Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Nicolas Steno

นิโคลัส สเตโน่ (Nicolas Steno)

นักวิทยาศาสตร์ชาวเดนิช (Danish) ผู้บุกเบิกวิชากายวิภาค (anatomy) ธรณีวิทยา (geology)  และชั้นหิน (Stratigprahy) ได้รับยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งวิชาธรณีวิทยา

สเตโน มีชื่อจริงว่า นีลส์ สตีนเซ่น (Niels Steensen) เกิดในโคเปนฮาเก้น เดนมาร์ก ตรงกับวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 1638 (11 มกราคม, ปฏิทินปัจจุบัน)ในครอบครัวของผู้นับถือนิกายลูเธอรัน พ่อของเขาเป็นช่างทอง ชื่อสตีน (Steen Pedersen) และแม่ชื่อว่าแอนเน่ (Anne Nielsdatter)

1644 พ่อของเขาเสียชีวิต ซึ่งหลังจากพ่อเสียชีวิตแม่ก็ได้แต่งงานอีกครั้งกับช่างทองเช่นกัน 

1648 สเตโนเข้าเรียนในโรงเรียนแบบลาตินในเฟราเอนเคอร์เช่ (Frauenkirche) ระหว่างปี 1648-1656

1654 เกิดโรคระบาดภายในเมือง ระหว่างปี  1654-1655

1957 เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโคเปนฮาเก้น (University of Copenhagen) ทางด้านการแพทย์

1660 หลังจากจบมหาวิทยาลัย สเตโน่เดินทางไปหลายประเทศในยุโรป เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมด้านการแพทย์ ซึ่งในช่วงนี้เองที่สเตโน ค้นพบท่อน้ำลายในเป็ด (Parotid duct) ซึ่งถูกตั้งชื่อว่า “ductus Stenenis” ตามชื่อของสเตโน่

เขายังได้มีโอกาสเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยไลเดน (University of Leiden) ในเนเธอร์แลนด์ 

1663 พิมพ์ผลงาน De Muscles et glandulis เป็นภาษาลาติน ซึ่งอธิบายการค้นพบท่อน้ำลายในเป็ด และการศึกษาหัวใจขงวัว ซึ่งสเตโนได้ศึกษาหัวใจของวัวที่นำมาต้ม และสรุปว่าหัวใจคือกล้ามเนื้อเหมือนกับกล้ามเนื้อทั่วไป

1664 เดินทางมาปารีส โดยได้เป็นแขกของธีเวน๊อต (Melchisedech Thevenot)

1665 ย้ายมาอยู่ในอิตาลี โดยตอนแรกได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลับปาดัว (University of Padua) 

แต่ต่อมาได้มาอยู่ในเมืองฟลอเรนซ์ ซึ่งเฟอร์ดินัน ที่ 2, แกรนด์ดุ๊กแห่งทัสคานี (the Grand Duke of Tuscany, Ferdinand II) ได้แต่งตั้งให้สเตโนเข้าทำงานในโรงพยาบาล เพราะเห็นว่าสเตโนมีความรู้เรื่องกายวิภาค ซึ่งการทำงานในโรงพยาบาลนี้ทำให้สเตโน่มีเวลาว่างในการทำงานวิจัยที่เขาสนใจ

1666 ตุลาคม,​ มีชาวประมง 2 คน ได้จับปลาฉลามขนาดใหญ่ได้จากทะเลใกล้กับเมืองลิวอร์โน่ (Livorno) แกรนด์ดุ๊กเฟอร์ดินัน จึงได้สั่งซื้อหัวปลาฉลามตัวนั้นแล้วส่งมาให้กับสเตโน่  สเตโน่จึงได้ทำการผ่าแยกชิ้นส่วนของหัวปลาฉลามเพื่อศึกษา และพิมพ์งานของเขาออกมาในปี 1667

ระหว่างที่เขาทำการศึกษาหัวปลาฉลามนั้น เขาเกิดความสนใจเกี่ยวกับฟันของปลาฉลาม ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับหิน ที่เรียกว่า  “glossopetrae” หรือ “tongue stones” ซึ่งขุดค้นพบจากชั้นหิน โดยที่งานเขียนเก่าๆ ของโรมัน อย่างที่ พลินี (Pliny the Elder) ได้อธิบายเอาไว้ใน Natural History ว่า หิน tongue stones นี้เป็นหินที่หล่นมาจากดวงจันทร์หรืออวกาศ

แต่สเตโน่ กลับคิดว่าที่หิน tongue stones นี่เหมือนกับฟันของปลาฉลาม ก็เพราะว่ามันคือฟันของปลาฉลาม ที่ถูกฝังเอาไว้ใต้โคลนหรือทรายเป็นเวลานานก่อนที่พื้นดินบริเวณนั้นจะกลายเป็นพื้นที่แห้ง โดยที่มีของเหลวไหลเข้าไปแทนที่ซากที่ถูกฝัง ซึ่งสเตโน เรียกทฤษฏีของเขาว่า “corpuscular theory of matter” 

ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ the Accademia del Cimento (Experimental Academy) 

เข้าเรียนที่มหาวิยาลัยโคเปนฮาเก้น (University of Copenhagen)

1667 เขาเปลี่ยนศาสนามานับถือนิกายแคโธริค

1669 พิมพ์ผลงาน De solido intra solidum naturaliter contento dissertationis prodromus ( Preliminary discourse to a dissertation on a solid body naturally contained within a solid ) หรือรู้จักกันในชื่อเรียกสั้นๆ ว่า Prodromes ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับวิชาชั้นหินและธรณีวิทยา หนังสือเล่มนี้ถือเป็นการกำเนิดของวิชาธรณีวิทยาสมัยใหม่ เพราะสะตโนได้สร้าง Steno’s Law (The Law of superposition) ขึ้นมา ซึ่งเป็นทฤษฏีเกี่ยวกับการเกิดของหินตะกอน (sedimentary rocks) 

นอกจากนั้นเขายังอธิบายการเกิดของผลึกในแร่ (crystallography) ว่าจะมีรูปทรงที่เหมือนกันไม่ว่าแร่ตัวอย่างจะมีขนาดหรือรูปทรงแบบใด

1675 15 เมษายน, บวชเป็นนักบวช

1667 ได้รับแต่งตั้งเป็นบิชอฟ (titular bishop of Ticiopoli)โดยพระสันตะปาปา อินโนเซนต์ ที่ 11 (Pope Innocent. XI)

1680 ย้ายมาอยู่ในแฮมเบิร์ก (Hamburg) โดยไปอาศัยอยู่กับธีโอดอร์ เคิร์กริง (Theodor Kerckring) และทำงานให้กับโบสถ์ของชุมชน 

1685 ย้ายมาอยู่ที่ชเวริน, เยอรมัน (Schwerin) โดยที่นี่เขาได้สละบรรดาศักดิ์ทางศาสนา และอยู่ในฐานะนักบวชธรรมดา

1686 25 พฤศจิกายน, เสียชีวิตชเวริน, เยอรมัน  ก่อนที่ศพของเขาจะถูกนำกลับมายังฟลอเรนซ์ ตามความต้องการของโคซิโม่ ที่ 3 (Cosimo III de’ Medici) 

ศพของสเตโน่ ถูกนำไปฝังที่วิหารซาน ลอเรนโซ่ บาซิลิก้า (Basilica of san Lorenzo) ซึ่งเป็นวิหารที่ใช้สำหรับฝังศพของตระกูลเมดิซี

1946 ที่ฝังศพของสเตโน่ ถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง 

1988    สเตโน่ ได้รับการ beatification (ยกย่องโดยคริสตจักรแคโธริกว่าผู้เสียชีวิตได้เข้าสู่สรวงสวรรค์แล้ว และมีโอกาสจะได้รับแต่ตั้งเป็นนักบุญ) โดยพระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 (Pope John Paul II)

ผลงานเขียน 

  • Observationes anatomicae,1662 
  • De musculis et glandulis observationum specimen, 1664
  • Elementorum myologiæ specimen, seu musculi descriptio geometrica : cui accedunt Canis Carchariæ dissectum caput, et dissectus piscis ex Canum genere,1667
  • Prodomus, 1669
Don`t copy text!