The Lebensborn e. V. (eingetragener Verein)
Lebensborn แปลว่า น้ำพุแห่งชีวิต (Fountain of Life) เป็นโครงการที่ริเริ่มโดยไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์ (Heinrich Himmler) ผู้บัญชาการของหน่วย SS จากการฮิมม์เลอร์ตระหนักถึงปัญหาอัตราการเกิดของประชากรน้อย ทำให้จำนวนชาวเยอรมันลดลงตลอดนับทศวรรษ ฮิมม์เลอร์จึงมีแนวความคิดที่จะส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่หน่วย SS และสมาชิกของพรรคนาซีเยอรมันมีลูกให้มากขึ้น แต่ว่าต้องมีกับผู้หญิงที่เป็นอารยัน (aryan) เท่านั้น เพื่อให้ได้สายพันธ์อารยันบริสุทธิ์ และจะได้นำทารกเหล่านั้นมาปรับปรุงพัฒนาให้มีสายพันธ์ที่ดีขึ้นไปอีก
วันที่ 12 ธันวาคม โครงการ Lebensborn ถูกจัดตั้งขึ้นในฐานะสมาคม (e. V. eingetragener Verein แปลว่า สมาคมจดทะเบียน (registered association)) ในวันที่ 12 ธันวาคม 1935 ซึ่งในปีเดียวกัน ก็มีการออกกฏหมายนูเร็มเบิร์ก (Nuremberg Laws) ออกมาด้วยเพื่อห้ามไม่ให้ชาวเยอรมันไปแต่งงานกับชาวยิว ซึ่งถูกมองว่าเป็นสายพันธ์ที่ด้อยกว่า
Lebensborn นี้จะทำหน้าที่หาผู้หญิงสาวไปเสนอให้กับเจ้าหน้าที่หน่วย SS หรือเจ้าหน้าที่ในกองทัพเยอรมัน เพื่อที่จะให้ผู้หญิงเหล่านี้ตังครรถ์ให้กับพวกเขา โดยที่ทุกอย่างเป็นความลับ ซึ่งคนที่จะมาเป็นพ่อพันธ์ และคนที่จะเป็นแม่พันธ์ จะต้องผ่านการคัดเลือกว่าเป็นสายพันธ์อารยันบริสุทธิ์เสียก่อน เช่น ต้องมีผมสีบรอนซ์ มีนัยตาสีฟ้า และเมื่อผ่านเกณฑ์การคัดเลือกแล้ว พวกเขาถึงจะมีสิทธิมีลูกด้วยกันได้ แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงแม่พันธ์ในโครงการนี้จะมีลูกโดยที่ไม่ได้แต่งงานกับผู้ชายที่เป็นพ่อพันธ์
และหลังจากเด็กทารกเกิดขึ้นมาแล้ว ก็จะถูกแยกออกมากจากแม่ และส่งให้กับหน่วย SS เพื่อเลี้ยงดู ปลูกฝังแนวความคิดให้
ในปี 1936 สตินโฮริง (Steinhoering) เป็นสถานที่แรกที่จัดสร้าง ไว้สำหรับโครงการ Lebensborn เป็นหมู่บ้านบ้านเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจะมิวนิค ฮิมม์เลอร์ให้ความสำคัญกับการตกแต่งสถานที่ให้มีความสวยงาม และสะดวกสบาย เพื่อเตรียมไว้สำหรับรองรับคู่ผสมพันธ์กันตามภาระกิจเพียงค่ำคืนเดียว และสถานที่จะต้องมีความพร้อมสำหรับการใช้เลี้ยงดูทารกที่จะเกิดขึ้นมาด้วย
ต่อมาโครงการได้ขยายออกไปในหลายประเทศ มีการเตรียมสถานที่สำหรับ Lebensborn ไว้อีกหลายแห่ง โดยในเยอรมันมีการสร้างสถานที่เอาไว้รองรับโครงการ Lebensborn รวม 10 แห่ง , 9 แห่งในนอร์เวย์, 2แห่งในออสเตรีย และยังมีใน ฝรั่งเศส, เนเธอแลนด์, เบลเยี่ยม, ลักเซมเบิร์ก และเดนมาร์กอีกประเทศละแห่ง
นอกจากโครงการ Lebensborn นี้จะเพาะพันธ์เด็กขึ้นมาเองแล้ว บางครั้งโครงการยังใช้วิธีการลักขโมยเด็กที่เหมาะสมมาจากพ่อแม่โดยตรงด้วย โดยด็กส่วนใหญ่จะถูกพรากมาจากครอบครัวในยุโรปตะวันออกซึ่งเยอรมันเข้าไปครอบครอง โดยในโปแลนด์เพียงประเทศเดียว ก็มีเด็กที่ถูกพรากจากครอบครัวกว่าแสนคน เด็กเหล่านั้นจะถูกนำมาเลี้ยงดูให้ลืมชาติกำเนิด ปฏิเสธพ่อแม่ที่แท้จริง และทำให้เชื่อว่าตัวเองเป็นเยอรมัน แต่ว่าหากเด็กคนไหนไม่สามารถทำตามได้ก็จะถูกลงโทษอย่างทารุณ หรือถูกส่งไปยังค่ายกักกันเพื่อกำจัดทิ้งต่อไป
ในปี 1942 นายผลไรฮาร์ด เฮย์ดริช (Reinhard Heydrich) ของหน่วย SS ถูกลอบสังหารในกรุงปราก ทำให้หน่วย SS เริ่มปฏิบัติการณ์ล้างแค้น โดยการสังหารผู้ชายทั้งหมดของหมู่บ้านไลดิส (Lidice) ซึ่งเป็นหมู่บ้านต้องสงสัยว่าฆาตกรจะซ่อนตัวอยู่ในนั้น ในระหว่างนั้นก็มีเด็กจำนวนถูกซึ่งผ่านเกณฑ์ 91 คน ถูกนำกลับเข้าโครงการ Lebensborn เพื่อทำให้กลายเป็นเยอรมัน ส่วนเด็กที่ไม่ผ่านการคัดเลือกก็ถูกส่งไปยังค่ายกักกัน
เมื่อสงครามโลกยุติลง หลังฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายในวันที่ 1 พฤษภาคม 1945 เฉาพะที่สตินโฮริง ฝ่ายสัมพันธมิตรก็เข้าไปพบเด็กว่า 300 คน ตั้งแต่วัยทารกจนถึงหกปี ถูกทิ้งเอาไว้ ส่วนคนที่ทำหน้าที่เป็นแม่และพี่เลี้ยงก็หลบหนีไป
คาดว่ามีเด็กที่เกิดในโครงการ Lebensborn นี้ 8000 คนเฉพาะในเยอรมัน และอีก 12,000 คนในประเทศอื่นๆ