Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Francis Fukuyama

โยชิฮิโร่ ฟุกุยาม่า (Yoshihiro Francis Fukuyama)

ผู้เขียน The End of History and the Last Man 

ฟรานซิส เกิดวันที่ 27 ตุลาคม 1952 ในชิคาโก้, อิลลินอยส์ (Chicago, Illinois) บรรพบุรุษของเขาในรุ่นของปู่ อพยพลี้ภัยสงคราม รัสเซีย-ญี่ปุ่น (Russo-Japanese war 1905) เข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ และเปิดร้านขายของชำ ก่อนที่จะถูกสหรัฐฯ จับเข้าค่ายกักกันในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 

พ่อของฟรานซิส ชื่อโยชิโอะ (Yoshio Fukuyama) เป็นทำงานให้กับ United Church of Christ ซึ่งเป็นองค์กรของชาวคริสต์โปเตสแตนท์ โยชิโอะจบปริญญาเอกด้านสังคมศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิคาโก้ และทำงานสอนหนังสือด้านศาสนา

แม่ชื่อโตชิโกะ (Toshiko Kawata Fukuyama) เป็นชาวญี่ปุ่นจากโตเกียว เธอเป็นลูกสาวของชิโระ กาวาตะ (Shiro Kawata) ผู้ก่อตั้งคณะเศรษฐศาสตร์ขึ้นที่มหาวิทยาลัยเกียวโต (Kyoto University) 

ฟรานซิสเป็นลูกคนเดียวของบ้าน เขาเติบโตขึ้นมาในย่านแมนฮัตตัน เขาไม่สามารถที่จะพูดภาษาญี่ปุ่นได้ 

1967 ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่เพนซิลวาเนีย

1974 ฟรานซิสจบปริญญาตรีศิลปศาสตร์ ด้านวรรณกรรมคลาสสิค จากคอร์แนลล์ (Cornell University)  

ต่อมาได้เข้าเรียนด้านวรรณกรรมเปรียบเทียบที่ ม.เยล (Yale University) แต่ว่ามีช่วงหนึ่งได้มีโอกาสเดินทางไปปารีสนานหกเดือน ระหว่างอยู่ในปารีสเขาได้เรียนกับโรแลนด์ บาร์เธส (Roland Barthes) และ ฌาก เดอร์ริด้า (Jacques Derrida) ทำให้เกิดความสนใจด้านรัฐศาสตร์ เมื่อเขากลับมาสหรัฐฯ จึงได้ย้ายสมัครเข้าเรียนรัฐศาสตร์ที่ฮาร์วาร์ด (Harward University)

1979 เข้าร่วมกับกลุ่มคลังสมองที่จัดขึ้นโดย RAND Corporation

1981 จบปริญญาเอกรัฐศาสตร์ จากฮาร์วาร์ด โดยทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับสหภาพโซเวียตและตะวันออกกลาง 

หลังเรียนจบได้ทำงานที่กระทรวงต่างประเทศ โดยตำแหน่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องตะวันออกกลาง 

1987 ร่วมกับกอร์บอนสกี้ (Andrzej Korbonski) เขียนหนังสือ The Soviet Union and the Third World: The Last Three Decades

1992 เขียนหนังสือ The End of History and the Last Man ซึ่งเขาอ้างว่าหลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว ระบบเสรีนิยมประชาธิปไตย (liberal democracy) ของตะวันตกไม่เพียงแต่เป็นแนวคิดที่ได้รับชัยชนะเท่านั้น แต่ยังเป็นรูปแบบสูงสุดและสุดท้ายในการพัฒนาแนวคิดทางรัฐศาสตร์การปกครอง

1995 Trust: The Social Virtues and the Creation of Prosperity

1996 ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านนโยบายสาธารณะ (Omer L. and Nancy Hirst Professor of Public Policy) ของมหาวิทยาลัยจอร์จ เมสัน (George Mason University) 

2001 มารับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮีอพกิ้นส์ (School of Advanced International Studies, Johns Hopkins University) ในวอชิงตัน ดี.ซี. 

2005 ร่วมก่อตั้งหนังสือแม็กกาซีน The American Interest 

2012 ได้รับทุนวิจัยจาก Freeman Spogli Institute for International Studies (FSI)

2020 เป็นหนึ่งในกองบรรณาธิการให้กับหนังสือแม็กกาซีน American Purpose เพื่อส่งเสริมแนวคิด เสรีนิยมประชาธิปไตย 

ฟรานซิส ถูกมองว่าเป็น นีโอคอน (Neoconservatism) เขาสนับสนุนการถล่มอิรัก ของประธานาธิบดีคลินตัน (Bill Clinton) ในปฏิบัติการจิ้งจอกทะเลทราย (Operation Desert Fox, 1998) เพื่อโค่นประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน (Saddam Hussein) ในปี 2003 และสนับสนุนการทำบุกอัฟกานิสถาน หลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001

แต่ว่าภายหลังในการเลือกตั้งปี 2008 ฟรานซิส เปลี่ยนมาสนับสนุนโอบาม่า (Barack Obama) โดยอ้างว่าผลลัพท์ของสงครามจากฝีมือของบุชนั้นเป็นหายนะ และเป็นสงครามที่ไม่จำเป็น 

ชีวิตส่วนตัวฟรานซิสแต่งานกับลอร่า (Laura Holmgren) และต่อมามีลูกด้วยกันสามคน 

ผลงานเขียน 

  1. The End of History and the Last Man, 1992
  2. Trust: The Social Virtues and the Creation of Prosperity, 1995
  3. The Great Disruption: Human Nature and the Reconstitution of Social Order, 1999
  4. Our Posthuman Future: Consequences of the Biotechnology Revolution, 2002
  5. State-Building: Governance and the World Order in the 21st Century, 2004
  6. The Origins of Political Order: From Prehuman Times to the French Revolution, 2011
  7. Political Order and Political Decay: From the Industrial Revolution to the Globalization of Democracy, 2011
  8. America at the Crossroads: Democracy, Power, and the Neoconservative Legacy, 2006
  9. Identity: The Demand for Dignity and the Politics of Resentment, 2018
  10. Liberalism and Its Discontents , 2022
Don`t copy text!