Fourth anti-Napoleon Coalition
Tags: History, War of 1812, World, Russia, Society Yekaterina Gorokhova 26.08.2010, 13:41 The late 18th – early 19th centuries witnessed a rather challenging situation worldwide. It was above all determined by the expansionist ambitions of France that strived to conquer all countries in Western and Central Europe, even though it constantly ran into strong resistance from England. The balance of power in Europe at that time was mainly brought about by English-French political and economic rivalry. Russia was also engaged in defending its interests in Europe when it fought against Napoleon as a member of the anti-French coalitions.June 19th and July 12th, 1806 witnessed the signing of secret declarations between Russia and Prussia, which marked the establishment of the fourth coalition later that same year. The alliance was joined by England, Sweden, and Saxony. Naturally, French Emperor Napoleon Bonaparte decided not to wait until the enemies unite their forces to launch an offensive against France. He invaded Prussia and defeated its troops in the twin battles of Jena and Auerstädt on October 14th, 1806. The strong Prussian army ceased to exist overnight. Following that, Napoleon occupied and destroyed the Kingdom of Prussia. On November 21st, he seized Berlin and signed a decree, proclaiming the British Isles in a state of blockade that was later joined by Italy, Spain, the Netherlands, as well as Russia and Prussia following the Treaty of Tilsit in 1807, and Austria in 1809. Forbidding all correspondence and trade with England, Napoleon planned to reduce and eventually break the country’s economic power. Читать далее Source: Voice of Russia.
ปลายศตวรรษที่ 18 ถึงต้นศตวรรษที่ 19 เป็นช่วงเวลาแห่งการหาสมดุลอำนาจในยุโรป โดยมีคู่แข่งที่สำคัญกันระหว่างอังกฤษ และฝรั่งเศส ทั้งด้านการเมืองและการค้า รัสเซียเข้าไปมีบทบาทในการรักษาผลประโยชน์ตัวเองในยุโรป โดยร่วมมือต่อต้านฝรั่งเศส ในฐานะพันธมิตร ครั้งที่ 4 19 มิถุนายน หรือ 12 กรกฏาคม 1806 มีการทำลงนามสัญญาลับกันระหว่างรัสเซียและปรัสเซีย เพื่อสร้างกลุ่มพันธมิตรต่อต้านขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปี ซึ่งพันธมิตรครั้งนี้มีอังกฤษ สวีเดน แสคโซนี่ เข้าร่วม , ฝรั่งเศสไม่รอช้าที่จะให้พันธมิตรรวมตัวกันได้ เขาบุกปรัสเซีย และมีชัยชนะในสมรภูมิเจน่า และอัวร์สตาด์ท (Battle of Jena and Auerstadt) ในวันที่ 14 ตุลาคม 1806 กองทัพปรัสเซียพ่ายแพ้ในเวลาแค่คืนเดียว นโปเลียนยึดเอาปรัสเซียและทำลายราชอาณาจักรนี้เสีย 21 พฤศจิกายน เขาบุกยึดกรุงเบอร์ลิน และออกกฤษฏีกาให้โดดเดี่ยวอังกฤษ ซึ่งต่อมา อิตาลี สเปลน เนเธอแลนด์ ปรัสเซีย และรัสเซีย ยอมรับกติกานี้ โดยลงนามในสนธิสัญญาติลสิท (Treaty of Tilsit) ในปี 1807 และออสเตรียลงนามในปี 1809 ซึ่งประเทศทั้งหลายเหล่านี้ห้ามทำการค้ากับอังกฤษ กุมภาพันธ์ 1807 กองทัพหลวงของจักรพรรดินโปเลียน ปะทะกับ กองทัพผสมระหว่างรัสเซียและปรัสเซีย ในสมรภูมิ ปรูสสิส์ช-อุลัว (Battle of Preussisch-Eylua) ตามมาด้วยการพ่ายแพ้ของกองทัพพันธมิตรใกล้กับฟายแลนด์ (Friedland ) ในวันที่ 14 มิถุนายน 1807 ทำให้เส้นทางสู่ดินแดนรัสเซียของฝรั่งเศสเปิดออก ซาร์อเล็กซานเดอร์ ที่ 1 ของรัสเซีย ต้องยอมนั่งโต๊ะเจรจา ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองตุลสิท (Tulsit) ในปรัสเซีย ในเดือนกรกฏาคม พวกเขาเจรจากันที่ริมแม่น้ำเนแมน (Neman River) และได้มีการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพตุลสิท (Treaty of Tilsit) ผลของสนธิสัญญานี้ รัสเซียต้องร่วมมือกับฝรั่งเศสในการคว่ำบาตรอังกฤษ ยอมรับว่าเกาะไอโอเนียน (Ionian islands) เป็นของฝรั่งเศส และที่แย่คือมีการตั้งดินแดน ดุชีแห่งวอร์ซอร์ (Duchy of Warsaw) ในโปแลนด์ ซึ่งเป็นดินแดนที่ยึดมาจากปรัสเซีย ซึ่งต่อมากลายเป็นฐานที่มั่นของฝรั่งเศสในการโจมตีรัสเซีย