574 อังกฤษ่ส่งกองทัพบุกปราสาทร็อคฟลีต
1576 ตำนานเล่าว่า ระหว่างที่เกรซเเดินทางไปยังดับลิน (Dublin) เพื่อที่จะของพบลอร์ดโฮวธ์ (Lord Howth) ที่ปราสาทโฮวธ์ (Howth Castle) เธอได้รับการบอกจากผู้ดูแลปราสาทว่าปราสาทแห่งนี้ไม่ต้อนรับเธอ ด้วยความโกรธเกรซจึงได้ลักพาตัวคริสโตเฟอร์ เซนต์ลอว์เรนซ์(Chirstopher St Lawrence) บารอนแห่งโฮวธ์ , คริสโตเฟอร์ได้รับการปล่อยตัวหลังจากลอร์ดโฮวธ์ให้สัญญาว่าประตูของปราสาทจะเปิดรับแขกผู้มาเยือนที่ไม่รู้จักเสมอ โดยลอร์ดโฮวธ์ได้มอบแหวนวงหนึ่งเป็นตัวแทนของคำสัญญานี้ ซึ่งแหวนยังคงอยู่ตราบทุกวันนี้
1577 เกรซถูกจับได้ตอนอายุ 56  ระหว่างที่บุกปราสาทเดสมอนด์ (Desmond) ของเอิร์ลแห่งเดสมอนด์ (Earl of Desmond) เธอถูกนำไปขังที่เรือนจำในไลเมริค (Limerick) และต่อมาเอิร์ลแห่งเดสมอนด์ ได้ส่งตัวเกรซให้กับทางการอังกฤษ เธอจึงถูกนำไปขังไว้ที่ปราสาทในดับลิน (Dublin Castle)
1579 เกรซหนีรอดจากการถูกตัดสินประหารชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด แต่รายละเอียดว่าเธอหนีมาได้อย่างไรยังเป็นปริศนา
ปราสาทของเกรซบนเกาะแคลร์ ถูกโจมตีโดยกองทหารอังกฤษนำโดยวิลเลี่ยม มาร์ติน (Sheriff William Oge Martyn) แต่เกรซหนีรอดมาได้
1583 บูร์ก สามีของเกรซเสียชีวิต
1584 เซอร์ริชาร์ด บิงแฮม (Sir Richard Bingham) ถูกส่งเป็นผู้ว่าของคอนแนชต์ เขาสัญญาว่าจะปราบปรามโจรสลัดในไอร์แลนด์ 
1588 กษัตริย์ฟิลิป ที่ 2 (Philip II) แห่งสเปนให้การสนับสนุนไอร์แลนด์ ในการขับไล่อังกฤษ โดยส่งกองทัพเรือ (The Spanish Armada) ซึ่งประกอบด้วยเรือราว 130 ลำเข้ามา แต่ว่าแพ้ในการรบบริเวณช่องแคบอังกฤษ และถูกไล่ไปต้อนไปในทะเลเหนือ และพ่ายในการบที่สมรภูมิเกรฟไลน์ (Battle of Gravelines) อีก  เรือรบที่เรือหลังจากพ่ายแพ้พยายามเดินทางกลับสเปน แต่หลายลำร่มลงระหว่างทาง
1593 ลูกชายของเกรซ ทิบบ๊อต, มูร์โรจห์ ถูกจับตัวเอาไว้โดยเซอร์ริชาร์ด
กันยายน, เกรซต้องการจะช่วยลูกจึงได้เดินเรือมายังอังกฤษเพื่อเข้าเฝ้าพระราชินีอลิซาเบธ ที่ 1 ณ ปราสาทกรีนวิช (Greenwich Palace) เพื่อขอให้ปล่อยตัวลูกชายของเธอ ซึ่งเมื่อพบกันเกรซไม่ได้ทำการถวายบังคมพระราชินี เพราะเห็นว่าพระองค์ไม่ใช่ราชินีแห่งไอร์แลนด์
หลังจากได้พูดคุยกันแล้ว ก็ได้ข้อตกลงออกมา โดยที่ควีนอลิซาเบธ ที่ 1 ได้ทรงย้ายเซอร์ริชาร์ดออกจากหน้าที่ในไอร์แลนด์ แลกกับการที่เกรซต้องยุติการสนับสนุนฝ่ายกบฏในไอร์แลนด์ 
แต่ว่าข้อตกลงถูกรักษาเอาไว้ไม่นาน ควีนอลิซาเบธ ที่ 1 ก็ส่งเซอร์ริชาร์ด กลับมาทำงานในไอร์แลนด์ , เกรซจึงกลับมาสนับสนุนฝ่ายกบฏต่อต้านอังกฤษ ในช่วงสงคราม 9 ปี (Nine Years War)
1601 สมรภูมิคินเซล (Battle of Kinsale) เป็นชัยชนะครั้งสำคัญของอังกฤษเหนือไอร์แลนด์ และเป็นจุดสิ้นสุดของสงคราม 9 ปี

1603 เกรซ เสียชีวิตที่ปราสาทร็อคฟลีต ขณะอายุ 70 ปี
Don`t copy text!