อเล็กซานเดอร์ โกรเตนดีก (Shurik)
Fields Medal 1966 , Theory of Schemes
โกรเตนดีก เกิดวันที่ 28 มีนาคม 1928 ในเบอลิน, ปรัสเซีย, เยอรมัน ในครอบครัวที่พ่อแม่มีแนวคิดแบบอนาธิปไตย
พ่อของเขาชื่ออเล็กซานเดอร์ ชาปิโร่ (Alexander “Sascha” Scharipo,1889-1942) เป็นชาวรัสเซียเชื้อสายยิว ซึ่งอพยพเข้าไปอาศัยอยู่ในเยอรมัน ตั้งแต่ปี 1922 เพราะว่าต้องโทษประหารชีวิตจากการมีส่วนร่วมในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ในการปฏิวัติ1917 ซึ่งระหว่างที่หลบหนีเขาได้รับบาดเจ็บที่แขนทำให้ต้องตัดแขนทิ้งในเวลาต่อมา เมื่อมาถึงเยอรมัน เขาก็ใช้ชื่อปลอมว่า โกลเตนดีก ตานารอฟ (Alexander Tanaroff) และชื่อ ชาช่า ปีเตอร์ (Sascha Peter) เขาทำงานเป็นช่างภาพ
ส่วนแม่ชื่อว่าโจฮันน่า (Johanna “Hanka” Grothendieck, 1900-1957) เป็นชาวเยอรมัน เธอเกิดในฮัมบูร์ก เธอนิยมแนวคิดแบบอนาธิปไตย และทำงานเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ของฝ่ายซ้าย
ตอนที่โกรเตนดีกเกิดนั้น แม่ของเขาแต่งงานอยู่แล้วกับโจฮันเนส แรดแดตซ์ (Johannes Raddatz) ซึ่งเป็นนักหนังสือพิมพ์เช่นกัน แต่ว่าพวกเขาหย่ากันในปี 1929 แต่หลังจากหย่างโจฮันน่าก็ไม่ได้แต่งงานกับอเล็กซานเดอร์อย่างเป็นทางการ
1933 เมื่อฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) ขึ้นมามีอำนาจในเยอรมัน พ่อของเขาก็หนีไปยังฝรั่งเศส ก่อนที่แม่จะตามไปสมทบในช่วงปลายปี ส่วนโกลเตนดีก ถูกมอบให้ไปอยู่ในความดูแลของครอบครัวของวิลเลี่ยม เฮย์ดรอน (William Heydron) ซึ่งเป็นปาสเตอร์ในโบสถ์และครู อาศัยอยู่ชานเมืองฮัมบูร์ก
หลังออกจากเยอรมัน พ่อและแม่ของเขาเข้าเคลื่อนไหวอยู่ในสเปนช่วงที่เกิดสงครามกลางเมือง (Spanish civil war) จนกระทั้งนายพลฟรานซิสโก้ ฟรานโก้ (Francisco Franco) มีชัยชนะ พวกเขาถึงได้กลับมายังฝรั่งเศส ในปี 1939 และอยู่ร่วมกับโกรเตนดีกเป็นครอบครัวอีกครั้ง
1940 เมื่อสงครามโลก ครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้น ครอบครัวโกรเตนดีก พ่อแม่และลูก ถูกนาซีเยอรมันจับตัวเอาไว้ได้ ซาปิโร่ผู้เป็นพ่อถูกส่งตัวไปยังค่ายอ๊อสชวิตซ์ (Auschwitz camp) และเสียชีวิตที่นั่นในปี 1942
ส่วนโกลเตนดีกและแม่ถูกขังไว้ในค่ายรูครอส (Rieucros Camp) ซึ่งเป็นค่ายท่ีใช้กักขังนักโทษเยอรมัน โดยที่โกลเตนดีกได้รับอนุญาตให้เข้าเรียนที่โรงเรียนในเมืองใกล้กับค่ายกักกันได้
ต่อมาโกลเตนดีกได้ตัดสินใจหนีออกจากค่าย โดยตั้งใจว่าจะเดินทางไปสังหารฮิตเลอร์
ในเวลาต่อมาโจฮันน่าถูกย้ายไปอยู่ในค่ายกักกันเกอร์ส (Gurs internment camp) จนกระทั้งสิ้นสุดสงครามโลก
1942 โกลเตนดีก ได้เข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านพักพิงที่จัดให้สำหรีบผู้ลี้ภัยในเลอ แชมบอง (Le Chambon-sur-Lignon) และได้เข้าเรียนที่ Le Collège-Lycée Cévenol International
1945 เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมองต์เปลลิแยร์ (University of Montpellier) ทางด้านคณิตศาสตร์
1948 เดินทางมาศึกษาต่อในปารีส
1950 ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาฃลัยแนนซี่ (University of Nancy)
1953 จบปริญญาเอก จาก ม.แนนซี่
หลังจากนั้นได้รับงานสอนที่มหาวิทยาลัยเซาเปาโล (University of Sao Paulo) ในบราซิล โดยที่เขาถือพาสปอร์ตแนนเซ่น (Nansen passport) ซึ่งออกให้โดยองค์การสันนิตบาตชาติสำหรับคนไร้รัฐ
1958 ได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ที่สถาบัน IHÉS (Institut des Hautes Études Scientifiques) ในปารีส
1960 เริ่มพิมพ์ Éléments de géométrie algébrique (Elements of Algebraic Geometry) ออกมา โดยแบ่งออกเป็น 8 เล่ม พิมพ์ระหว่าง 1960-1967
1966 ได้รับรางวัล Fields Medal จาก algebraic geometry, homological algebra, K-theory
1970 ลาออกจากสถาบัน IHÉS และทิ้งวงการคณิตศาสตร์ไป เพราะโกรเตนดึกเป็นพวกต่อต้านสงครามและค่อนข้างจะสุดโต่ง เขาต่อต้านการทำสงครามในเวียดนามของสหรัฐฯ และก็ต่อต้านการขยายอิทธิพลทางทหารของสหภาพโซเวียต เมื่อเขาพบว่า IHÉS ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทัพเขาก็ลาออก
ก่อตั้งกลุ่ม Survivre (Survivre et vivre) ร่วมกับนักคณิตศาสตร์อีกสองคนคือ เคราด์ เชวัลเลย์ (Claude Chevalley) และปิแอร์ ซามูเอล (Pierre Samuel) เพื่อรณรงค์ต่อต้านทหาร
ได้ตำแหน่งศาสตราจารย์ชั่วคราวที่ฟรานซ์คอลเลจ (College de France)
1972 ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยมองปิลิแยร์ (University of Montpellier)
1986 เขียนร่างชีวประวัติของตัวเองในชื่อ Récoltes et semailles (Reaping and Sowing) แต่ว่าไม่ได้พิมพ์ออกมาอย่างเป็นทางการ (อ่านต้นฉบับได้ในอินเตอร์เน็ต)
1988 เกษียณและย้ายไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านลาแซร์ (Lasserre, Pyrenees)
1990 Grothendieck Festschrift เป็นงานรวมรวมงานวิจัยของเขาที่เคยเขียนเอาไว้ ถูกนำมาเรียบเรียงและพิมพ์ออกมาในโอกาศครบรอบ 60 ปีของเขา
2014 13 พฤศจิกายน, เสียชีวิตในวัน 86 ปีที่โรงพยาบาลในเซงจิยง (Saint-Girons, Ariège)
ผลงานสำคัญทางคณิตศาสตร์
- Grothendieck–Riemann–Roch theorem, 1957
- theory of schemes, 1958
- K-Theory
ผลงานเขียน
- Produits tensoriels topologiques et espaces nucléaires ( Topological Tensor Products and Nuclear Spaces), 1955
- Éléments de géométrie algébrique (Elementary Algebraic Geometry), 1960
- Espaces vectoriels topologiques (Topological Vector Spaces), 1973
- La Longue Marche à travers la théorie de Galois (The Long March Through Galois Theory),1980
- Pursuing Stacks, 1983
- Récoltes et semailles (Reaping and Sowing), 1986
- La Clef des Songes, 1987