“Stakeknife” เป็นโค๊ดเนมของสายลับอังกฤษ ซึ่งแฝงตัวเข้าไปเป็นในกลุ่ม IRA ได้สำเร็จ จนได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองกำลังแบ่งแยกไอร์แลนด์ (Irish Republican Army, IRA) โดยเขาได้รับตำแห่นงเป็นหัวหน้ากองกำลังความมั่นคงภายใน Internal Security Unit (ISU) หรือฉายากลุ่ม “the nutting squad” ของ IRA ในกรุงเบลฟาสต์ (Belfast) ตำแหน่งของเขาทำให้เขามีอำนาจที่จะสังหารสมาชิกของ IRA ด้วยกันได้หากว่ามีใครที่ต้องสงสัยว่าเป็นคนทรยศ โดยที่หน่วยของเขาจะใช้วิธีในการทรมานผู้ต้องสงสัยเพื่อให้รับสารภาพ
ในปี 2003 Stakeknife ถูกระบุว่าคือ เฟรดดี สแค๊ปปาติคคิ (Freddie Scappaticci) ชายวัย 73 ปี โดยสื่อหลายสำนัก
เฟรดดี้ ถูกระบุเริ่มทำงานให้กับอังกฤษช่วงปี 1978 โดยเริ่มเป็นสายลับให้กับหน่วย Royal Ulster Constabulary (RUC) 2 ปีก่อนที่จะมีการตั้งหน่วย Force Research Unit (FRU) ขึ้นมาในปี 1980 ซึ่ง FRU เป็นหน่วยงานภายใต้ Intelligence Corps อีกทีหนึ่ง
แต่ว่าเจ้าตัวให้การปฏิเสธว่าไม่ใช่ Stakeknife และไม่ได้เป็นสายลับสองหน้าให้กับอังกฤษด้วย
Stakeknife ถือเป็นสายลับที่ทรงคุณค่าให้กับกองทัพอังกฤษ เขาถูกยกย่อยว่าเป็น “the jewel in the crown, the golden egg” (อัญมณีบนมงกุญ และไข่ทองคำ” เขามีบทบาทในช่วงระหว่างปี 1969-1997 ในความขัดแย้งของอังกฤษกับกลุ่มแบ่งแยกไอร์แลนด์ IRA
Stakeknife ถูกกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของสมาชิกและสายข่าวของ IRA หลายรายกว่า 40 คน ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะถูกทำร้ายและทรมานเพื่อให้รับสารภาพจนตาย ซึ่งแปลว่าทางการอังกฤษก็รับรู้หรืออนุญาตให้เขาใช้วิธีการที่รุนแรงแบบอาชญากรรมได้ด้วยในขณะที่เขาปฏิการณ์เป็นสายลับสองหน้าให้อังกฤษ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอังกฤษทั้งเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะมีความผิดด้วย หากพิสูจน์ได้ว่าจริง
…………………………….
ประวัติ เฟรดดีย์ สแค๊ปปาติคคิ (Freddie Scappaticci)
เกิดประมาณปี 1946 ในเบลฟาสต์, ไอร์แลนด์เหนือ (Belfast, Ireland) เป็นลูกชายของเดเนียล (Daniel Scappaticci) ผู้อพยพชาวอิตาลี
1962 เข้าฝึกเป็นนักฟุตบอลที่สโมสรน๊อตติ้งแฮม (Nottingham Forest)
1970 ถูกจับปรับในข้อหาเกี่ยวข้องกับการจราจลเกี่ยวกับการเรียอกร้องเอกราชไอร์แลนด์เหนือ
1971 (Opertaion Demetrius) ทางการอังกฤษใช้ปฏิบัติการณ์เดมิทรีอุซ ในการกวาดล้างชาวไอร์แลนด์เหนือที่เรียกร้องเอกราช ซึ่งประชาชนกว่า 342 คน ถูกจับขังโดยไม่มีการสอบสวนใดๆ เหตุกาณ์นี้ทำให้เฟรดดีย์ถูกจับไปด้วย
1974 เฟรดดีย์ได้รับอิสระภาพ
1980 เริ่มทำงานให้กับหน่วย Interal Security Unit (ISU) ของ IRA ซึ่งเป็น 2 ปีหลังจากที่เขาน่าจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วย FRU ของอังกฤษ
2004 เจ้าหน้าที่ FRU คนหนึ่ง ซึ่งใช้นามปากกา “Martin Ingram” ได้เขียนหนังสือชื่อ Stakeknife ซึ่งเปิดโปงว่าเฟรดดีย์เป็นสายลับสองหน้าให้ FRU
2016 ทางการอังกฤษเริ่มปฏิบัติการณ์คีโนว่า (Operation Kenova) เพื่อสอบสวนคดีต้องสงสัย ที่ผู้ถูกสังหาร และลักพาตัว ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1970s
2017 สำนักข่าว BBC ทำสารคดีเรื่อง “The Spy in the IRA”