Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Rostam and Sohrab

รอสเตม (Rostem) เป็นตัวละครเอกตัวหนึ่งในมหากาพห์ชาห์เนเมห์ (Shahnameh epic) ซึ่งเล่าเอาไว้ว่าเขาเป็นนักรบที่เก่งกล้า รอสเตมเป็นพระสหายคู่ใจของเจ้าชายเอ็ดฟานดิยาร์ (Esfandiyar) ซึ่งทรงเป็นมงกุฏราชกุมารในกษัตริย์ก๊อชแตปพ์ (King of Goshtasp) กษัตริย์ของชาวเคย์คาเวียส (Kaykavous)
รอสตัม อาศัยอยู่ในเมืองสิสถาน (Sistan, Persia) ในเปอร์เซีย
เจ้าชายเอ็ดฟานดิยาร์ นั้นทรงเป็นองค์รักษ์พิทักษ์ซาราธัสตร้า (Zarathustra) ศาสดาของศาสนาโซโรแอสต์ (Zoroastrianism) ด้วย ซึ่งทุกครั้งเมื่อเจ้าชายทรงพิชิตศัตรูของซาราธัสตร้าได้ พระองค์ก็จะได้รับโซ่และเกราะจากสวรรค์เป็นรางวัล ซึ่งเกราะวิเศษนั้นมีอิทธิฤทธิ์ทำให้ไม่มีผู้ใดเอาชนะเจ้าชายได้ ในขณะที่โซ่วิเศษนั้นใช้สำหรับพันธนาการสิ่งใดเอาไว้ก็ได้ ไม่เว้นแม้แต่ปีศาจหรือวิญญาณ นอกจากนั้นซาราธัสตร้ายังได้ประทานพรคุ้มครองเจ้าชายเอ็ดฟานดิยาร์ ว่า ใครก็ตามหากได้ทำให้เลือดของเจ้าชายหลั่งลงสู่พสุธา ผู้นั้นจะต้องมีชะตากรรมที่ทุกข์ทรมานไปตราบสนกระทั้งเสียชีวิต
… [ Rostam and Suhrab ] : โศกนาฏกรรมระหว่างพ่อและลูก
ครั้งเมื่อรอสเตมยังอยู่ในวัยหนุ่ม มีอยู่วันหนึ่งม้าตัวโปรดของรอสเตมหายไป เขาเอาจึงออกเดินทางตามหา และได้ตามหามาจนถึงเมืองซามานกัน (Samangan kingdom) ซึ่งพระราชาของเมืองซามานกันให้การต้อนรับรอสเตมเป็นอย่างดี 
เจ้าหญิงตาห์มิน่า (princess Tahmina) พระธิดาของกษัตริย์แห่งซามานกัน เกิดตกหลุมรักรอสเตม พระองค์จึงได้แอบเข้าไปหาเข้าในห้องตอนเวลากลางคืน และได้ยืนข้อเสนอกับรอสเตมว่า หากเขาช่วยให้พระนางตังครรภ์ได้ เขาจะได้รับม้าของเขาที่หายไปเป็นรางวัล
รอสตัมตกลง และอาศัยอยู่ในเมืองซามานกันจนกระทั้งเขาได้รับม้าคืนมาตามสัญญา
เมื่อเขากำลังจะออกเดินทางกลับ เขาได้บอกกับเจ้าหญิงตาห์ว่าถ้าลูกที่เกิดมาเป็นหญิง, ข้อให้นางได้มัดผมเป็นเปียและประดับด้วยแก้วแหวนเอาไว้ แต่ว่าถ้าเป็นผู้ชายก็ขอให้เขาตราสัญลักษณ์มาผูกติดไว้กับข้อมือเพื่อที่เขาจะได้จำได้เมื่อพบกัน
9 เดือนต่อมา เจ้าหญิงตาห์มิน่า ได้ให้กำเนิดโอรส โดยได้ตั้งชื่อซูฮราบ (Suhrab)
เวลาผ่านไป รอสตัมและซูฮราบ ได้มาพบกันในสงครามระหว่างเปอร์เซีย กับพวกตูหร่าน (Turan) รอสเตมตอนนั้นกลายเป็นทหารที่เก่งที่สุดของกองทัพเปอร์เซียแล้ว 
เมื่อซูฮราบได้สู้กับรอสเตมในการรบ เขาเองรู้ชื่อของพ่อตัวเอง แต่ว่าไม่เคยเห็นหน้าจึงไม่ได้สงสัยว่าผู้ชายคนที่เขาต่อสู้อยู่ด้วยนั้นเป็นพ่อของตัวเอง ในขณะที่รอสเตมก็ไม่รู้ว่ากำลังรบกับลูกชาย เพราะเขาก็ไม่ได้สวมเครื่องหมายอันเป็นสัญลักษณ์ที่มอบเอาไว้ 
จนกระทั้งรอสเตมใช้มีดแทงเข้าที่หัวใจของซูฮราบ สร้อยสัญลักษณ์ที่ซูฮราบเก็บเอาไว้ในอกเสื้อเพราะกลัวจะพังระหว่างการต่อสู้ก็ได้หล่นลงมา รอสเตมจึงได้รู้ว่าเขาได้ลงมือฆ่าลูกชายของตัวเอง 
เจ้าหญิงตาห์มิน่า นั้นพยายามจะตามเข้ามาห้ามในสนามรบด้วย แต่ว่าพระองค์มาช้าเกินไป ซูฮราบได้จากไปในอ้อมกอดของบิดาเสียแล้ว
….
เวลาผ่านไปจนรอสเตมแก่ชรา
วันหนึ่งเมื่อกษัตริย์ก๊อฟแตปพ์ ได้มีพระประสงค์ที่จะสละราชสมบัติให้กับเจ้าชายเอ็ดฟานดิยาร์ หากว่าเจ้าชายสามารถปราบผู้รุกรานที่เข้ามาถึงยังจังหวัดชายแดนของประเทศได้หมดเสียก่อน เจ้าชายาเอ็ดฟานดิยาร์จึงได้นำทัพทหารออกไปรบ
ต่อมาเมื่อเจ้าชายชนะในการรบ ก็ทรงเสร็จกลับเปอร์เซีย ทว่าเมื่อมาถึงเจ้าชายก็พบว่าบ้านเมืองกำลังถูกทหารเผ่าตูหร่าน (Turan) รุกราน และภคินีของพระองค์ 2 คน ก็ถูกจับตัวไป
เจ้าชายเอ็ดฟานดิยาร์ก็ได้รับพระบัญชาจากพระบิดาให้ไปปราบศัตรูและนำเจ้าหญิงทั้งสองกลับมา เจ้าชายเอ็ดฟานดิยาร์ต้องผจญภัยและทำการรบสำคัญกว่า 7 ครั้ง ทั้งต่อสู้กับหมาป่า สิงโต มังกร  และน้ำทะเลทรายกว่าที่จะเดินทางมายังยัง ป้อมปราการ รอน เดจ (Roin Dej) ของพวกตูหร่าน 
เจ้าชายเอ็ดฟานดิยาร์สามารถพิชิตป้อมปราการสอขพวกตูหร่าน และช่วยเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์เอาไว้ และได้พากลับมายังเปอร์เซีย แต่ทว่าเมื่อมาถึงกษัตริย์ก๊อฟแตปพ์กลับกังวลพระราชหฤทัยว่า จะต้องยกบัลลังค์ให้กับเจ้าชายเอ็ดฟานดิยาร์ จึงได้รับสั่งให้เจ้าชายออกไปจับตัวรอสเตมมา เป็นภารกิจสุดท้าย ถ้าสำเร็จแล้วทรงสัญญาจะยกบังลังค์ให้  โดยอ้างเหตุผลว่ารอสเตมไม่จงรักภักดี  
ซึ่งกษัตริย์ก๊อฟแตปพ์ทรงทราบคำทำนายของโหรที่เคยทำนายเอาไว้ว่าเจ้าชายเอ็ดฟานดิยาร์จะต้องเสียชีวิตภายใต้เงื้อมือของรอสเตม, เจ้าชายเอ็ดฟานดิยาร์ทรงไม่เห็นด้วยกับพระบัญชา เพราะเห็นว่ารอสเตมจงรักภักดี ทั้งก็มีอายุมากแล้ว  แต่เมื่อไม่อาจจะขัดพระบัญชา ก็ต้องลงมือไปจับตัวรอสเตมมา
เมื่อเจ้าชายไปถึงบ้านพักของรอสเตมก็ทรงสาสน์เข้าไปบอกเกี่ยวกับพระบัญชาให้มาจับตัว ซึ่งรอสเตมก็ยอมให้จับตัวเขากลับไป แต่ว่ายืนกรานปฏิเสธที่จะต้องถูกตีตรวณล่ามโซ่ไว้  แต่เจ้าชายยืนยันจะต้องล่ามโซ่ไว้ตามพระบัญชา
เจ้าชายเอ็ดฟานดิยาร์กับรอสเตม จึงได้ต่อสู้กัน โดยที่ธนูของรอสเตมไม่สามารถจะทำร้ายเจ้าชายได้เลย ตรงกันข้ามกับลูกธนูของเจ้าชาย ซึ่งหัวลูกศรทำมาจากเพชร สามารถทะลุเกราะของรอสเตมได้อย่างง่ายดาย
แต่ว่าไม่นานรอสเตมก็ได้รู้จากซิมูร์ก (Simurgh) สัตว์ในตำนานเปอร์เซีย ที่มีรูปร่างเหมือนนก มีหัวเป็นสุนัข หรือคน แต่มีกงเล็บเหมือนสิงโต  ซิมูร์กบอกว่า วิธีการเดียวที่จะทำอันตรายเจ้าชายได้ ก็คือจะต้องยิงพระองค์ที่ดวงตาด้วยลูกธนูพิเศษที่มีสองหัว ที่สร้างจากไม้ของต้นทามาริกซ์ (Tamarix tree) ที่มาจากทะเลจีนใต้ เหตุที่ดวงตาของเจ้าชายไม่อาจจะต้านทานศาตราวุธได้ ก็เพราะครั้งเมื่อเจ้าชายรับพรจากซาราธัสตร้า ด้วยการลงไปทรงน้ำในสระวิเศษ เจ้าชายได้ปิดพระเนตรเอาไว้
แต่ว่ารอสเตมก็ทราบชะตากรรมว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากเขาสังหารเจ้าชายแล้ว เขาจะต้องประสบกับชะตาากรรมที่เลวร้ายไปตลอดชีวิต อย่างก็ดี รอสเตมปฏิเสธที่จะยอมมอบตัวและใส่โซ่แต่โดยดี  
นกซิมูร์กเห็นรอสเตมตัดสินใจเช่นนั้น ก็ช่วยพาเขาบินไปยังต้นทามาริกซ์ในทะเลจีนใต้ และรอสเตมก็สร้างลูกธนูขึ้นมาจากไม้ทามาริกซ์

เช้าวันต่อมารอสเตมกับเจ้าชายก็ต่อสู้กันอีกครั้ง และเจ้าชายก็ถูกยิงเข้าที่ดวงตาจนบอด และก่อนจะเสียชีวิตในอ้อมแขนของรอสเตม เจ้าชายเอ็ดฟานดิยาร์บอกกับรอสเตมว่าอย่างได้โทษตัวเองว่าเป็นคนฆ่าเขาเลย แต่คนที่ผิดและเป็นคนฆ่าเขาอย่างแท้จริง คือบิดาของพระองค์เองที่เป็นฆาตกรตัวจริง

Don`t copy text!