Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Ivan Mazepa

อิวาน มาเซปา (Ivan Stepanovych Mazepa)

  ชาวยูเครน ผู้นำทหารของคอสแซ๊คในเขตซาโปริเซียน (Zaporizhian Host) ระหว่างปี 1687-1708 ซึ่งต่อมาเขาได้ข่าวว่าพระเจ้าซาร์ปีเตอร์ ที่ 1 แห่งรัสเซียต้องการปลดเขาออกจากตำแหน่งและตั้ง อเล็กซานเดอร์ เมนชีคอฟ (Alexander Menshikov) ขี้นมาแทน ทำให้มาเซปา ก่อกบฏและหันไปสวามิภักดิ์กับกษัตริย์ชาร์ล ที่ 7 (King Charless XII of Sweden) แห่งสวีเดน

มาเซปา เกิดวันที่ 30 มีนาคม 1639 ในเมืองมาเซปินซี  ใกล้กับเมืองไบลา เซิร์กว่า (Bila Tserkva) ทางตอนใต้ของเคียฟ โดยชณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเครือจักรภพโปแลนด์-ลิทัวเนีย (Polish=Lithuanian commonwealth) พ่อของเชาชื่อสเตฟาน (Stefan Adam Mazepa)  และแม่ชื่อมารีน่า (Maryna Mokievska) ทั้งคู่เป็นชาวคอสแซคที่ต่อสู้ร่วมกับ บอห์ดาน คเมลนิดตสกี้ (Bohdan Khmelnytsky) ในการต่อต้านเครือจักรภพโปแลดน์-ลิทัวเนีย สเตฟานนั้นเป็นแม่ทัพ (Otaman) ในกองทัพคอสแซค ประจำเมืองไบลา เซิร์กว่า

มาเซปา นั้นเรียนหนังสือที่สถาบันเคียฟ-โมไฮล่า (Kiev-Mohyla Academy) และที่วิทยาลัยเยซูอิต (Jesuit college) ในวอร์ซอ โดยเขามีความสามารถพูดได้ดีในหลายภาษาทั้งยูเครน, รัสเซีย, โปแลนด์, ตาร์ต้า, ลาติน และพอสื่อสารได้ในภาษาเยอรมันๆและอิตาลี

ระหว่างนี้เขาก็ทำงานเป็นข้าราชบริพารในราชสำนักของกษัตริย์จอห์น ที่ 2 (John II Casimir Vasa) ไปด้วย

1656 ได้รับพระราชทานทุนจากกษัตริย์ฌวน ที่ 2ถูกส่งไปเรียนวิชาการใช้ปืนใหญ่ที่ฮอลแลนด์เป็นเวลาสามปี 

1659 กลับมายังวอร์ซอว์ และกลับเข้าทำงานในราชสำนักโปแลนด์  ซึ่งการทำงานรับใช้โปแลนด์ทำให้เขาถูกเรียกว่า Lyakh (Lechites)

ช่วงปี 1659-1663 นี้เขาถูกส่งไปทำภาระกิจทางการฑูตหลายครั้งในยูเครน ทำให้ระหว่างนี้ มาเซปา มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับ มาดาม ฟาลโบว์สก้า (Madam Falbowska)

1663 เดินทางกลับยูเครนบ้านเกิด หลังจากได้ข่าวว่าพ่อของเขาป่วยหนัก 

1665 พ่อของเขาก็เสียชีวิต ทำให้มาเซปาได้รับยศ capbearer of Chernihiv   สืบต่อจากบิดา

1669 เขาทำงานภายใต้การบัญชาการของเปโตร โดโรเชนโก้ (Petro Doroshenko) ผู้นำคอสแซค (Hetman) ในดินแดนทางฝั่งขวาของยูเครน โดยที่มีตำแหน่งเป็นผู้บัญาชาการหน่วยทหารที่อารักขาโดโรเชนโก้

1672 มาเซปาร่วมออกรบในสงครามต่อต้านโปแลนด์ซึ่งนำโดยโดโรเชนโก้ ไปยังดินแดนในแถบกาลิเซีย (Galicia)

1674 มาเซปาย้ายมาทำงานกับอิวาน ซามอยโลวิช (Ivan Samoylovych) ผู้นำดินแดนฝั่วซ้ายของยูเครน ซึ่งเป็นคู่แข่งของโดโรเชนโก้ เหตุที่เขาย้ายฝ่ายเพราะว่ามาเซปาถูกจับระหว่างเดินไปยังไครเมีย โดยอิวาน เซอร์โก้ (Ivan Sirko)

1677 ร่วมในการรบที่ไชไฮริน (Chyhyryn campaigns) ซึ่งเป็นการรบเพื่อต้านทานอาณาจักรอ๊อตโตมัน (Ottoman Empire) ที่พยายามขยายอำนาจเข้ามายึดยูเครน

1682 ซามอยโลวิช มอบตำแหน่งนายพลในกองทหารคอสแซค (General osaul)

1687 25 กรกฏาคมฐ มาเซปา ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำของคอสแซคในดินแดนฝั่งซ้ายของยูเครน โดยได้รับการสนับสนุนจากวาสิลี กาลิตไซน์ (Vasily Galitzine) โดยที่ซามอยโลวิชนั้นถูกสภาเผ่าปลดออก หลังจากเห็นว่าเขาไปทำสนธิสัญญาโคโลแม็ก (Kolomak articles) กับรัสเซียแต่มีความเสียเปรียบ

ช่วงเวลาที่มาเซปาขึ้นเป็นผู้นำนี้ เขามีความต้องการที่จะรวมยูเครนรัฐต่างๆ เข้าเป็นหนึ่ง เขากลายเป็นเจ้าชองที่ดินรายใหญ่ และสะสมทรัพย์สินเอาไว้มากมาย พร้อมกับมีการสร้างวิหารในสไตล์ยูเครนบาร๊อก (Ukrainian Baroque) เอาไว้หลายแห่งในยูเครน

1702 ชาวคอสแซคในฝั่งขวาของยูเครน นำโดยเซเมน พาเลีย (Semen Paliy) พากันลุกขึ้นต่อต้านการปกครองของโปแลนด์

มาเซปาอาศัยโอกาสนี้ขออนุญาตจากซาห์ปีเตอร์ ที่ 1 แห่งรัสเซีย เข้าไปแทรกแซงสถานการณ์ ทำให้เขาสามารถขยายดินแดนมาทางฝั่งขวาของยูเครนได้เพิ่ม ในขณะที่โปแลนด์ก็อ่อนแอลงเพราะถูกรุกรานจากสวีเดนด้วย

1700s (Great Northern War, 1700-1721) จักรวรรดิรัสเซียสูญเสียดินแดนจำนวนมาในการทำสงครามกับจักรวรรดิสวีเดน ทำให้พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ ที่ 1 แห่งรัสเซียได้ดำเนินนโยบายปฏิรูปกองทัพ และรวมศูนย์อำนาจ ซึ่งมาเซปาเห็นว่าการปฏิรูปครั้งนี้จะทำให้อำนาจปกครองตัวเองของคอสแซคของเขาลดน้อยลง

1708 เมื่อโปแลนด์และสวีเดนยกกองทัพเข้ามาโจมตียูเครน ซาห์ปีเตอร์ ที่ 1แห่งรัสเซียไม่ยอมส่งทหารรัสเซียมาช่วยปกป้องชาวคอสแซคในยูเครน ซึ่งมาเซปาเห็นว่าเป็นการละเมิดข้อตกลง Treaty of Pereyaslav ที่ทำกันไว้ ทำให้มาเซปาหันไปเป็นพันธมิตรกับโปแลนด์และสวีเดน แต่ว่ามีเพียงชาวคอสแซค 3,000 คนเท่านั้นที่ติดตามมาเซปา ชาวคอสแซคส่วนใหญ่ยังคงภักดีกับซาร์แห่งรัสเซีย

ฝ่ายรัสเซียเมื่อทราบข่าวการทรยศของมาเซปา จึงได้ยกกองทัพเข้ามายังกรุงบาตุริน (Baturyn) เมืองหลวงของคอสแซคในเวลานั้น และตั้งอิวาน สโกโรปาดสกี้ (Ivan Skoropadsky) ชาวคอสแซคที่ยังคงภักดีขึ้นมาเป็นผู้นำคอสแซคคนใหม่

1709 ซาร์ปีเตอร์ ที่ 1ได้สั่งให้มีการบุกซาโปโรเซียน ซิก (Zaporozhian Sich) เขตที่ฝ่ายสนับสนุนมาเซปารวมกันอยู่

8 กรกฏาคม, ในสมรภูมิโปลตาว่า (Battle of Poltava) ฝ่ายรัสเซียมีชัยชนะเหนือสวีเดน ทำให้ความหวังของมาเซปาที่จะให้ยูเครนไปอยู่กับสวีเดนนั้นสิ้นสุดลง มาเซปาจึงได้หนีออกจากยูเครน ไปพร้อมกับการถอนทัพของชาร์ล ที่ 7 (Charles XII) กลับไปตั้งหลักที่เมืองเบนเดอร์ (Bender, Bessarabia) ในมอลดาเวีย (Moldavia) ซึ่งขณะนั้นเป็นเขตอิทธิพลของอ๊อตโตมัน

2 ตุลาคม,​ไม่นานหลังจากมาอยู่ที่เมืองเบนเดอร์ มาเซปา ก็เสียชีวิต ร่างของเขาถูกฝังไว้ที่โบสถ์เซนต์จอร์จ (St George church) ในเมืองกาลาติ (Galati) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในโรมาเนีย

Don`t copy text!