Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Daniel Ellsberg

แดเนียล แอลล์สเบิร์ก (Daniel Ellsberg)
ผู้เปิดเผยเอกสารลับ Pentagon Papers
แดเนียล เกิดเมื่อวันที่ 7 เมษายน 1931  ในชิคาโก้ เป็นลูกชายของแฮร์รี่ (Harry Ellsberg) กับอเดล (Adele Charsky) ทั้งคู่เป็นยิว (Ashkennazi Jews) ที่เปลีย่นมานับถือคริสเตียน-ไซอันซ์ (Christian Science)
แดเนียบเติบโตขึ้นมาในดีทรอยต์ โดยเขาเข้าเรียนรในโรงเรียนแครนบรู๊ค (Cranbrook School) โดยที่แม่ของเขาปรารถนาให้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นนักเปียโน
1946 แม่และพี่สาวของเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต เมื่อพ่อของเขาซึ่งเป็นคนขับเกิดหลับในและรถเสียหลักพุ่งเข้าชนกำแพง  หลังจากแม่จากไปแดเนียลก็เลิกเล่นเปียโน
1952 จบการศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์ จากฮาร์วาร์ด (Harvard University) โดยได้เกียรตินิยม อันดับหนึ่ง (summa cum laude)
1953 ได้รับทุนให้เข้าเรียนที่แคมบริดจ์ (University of Cambridge)
1954 ถูกเกณฑ์ทหารให้เป็นทหารเรือในกองทัพสหรัฐฯ 
1957 ปลดประจำการณ์จากกองทัพ โดยได้ยศร้อยโท (first lieutenant) หลังจากนั้นเขากลับเข้ามาเรียนหนังสือที่ฮาร์วาร์ด (Harvard) ขณะเดียวกันก็เริ่มทำงานเป็นนักวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ให้กับ RAND Corporation หน่วยงานสำคัญด้านการวางยุทธศาสตร์และการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับนโยบายด้านกลาโหม โดยที่ตัวเขาโฟกัสงานไปที่ยุทธศาสตร์ซึ่งเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์
1962 สำเร็จปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์จากฮาร์วาร์ด โดยที่เขาทำวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้องกับทฤษฏีการตัดสินใจ (decision theory) ซึ่งผลงานของเขาถูกเรียกภายหลังว่า Ellsberg Paradox
1964 สิงหาคม, เร่ิมทำงานกับกระทรวงกลาโหม ในสมัยของประธานาธิบดีจอห์นสัน (Lyndon Johnson) และโรเบิร์ต แม็คนามาระ (Robert McNamara) เป็นรัฐมนตรีกลาโหม
แดเนียล ถูกส่งตัวมาทำงานในเวียดนามใต้ เป็นเวลาสองปี โดยทำงานกับนายพลแลนด์เดล (General Edward Lansdale) 
1967 หลังจากกลับจากเวียดนาม เขากลับมาทำงานกับ RAND โดยเขาได้ทำงานในการวางแผนยุทธศาสตร์ลับที่เกี่ยวข้องกับสงครามเวียดนาม ซึ่งต่อมาเขานำเอกสารนี้ออกมาเผยแพร่ และรู้จักกันในชื่อ Pentagon Papers ซึ่งเอกสารนี้ถูกเขียนขึ้นเสร็จสมบูรณ์ในปี 1968
1969 ในปีนี้ แดเนียล เข้าร่วมในกิจกรรมต่อต้านสงครามหลายกิจกรรม ต่อมาช่วงปลายปีเขาจึงได้ตัดสินใจแอบถ่ายสำเนาเอกสาร Pentagon Papers โดยที่มีแอนโทนี่ รัสโซ่ (Anthony Russo) ซึ่งทำงานที่ RAND เช่นกันให้ความช่วยเหลือ
1970 เขาเริ่มเผยแพร่ Pentagon Papers ในวงจำกัดโดยส่งเอกสารให้กับนิล ชีฮัน (Neil Sheehan) ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ (New York Times) และเจ้าหน้าที่บางคนของสถาบันศึกษานโยบายการเมือง (Institute for Policy Studies)
1971 13 มิถุนายน, นิวยอร์คไทม์ เริ่มตีพิมพ์ข้อมูลบางส่วนจาก Pentagon Papers ออกมา
รัฐบาลของ ปธน.นิกสัน จึงร้องต่อศาลให้สั่งระงับนิวยอร์คไทม์ไม่ให้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เหลือ
แดเนียล จึงได้ส่งข้อมูลให้กับวอชิงตันโพสต์ (Washington Post) และหนังสือพิมพ์อื่นๆ อีก 17 ฉบับ
28 มิถุนายน, แดเนียลมอบตัวต่อสำนักงานอัยการแมตซานชูเซตต์ (US Attorney’s Office for the District of Massachusetts) ในบอสตัน โดยยอมรับว่าเป็นผู้เผยแพร่เอกสารลับให้กับหนังสือพิมพ์ 
30 มิถุนายน, ศาลสูงสุดอนุญาติให้นิวยอร์คไทม์เผยแพร่ข้อมูลจากเอกสารลับได้ต่อไป 
ต่อมาแดเนียลและรัสโซ่ จึงถูกตั้งข้อหาตามกฏหมายว่าด้วยการเป็นสายลับ (Espionage Act of 1917) ซึ่งหากพบว่าเขามีความผิดจริงจะทำให้แดเนียลต้องถูกจำคุกเป็นเวลา 115 ปี และรัสโซ่อาจจะถูกจำคุก 35 ปี
24 กรกฏาคม, (White House Plumbers) ทีมของ ปธน.นิกสัน พยายามจะหยุดการเผยแพร่เอกสารลับ จึงตั้งใจจะใช้วิธีดีสเครดิต แดเนียล  โดย อีกิล คร็อกห์ (Egile Krogh),เดวิด ยัง (David Young), จี. ลิดดี้ (G. Gordon Liddy), อี. ฮันต์ (E. Howard Hunt) , จอห์น เออร์ลิชแมน (John Ehrlichman)โดยตั้งใจจะโจมตีแดเนียลว่ามีความผิดปกติทางจิต 
มีสั่งให้มีการขโมยข้อมูลด้านทางจิตเวชของแดเนียล จากจิตแพทย์ประจำตัวของแดเนียล คือ ดร.เลวิส ฟิลดิ้ง (Lewis J. Fielding) 
3 กันยายน, มีการลักลอบบุกรุกเข้าไปในสำนักงานของ ดร.ฟิลดิ้ง อย่างผิดกฏหมายโดย จี ลิดดี้ , อี. ฮันต์​และเจ้าหน้าที่ซีไอเอ อีกสามคน คือ ยูจีนิโอ (Eugenio Martinez), ฟิลิเป้า ดิเอโก้ (Felipe de Diego) และเบอร์นาร์ด บาร์คเกอร์ (Bernard Barker) โดยพวกเขาสามารถสามารถเอาเอกสารที่เกี่ยวกับแดเนียลไปได้ แต่ว่าไม่ได้ข้อมูลที่สำคัญเพียงพอที่จะใช้ดีสเครดิตแดเนียลได้  ต่อมามีการวางแผนจะบุกเข้าไปหาเอกสารในบ้านของ ดร.ฟิลดิ้งด้วย แต่ว่าปฏิบัติการณ์ถูกยกเลิก
1973 3 มกราคม, การไต่สวนคดีของแดเนียล ถูกพิจารณาโดยผู้พิพากษาวิลเลี่ยม ไบร์ท (William Matthew Byrne, Jr.) โดยที่แดเนียลพยายามต่อสู้โดยอ้างว่าเอกสารถูกจัดชั้นความรับโดยมิชอบ เพราะไม่ใช่ต้องการปกปิดข้อมูลจากศัตรู แต่ต้องการปกปิดข้อมูลจากชาวอเมริกันเอง
26 เมษายน, ผู้พิพากษาไบร์ท มีการเปิดเผยถึงปฏิบัติการ Plumbers ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการที่ผิดกฏหมายโดยการลักลอบเข้าไปในบ้านของ ดร.ฟิลดิ้ง เพื่อขโมยเอกสารทางการแพทย์เกี่ยวกับแดเนียล 
9 พฤษภาคม, มีการเปิดเผยว่า FBI ได้ดักฟังและบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ของแดเนียลโดยผิดกฏหมาย
11 พฤษภาคม, ศาล โดยผู้พิพากษาไบร์ท ได้ยกคำร้องทุกข้อกล่าวหาที่มีต่อแดเนียลและรัสโซ่ โดยยกประโยชน์ให้เห็นว่าการกระทำหลายอย่างของรัฐบาลต่อพวกเขาขัดต่อกฏหมายเสียเอง
1976 แดเนียลได้รับรางวัลคานธี (Gandhi Peace Award)
2002 เขียนหนังสือบันทึกความทรงจำออกมาในชื่อ A Memoir of Vietnam and the Pentagon Papers
2005 เมื่อเกิดสงครามอิรัก แดเนียลออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านสงครามอีก และถูกจับระหว่างประท้วงประธานาธิบดีบุช (George W. Bush)
2009 มีการสร้างสารคดีสั้นเกี่ยวกับแดเนียลออกมาในชื่อ The Most Dangerous Man in America : Daniel Ellsberg and The Pentagon Papers
2011 The Pentagon Papers ฉบับสมบูร์ณถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการ , Pentagon Paper เป็นเอกสารที่ศึกษาในเชิงลึกเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ และการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ​ ต่อนโยบายในอินโดจีน  ซึ่งมีความหน้ากว่า 7,000 หน้า ที่เกี่ยวพันมาตั้งแต่สมัยของประธานาธิบดีทรูแมน (Harry S. Truman) , ประธานาธิบดีไอเซ่าฮาเวอร์ (Dwight D. Eisenhower), ประธานธิบดีเคนเนดี้ (John F. Kennedy) และประธานาธิบดีจอห์นสัน  ซึ่งโรเบิร์ต แม็คนามาระ รัฐมนตรีกลาโหม ที่สั่งให้ทำ Pentagon Paper เองก็ถูกบันทึกไว้ว่า “เป้าหมายของสงครามเวียดนาม ไม่ใช่การช่วยเวียดนามใต้ แต่เป็นการโอบล้อมจีน”  , สหรัฐอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติในเวียตนามใต้ ในปี 1963 (South Vietnamese coup 1963)

แดเนียลยังมีชีวิตอยู่  และเขาสนับสนุนผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลลับของรัฐบาล อย่างแอสแซงค์ (Julian Assang), แมนนิ่ง (Chelsea Manning)  และสโนเดน (Edward Snowden) 
Don`t copy text!