Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Dwight Eisenhower

ดไวท์ ไอเซ่นฮาวร์ (Dwight David Eisenhower)
ประธานาธิบดี คนที่ 34 ของสหรัฐฯ 
ไอเซ่นฮาวร์ เกิดวันที่ 14 ตุลาคม 1890 ในเดนิสัน, เท็กซัส (Denison, Texas) พ่อของเขาชื่อเดวิด (David Jacob Eisenhower) และแม่ชื่อไอด้า (Ida Elizabeth Stover) เดวิดกับไอด้าแต่งงานกันในปี 1885  ครอบครัวของไอด้าเป็นพวกเคร่งศาสนา แม่ของเขานับถือนิกายลูเธอรัน  
บรรพบุรุษฝ่ายพ่อของไอเซ่นฮาวร์ เป็นผู้อพยพมาจากเมืองคาร์ลสบรันน์ (Karlsbrunn)  ในเยอรมัน มาอยู่ในสหรัฐฯ​ตั้งแคปี 1741 คำว่า “Eisenhuuer” หมายถึงคนงานในเหมืองเหล็ก  
ไอเซ่นฮาวร์เป็นลูกคนที่สามในพี่น้องผู้ชายเจ็ดคน ก่อนที่ไอเซ่นฮาวร์เกิด ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ใกล้กับรางรถไฟ และพ่อทำงานเป็นคนทำความสะอาดรถจักร
1891 ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่เอบิลีน, แคนซัส (Abilene, Kansas)   พ่อของเขาก็มาทำงานในโรงงานผลิตครีมนม Belle Springs Creamery ของพี่เขย
1909 ไอเซ่นฮาวร์จบชั้นมัธยมจากโรงเรียนมัธยมเอบิลีน (Abilene High School)  หลังจากเรียนจบไอเซนฮาวน์ก็เข้าทำงานที่โรงงานผลิตครีมที่เดียวกับพ่อของเขา โดยเงินที่ได้รับเขาใช้ส่งให้น้องชายเอ็ดการ์ (Edgar) เรียนหนังสืออยู่สองปี และเมื่อครบสองปีเขากับน้องชายก็สลับหน้าที่กัน น้องชายทำงานและส่งเงินให้ไอเซ่นฮาวน์เรียน
1911 ไอเซ่นฮาวร์เข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยต์ (West Point) ในนิวยอร์ค โดยระหว่างเรียนเขาเป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียนแต่ภายหลังต้องเลิกเล่นไปเพราะบาดเจ็บที่หัวเขา
1915 จบการศึกษาจากเวสต์พอยต์  ซี่งระหว่างเรียนอยู่ที่นี่เขาฝึกเล่นไพ่บริดจ์ (contract bridge) ครั้งแรก และติดการเล่นบิดมาตลอดการใช้ชีวิตในอาชีพทหาร
หลังจากเรียนจบไอเซ่นฮาวร์ได้เป็นทหารอยู่ในกองทัพบก ซึ่งเขาย้ายประจำการอยู่หลายค่ายในรัฐเท็กซัสและจอร์เจีย เขาเคยอาสาจะไปประจำการณ์ในฟิลิปปินสต์แต่ว่าถูกปฏิเสธ
1916 1 กรกฏาคม , แต่งงานกับมาเมีย (Mamie Geneva Doud) พวกเขามีลูกด้วยกันสองคน พวกเขามีลูกด้วยกันสองคน เดาด์ (Doud Dawight “lcky” Eisenhower, 1917-1921) ซึ่งเสียชีวิตจากไข้ดำแดง (scarlet fever) ตั้งแต่ยังเล็ก  ส่วนคนที่สองชื่อจอห์น (John Eisenhower, 1922-2013) 
ไม่กี่เดือนหลังจากการแต่งงานของไฮเซ่นฮาวร์ สหรัฐฯ ก็ประกาศเข้าร่วมในสงครามโลก ครั้งที่ 1  ไอเซ่นฮาวร์ลองสมัครไปประจำการในต่างประเทศอีกครั้งแต่ก็ถูกปฏิเสธอีก 
1918 กุมภาพันธ์, ถูกส่งไปประจำในหน่วยวิศวกรรมที่ 65 (65th Engineers) ที่ค่ายเมียเด (Meade camp) ในแมรี่แลนด์ ซึ่งไม่นานหน่วยของเขาก็ถูกส่งไปฝรั่งเศส แต่ไอเซ่นฮาวส์ไม่ได้ถูกส่งไปเขาถูกย้ายไปอยู่หน่วยรถถังแทน ในแคมป์โคล์ต (Camp Colt) เพนน์ซิลวาเนีย (Gettysburg, Pennsylvania)  ซึ่งเขามีหน้าที่ในการฝึกทหารที่จะมาใช้รถถัง
1920 ได้รับการเลื่อนยศเป็นร้อยเอก
1922 ถูกส่งไปประจำการณ์บริเวณคลองปานามา (Panama canal) ซึ่งสหรัฐฯ เข้าไปยึดคลอง ไอเซ่นฮาวน์รับหน้าที่เป็นทหารประจำตัวของนายพลฟอกซ์ คอนเนอร์ (General Fox Conner) 
1924 ไอเซ่นฮาวน์ เข้าเรียนที่โรงเรียนทหาร the Command and General Staff School ในแคนซัส (Ft.Leavenworth, Kansas) ตามคำแนะนำของนายพลฟอกซ์
1926 จบการศึกษาจากโรงเรียนทหาร the Command and General Staff School
1927 เขารับหน้าที่ในการหาข้อมูลและทำรายงานให้กับแผนกสงคราม (War Department) ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลจอห์น เพิร์ชิ่ง (General John Pershing) ซึ่งเขาทำหน้าที่อยู่กว่าสองปี 
1933 เป็นทหารในสังกัดของแม็คอาร์เธอร์ (General Douglas McArthur)
1935 ติดตามแม็คอาร์เธอร์ไปทำงานในฟิลิปปินส์ ซึ่งในฟิลิปปินส์แม็คอาร์เธอร์ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ในการพัฒนากองทัพ ซึ่งในจุดนี้ทำให้ไอเซ่นฮาวน์และแม็คอาร์เธอร์มีความขัดแย้งกันทางความคิด เพราะว่าไอเซ่นฮาวน์เห็นว่าสหรัฐฯ ควรจะทุ่มเทในการปรับปรุงทหารและกองทัพของตนเองให้เหนือกว่า มากกว่า
1936 ได้เลื่อนยศเป็นพันโท
1937 เร่ิมฝึกการขับเครื่องบิน จนสามารถได้รับใบอนุญาติเป็นนักบินในปี 1939 
1939 ปีนี้ไอเซ่นฮาวน์ได้รับข้อเสนอให้เป็นหัวหน้าตำรวจประจำเมืองกูซอน (Quezon) ซึ่งฟิลิปปินส์วางแผนจะให้เป็นเมืองหลวงใหม่ แต่ว่าเขาปฏิเสธและปลายปีได้เดินทางกลับมายังสหรัฐฯ และไปประจำอยู่ที่ฐานทัพเลวิส (Fort Lewis) ในวอชิงตัน 
1941 มิถุนายน, เป็นผู้บัญชาการกองทัพที่ 3 (Third Army) ที่ฐานทัพแซม ฮูสตัน (Fort Sam Houston) ในซาน แอนโตนิโอ, เท็กซัส
ตุลาคม, เลื่อนยศเป็นพลตรี 
7 ธันวาคม, ญี่ปุ่นโจมตีฐานทัพเรือที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor, Hawaii) ทำให้สหรัฐฯ ประกาศเข้าร่วมในสงครามโลก ครั้งที่ 2
ช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 เขาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางทหาร (General Staff) อยู่ในวอชิงตัน โดยรับผิดชอบในการวางแผนในการทำสงคราม
1942 ไอเซนฮาวน์ถูกเรียกกลับมาสหรัฐฯ​ เพื่อเป็นทีมที่ปรึกษาให้กับนายพลมาร์แชลล์ (General George Marshall) 
ไอเซนฮาวน์ยังทำหน้าที่บัญชาการกองทัพพันธมิตรในอัฟริกาเหนือ, อิตาลีและซิสิลี
ธันวาคม, ได้ยศเป็นพลเอก 
1943 หลังจากการประชุมเตหะราน (Tehran conference) ไอเซนฮาวน์ได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการของกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร
1944 6 มิถุนายน, กองทัพสัมพันธมิตรยกพลขี้นบกที่นอร์มันดี 
ธันวาคม, ไอเซ่นฮาวน์ได้ยศเป็นนายพลห้าดาว 
1945 หลังจากเยอรมันพ่ายแพ้ในสงครามโลก ไอเซ่นฮาวน์รับหน้าที่ในการดูแลทางทหารในดินแดนที่สหรัฐฯ ยึดครองไว้  
1948 หลังสงครามโลก ไอเซ่นฮาวน์ได้รับตำแหน่งประธานของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ซึ่งระหว่างที่อยู่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ไอเซ่นฮาวน์ก็เริ่มสนใจการวาดรูปสีน้ำมัน และการวาดรูปกลายเป็นงานอดิเรกที่เขาชอบ
เข้าร่วมเป็นสมาชิกของออกัสต้ากอล์ฟคลับ (Augusta National Golf Club) ซึ่งกอล์ฟเป็นกีฬาโปรดของเขา 
เขียนหนังสือ Crusade in Europe
1951 ออกจากตำแหน่งประธานของ ม.​โคลัมเบีย เพื่อมารับตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดของนาโต้ (Supreme Commander of NATO) 
1952 สมัครลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ​ในนามพรรครีพับพลิกัน โดยระหว่างการรณรงค์หาเสียง เขาใช้สโลแกน “I Like Ike”
พฤศจิกายน, ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี 
1953 เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี คนที่ 34 ของสหรัฐฯ​
5 มีนาคม, สตาลิน (Joseph Stalin) เสียชีวิต
16 เมษายน, ไอเซ่นฮาวน์กล่าวสุนทรพจน์ Chance for Peace Speech เรียกร้องสันติภาพ และลดการแข่งขันทางการทหาร
ซึ่งผลงานแรกๆ ของเขาคือประสบความสำเร็จในการเจรจาเพื่อยุติสงครามเกาหลี (Korean War) การลดความตึงเครียดในสงครามเย็น ด้วยการใช้นโยบายนิวเคลียร์เพื่อสันติภาพ (Atoms for Peace) เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้นิวเคลียร์เพื่อผลิตพลังงานแทนการใช้เป็นอาวุธ   
เขายังโจมตีพวกลัทธิแม็คคาธีลิซึ่ม (McCarthyism)
1954 New Look policy มีนโยบายในการจำกัดการใช้จ่ายทางการทหาร
ผลักดันให้มีการตั้งองค์การสนธิสัญญาป้องกันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEATO)
1955 กันยายน, เกิดอาการหัวใจวายระหว่างอยู่ในเดนเวอร์, โคโลราโด (Denver, Colorado) และต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเจ็ดสัปดาห์ ก่อนที่หายและลงสมัครเป็นประธานสมัยที่ 2 
1956 ตุลาคม, เกิดสงครามไซนาย (Sinai War) หรือสงครามอาหรับ-อิสราเอล ครั้งที่ 2 (2nd Arab-Israeli War) เพราะอิสราเอลบุกคาบสมุทราไซนายเพื่อหวังยึดครองคลองซุเอซ 
ชนะการเลือกตั้งสมัยที่สอง 
1957 เกิดวิกฤตซีเรีย (Syrian Crisis 1957)
ก่อตั้งองค์การนาซ่า (NASA) หลังจากสหภาพโซเวียตส่งดาวเทียมสปุตนิก (Sputnik) ดาวเทียมดวงแรกของโลกสำเร็จ
1958 กรกฏาคม, เกิดวิกฤตเลบานอน (Lebanon crisis)
กรกฏาคม, ลงนามกฏหมาย Alaska Statehood Act ตั้งให้อลาสก้าเป็นรัฐ
1959 18 มีนาคม, ลงนามกฏหมาย Hawaii Admission Act ตั้งฮาวายเป็นรัฐที่ 50
1961 17 มกราคม, พ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดี โดยในวันสุดท้ายนี้ได้มีการถ่ายทอดสดการอำลาตำแหน่งของไอเซ่นฮาวน์ผ่านโทรทัศน์ โดยในการอำลาตำแหน่งนี้ไอเซ่นฮาวน์ได้กล่าวเตือนถึงอันตรายของอุตสาหกรรมทหาร (military-industrial complex) การใช้จ่ายทางทหารของรัฐบาลทางทหาร การถูกครอบงำจากคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบาย 
17 เมษายน, สหรัฐฯ บุกคิวบา (Bay of Pigs invasion) ไอเซ่นฮาวร์ อนุมัติแผนการบุกคิวบาของซีไอเอ แต่ว่าเขาพ้นอำนาจก่อนที่เริ่มปฏิบัติการ ซึ่งเมื่อเคนเนดี้ (Joseph F. Kennedy) ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เขาก็ปฏิบัติตามแผนการนี้ต่อ
หลังพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากนั้นเขากลับไปทำฟาร์มในเกตตี้เบิร์ก (Gettysburg) 
1968 ล้มป่วยด้วยอาการหัวใจวายถึงสี่ครั้ง และถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลวอลเตอร์ รีด (Water Reed hospital)

1969 28 พฤษภาคม, เสียชีวิตที่โรงพยาบาลวอลเตอร์ รีด 
Don`t copy text!