Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Vasily Tatishchev

Vasily Tatishchev, photo from RT.com

วาสิลี นิคีติช ตาติชเชฟ (Василий Никитич Татищев)

รัฐบุรุษของรัสเซีย นักประวัติศาสตร์ชาติพันธ์ (ethographer), เป็นที่รู้จักจากผลงานการเขียนประวัติศาสตร์รัสเซีย( full-scale Russia history)

เขาเกิดเมื่อวันที่ 9 เมษายน 1686 บรรพบุรุษนั้นสืบเชื้อสายมากจากราชวงศ์รูริก (Rurik) บิดาของเขาชื่อ นิกิต้า (Nikita Alekseevich Tatishchev) บ้านที่เขาเกิดอยู่ในคฤหาสของพ่อในเขตพัสกอฟ (Pskov) ดาติชเชฟ เรียนจบด้านวิศวกรรมจากโรงเรียนในมอสโคว์
1704 ตอนอายุ 18 ปี ก็เริ่มเข้ารับราชการทหาร และเข้าศึกษาด้านวิศวกรรมที่ Moscow School of Artillery and Engineering โดยที่เขาเป็นลูกศิษย์ของจาคอป บรูค ( Jacob Bruce) ซึ่งเป็นรัฐบุรุษและนายทหารที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช
1705  เข้าร่วมในสมรภูมิ Battle of Narva ซึ่งเป็นสมรภูมิหนึ่งในสงครามระหว่างรัสเซียและสวีเดน (Great Norther War, 1700-1721) เขาถูกส่งไปประจำการในโปแลนด์บ้างในบางช่วงเวลา และยังร่วมในสมรภูมิ Battle of Poltava ซึ่งพระเจ้าปีเตอร์ ที่  1 ทรงร่วมทัพด้วย
1713 เดินทางไปต่างประเทศ เขาปรากฏตัวในหลายเมืองของเยอรมัน ทั้งเบอร์ลิน เดรสเดน และเบรสลัว ซึ่งทำให้เขามีความสามารถในการพูดภาษาเยอรมันเพิ่มขึ้น
1714 แต่งงานกับแอฟดอตย่า  (Avdotya Vasilyevna Andrew) เธอเป็นหญิงม่ายที่ยังคงสาวอยู่
ต่อมาในสมัยของพระเจ้าซาร์ปีเตอร์ มหาราช เขาได้รับตำแหน่งในกระทรวงการต่างประเทศ
1717 ตอนที่ตาติชเชฟ เดินทางไปยังเมืองแดนซิก (Danzig, ขณะนั้นเป็นเมืองที่เหมือนกึ่งมีเอกราช ปัจจุบันอยู๋ในโปแลนด์) เขาได้รับคำสั่งจากซาร์ปีเตอร์ ในการซื้อสมบัติโบราณซึ่งเชื่อว่าเป็นของนักบุญมาโธเดียส (Saint Mathodius) กลับมายังรัสเซีย แต่ว่าการเจรจาซื้อสมบัติดังกล่าวล้มเหลว อย่างไรก็ดี ตาติชเชฟ สามารถรวบรวมหนังสือมีค่ากลับไปได้จำนวนมาก ทั้งที่เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ การทหาร และภูมิศาสตร์
1718 กลับมารัสเซียและทำงานเป็นทหารลูกน้องของจาคอป บรูค ซึ่งต่อมาบรูคได้รับคำสั่งจากซาร์ให้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเทศรัสเซีย เขาจึงได้เสนอให้ตาติเชฟ รับหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Large-scale book of Russia history  ซึ่งทำให้เขาออกเดินทางไปยังแถบยูราลเพื่อหาข้อมูล แต่ว่างานของเขาล้มเหลวไม่สามารถสร้างหนังสือที่ซาร์ต้องการได้ 
1720 ถูกส่งไปยังไซบีเรีย เพื่อสร้างเหมืองผลิตแร่ ซึ่งเขาได้ตั้งโรงงานใน Uktuss และตั้งโรงงานซึ่งต่อมาเรียกชื่อว่า Siberian High Mining Command
1724 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึิกษาของวิทยาลัยเบิร์ก (Berg Collegium) ซึ่งเป็นสถาบันเกี่ยวกับการทำอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ทำให้เขาถูกส่่งไปสวีเดนเพื่อดูงานด้านการทำเหมืองแร่ ซึ่งเขาใช้เวลาอยู่ในสวีเดนปีเศษ จนถึงเมษายน 1726 ที่นอกจากจะได้ความรู้แล้วยังจ้างผู้เชี่ยวชาญกลับมายังรัสเซียเพื่อพัฒนาเหมืองในประเทศด้วย
1727 หลังกลับมารัสเซีย เขาได้ทำการสำรวจบริเวณที่คาดว่าจะพบแร่มีค่า ซึ่งเป็นเหตุให้เขาต้องเดินทางกลับไปยังยูราลในเวลาต่อมา , 
ในปีนี้เขาได้รับแต่งตั้งให้ไปอยู่ในกระทรวงการคลัง ทำงานด้านการปรับปรุงการผลิตเหรียญกษาปณ์
1730 เขาให้การสนับสนุนแอนน่า อิวานอฟว่า (Anna Ivanovna) เป็นผู้สืบบัลลังค์ของรัสเซีย หลังจากซาร์ปีเตอร์สวรรคต แอนน่าทรงเป็นธิดาในซาร์อีวาน ที่ 5 , ซึ่งเขาแนะนำให้จักรพรรดินีองค์ใหม่ของประเทศ ทรงตั้งสภาที่ปรึกษาที่มีสมาชิกมาช่วยในการบริหาร แต่ว่าคำแนะนำของเขาถูกปฏิเสธจากนายทหารระดับสูง
 ตาติชเชฟ ได้รับความเชื่อใจและถูกมอบหมายจากแอนนา ให้ไปบริหารโรงงานในเขตยูราล ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้ก่อตั้งเมืองเปิร์ม (Perm) และเยคาเตอรินเบิร์ก (Yekaterinburg) และสตาฟโรโพล (Stavropol) ซึ่งกลายมาเป็นเมืองสำคัญในภูมิภาคดังกล่าวจนปัจจุบัน ซึ่งในเมืองเปิร์มนี้เขาได้สร้างโรงงานผลิตทองแดง และก่อตั้งโรงเรียนสองแห่งใกล้ๆ กับโรงงาน โดยที่เขาสอนวิชาวิชาเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่ให้
1731 มีความขัดแย้งกับดุ๊ก ไบรอน ( Peter von Biron, Duke of Courland and Semigallia) ทำให้ตุติชเชฟ ถูกนำตัวขึ้นศาล และถูกกล่าวหาในว่ามีความผิดในคดีการคอร์รัปชั่น
1734 หลังออกจากคุก เขากลับไปยังยูราลเพื่อสร้างโรงงงานอีกครั้ง ซึ่งเขาสามารถสร้างโรงงานใหม่ได้กว่า 36 แห่ง
1735 ระหว่างสงคราม Bashkir War ระหว่างรัสเซียและฝ่ายกบฏเชื้อสายบาซ (เติร์ก) เขาทำหน้าที่ควบคุมกองทหารจากไซบีเรีย แต่ว่าพอมีนาคม 1939 เขาก็ถูกปลดออกจากหนัาที่ดังกล่าว เพราะดุ๊ก ไบรอน ยังคงอาฆาตและใช้อิทธิพลในการปลดเขาออกจากตำแหน่ง
1739 กลับมายังเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก แต่ก็ต้องพจญกับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับคอร์รัปชั่น จ่ายสินบน อีก ซึ่งต่อมาคณะกรรมการที่ถูกตั้งขึ้นมาได้ตัดสินว่าเขามีความผิด ตาติชเชฟ ถูกปลดจากทุกตำแหน่ง และถูกขังในค่าย Peter and Pual Fortress
1941 เมื่ออำนาจของดุ๊กไบรอน น้อยลง ตาติชเชฟ ก็ได้รับการปล่อยตัว และแต่งตั้งให้ทำงานเป็นผู้ปกครองของแอสตราคาน(Astrakhan)  จนกระทั้งเกษียรในปี 1744 เป็นหน้าที่ในราชการตำแหน่งสุดท้ายของเขา
เมื่ออลิซาเบธ เปโตรว่า (Elizaveta Petrova) ได้สืบบัลลังค์รัสเซีย ตาติชเชฟ สามารถที่จะกลับมายังมอสโคว์ แต่เพราะเขามีศัตรูเยอะ ทำให้เขาย้ายมาอยู่ในหมู่บ้านโบลดิโน่ (Boldino) ห่างจากมอสโคว์มาไม่ไกลนัก และเป็นที่พำนัดของเขาจนกระทั้งวาระสุดท้าย และใช้เวลาที่เหลือในการเขียนหนังสือประวัติศาสตร์รัสเซีย
Russian History From The Most Early Times (История Российская с самых древнейших времён, неусыпными трудами через тридцать лет собранная и описанная покойным тайным советником и астраханским губернатором Васильем Никитичем Татищевым ) แบ่งออกมาเป็น 5 เล่ม
1750 เสียชีวิตในมอสโคว์ ในบ้านพักของตัวเอง ในวันที่ 15 กรกฏาคม 1750 (26 กรกฏา ปฏิทินปัจจุบัน)  ก่อนเสียชีวิตไม่กี่วัน เขาเดินไปที่โบสถ์ใกล้บ้านที่เขาอยู่ เพื่อขอให้คนงานขุดหลุมสำหรับตัวเขา ไว้ใกล้ๆ กับญาติ และยังขอให้นักบวชทำการสวดให้กับเขาด้วย วันนั้นพอเขากลับมาที่บ้าน เขาก็ได้รับจดหมายแจ้งข่าวว่า ตัวเขาได้รับการอภัยโทษ และได้รับรางวัล Order of Alexander Nevsky แต่ว่าเขาปฏิเสธที่จะรับรางวัลดังกล่าว โดยบอกว่าเขากำลังจะตายแล้ว
หนังสิอ Russian History  ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1768 ในสมัยของพระนางแคทเธอรีน ที่ 2 , หลายสิบปีหลังจากตาติชเชฟ เสียชีวิตไปแล้ว
ตาติชเชฟ เป็นผู้ค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับการก่อตั้งหนังสือพิมพ์ Russkaya Prava (Правла Русьская)และ ร่างกฏหมาย 1550 (Law Code of 1550, Сулеиник) ที่เขียนในสมัยซาร์อีวาน ที่ 4 
เขายังมีผลงานเขียนแนวปรัญชา เรื่อง The Conversation of two friends About the Benefit of Sciences and Academies (Разговоре двух приятелей о пользе наук и училищ) ซึ่งได้รับอิทธิพลจากผลงานของปราชญ์ชาวเยอรมัน ซามูเอล ปูเฟนดอร์ฟ (Samuel von Pufendoft)
Don`t copy text!