Numquam prohibere somniantes 

Never stop dreaming

Albert Pike

อัลเบิร์ต ไพก์ (Albert Pike)
ผู้เขียน Morals and Dogma of the Ancient Accepted Scottish Rite of Freemasonry
ไพก์ เกิดเมือ่วันที่ 15 สิงหาคม 1809ในบอสตัส, แมสซาชูเชตต์ พ่อของเขาชื่อเบนจามิน (Benjamin) และแม่ชื่อว่าซาราห์ (Sarah Andrews Pike)  ไพก์ เป็นลูกคนโตในพี่น้องทั้งหมดหกคน ครอบครัวของเขาเป็นคริสต์ ที่ไปเข้าโบสถ์อีพิสโคปาล (Episcopal church)  เป็นประจำ
เขาเรียนหนังสือที่โรงเรียนในเมืองนิวบูรีพอร์ต (Newburyport) และเมืองฟรามิงแฮม (Framingham) จนกระทั้งเมื่ออายุ 15  สามารถสอบเข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ด (Harvard College) แต่ว่าไม่ได้ไปเรียนเนื่องจากไม่มีเงิน 
ไพก์หันมาเรียนหนังสือด้วยตัวเอง และต่อมาได้กลายเป็นครูในโรงเรียนประถม ในหลายเมืองในรัฐแมสซานชูเซตต์ 
1831 ออกจากแมสซานชูเซตต์และท่องเที่ยวไปทางตะวันตกของประเทศ โดยต่อมาได้ร่วมกับคาราวานสินค้าและล่าสัตว์ที่มุ่งหน้าไปยังเมืองเตาส์ (Taos, New Mexico) ในรัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งระหว่างทางม้าของได้หลุดไป ทำหใ้เขาต้องเดินทางด้วยขาของตัวเองเป็นระยะทางกว่า 500 ไมล์จนถึงเมืองเตาส์
1833 มาอยู่ที่อาร์คานซัส (Arkansas) เร่ิมทำงานเป็นครูสอนหนังสือ ระหว่างนี้ได้เขียนคอลัมน์ลงในแม็กกาซีน Arkansad Advocate โดยที่ใช้นามปากกาว่า «Casca» 
ต่อมาไพก์ได้ซื้อกิจการส่วนของหนังสือพิมพ์ของ Arkansad Advocate  มาทำเอง ช่วงเวลานี้หนังสือของเขาเขียนสนับสนุนพรรควิก (Whig Party)
1837 เข้าได้ทำงานเป็นทนายในศาล และได้ขายกิจการหนังสือพิมพ์ออกไป
1834 28 พฤศจิกายน, แต่งงานกับ แมรี่ แอนน์ ฮามิลตัน (Mary Ann Hamilton) พวกเขามีลูกด้วยกัน 11 คน
1846 ช่วงสงครามอเมริกัน-เม็กซิโก (American-Mexican war, 1846-1848) ไพก์ได้เข้าร่วมกับทหารม้า และร่วมรมในสมรภูมูบัวน่าวิสต้า (Battle of Buena Vista) ภายใต้บังคับบัญชาของจอห์น เราน์ (John Selden Roane)
จนกระทั้งเมื่อสงครามยุติ เขาจึงได้กลับไปทำงานเป็นทนาย
1850 ตอนอายุ 41 ได้เข้าร่วมกับกลุ่มฟรีเมสัน Western Star Lodge No. 2  ในอาร์คานซัส
1853 ย้ายมาอยู่ที่นิวออร์ลีน (New Orleans, Louisiana) เขาได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Maxim of the Roman Law and some of the Ancient French Law และ Expounded and Applied in Doctrine and Jurisprudence แต่ว่าไม่ได้ตีพิมพ์ออกมา
1857 กลับมาทำงานในอาร์คันซัส และได้ทำงานเป็นทนายให้กับพวกทาส ไพก์เข้าร่วมกับพรรคโนว์-น๊อตติง (Know Nothing Party)  หลังจากพรรควิกเกิดความแตกแยก
1859 เขาได้รับตำแหน่งแกรนด์คอมมานเดอร์ (Sovereign Grand Commander) ในฟรีเมสันสก๊อตไรต์ (Scottish Rite) เป็นฟรีเมสันในเขตใต้ของอเมริกา
นอกจากนี้ยังลือกันว่า ไพก์น่าจะได้เข้าร่วมกับกลุ่ม Palladists (Order of the Palladium) กลุ่มบูชาซาตาน ภายในฟรีเมสันสก็อตไรต์  พัลลาเดียม ก่อตั้งในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1737  ซึ่งไอแซ็ค ลอง (Issac Long) สมาชิกคนหนึ่งของสก๊อตไรต์ เป็นผู้นความเชื่อนี้เข้ามาในองค์กร  หลังจากไอแซ็ค เสียชีวิต , ไพก์ก็ได้ตำแหน่งผู้นำของพัลลาเดียม 
1861 เมื่อเกิดสงครามกลางเมืองในสหรัฐฯ (American Civil War, 1861-1865) ไพก์ได้เลือกที่จะอยู่ข้างฝ่ายใต้ (Confederacy) โดยที่เขาทำหน้าที่เป็นผู้แทนในการเจรจากับชนพื้นเมือง 
พฤศจิกายน, ได้รับแต่งตั้งเป็นพลจัตวา ซึ่งอยู่ในหน่วยรบของฝ่ายใต้ที่รวบรวมชาวพื้นเมืองเข้าเป็นทหาร
1862 มีนาคม, (Battle of Pea Ridge) หน่วยของไพก์แพ้ในการรบที่สมรภูมิเพียไรดจ์  กองทัพแตกออก และไพก์เองได้หนึเข้าไปในหุบเขาในอาร์คันซัส 
พฤจิกายน, ไพก์ถูกทหารฝ่ายใต้จับในข้อหาหนีทัพและถูกตั้งข้อหาเป็นผู้ทรยศ เขาถูกขังไว้ไม่กี่วันก่อนจะได้รับอิสรภาพ เมื่อใบลาออกจากกองทัพของเขาได้รับอนุมัติ 
1869 ข้อมูลไม่ยืนยันบอกว่าในปีนี้ ไพก์ได้เป็นผู้นำคนหนึ่งของ Ku Klux Klan 
1872 พิมพ์ผลงานเรื่อง Morals and Dogma of the Ancient Accepted Scottish Rite of Freemasonry
1891 2 เมษายน, เสียชีวิต ในวอชิงตัน และถูกฝังที่สุสานโอ๊คฮิลล์ (Oak Hill Cemetery)

1944 ร่างของเขาถูกย้ายมาไว้ที่ House of the Temple 

Don`t copy text!