Photo : www.kremlin.ru
วลาดิมีร์ วลาดิมีโรวิช ปูติน (Владимир Владимирович Путин)
ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของรัสเซีย
ปูติน เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 1952 ในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก พ่อของเขาชื่อว่า วลาดิมีร์ สปิริโดโนวิช ปูติน (Vladimir Spiridonovich Putinm, Владимир Спиридонович Путин, 1911-1999) มีอาชีพเป็นทหารประจำในกองทัพเรือดำน้ำในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 , แต่เมื่อเกิดสงครามโลกแล้ว ได้ร่วมรบเป็นทหารบกในกองทัพแดง หน่วยทหารราบที่ 86 ในการปกป้อง Nevsky Snout ซึ่งเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในสงคราม หลังสิ้นสงครามแล้วได้ทำงานที่โรงงาน Egorova
แม่ชื่อ มาเรีย เชโลโมว่า (Maria Shelomova, Мария Ивановна Шеломова) เธอเป็นนางพยาบาล ปูตินเป็นลูกชายคนที่สามของครอบครัว เขามีพี่ชายสองคนที่เกิดในช่วงปี 1930s แต่ว่าคนหนึ่งเสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นทารก และอีกคนเสียชีวิตเพราะขาดอาหารในช่วงที่นาซีปิดล้อมเลนินกราดในสงครามโลกครั้งที่ 2
1960 1 กันยายน เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนหมายเลข 193 (School No. 193) ที่ Baskov Lane ไม่ไกลจากอพาร์ตเม้นท์ (Communal apartment)ที่ครอบครัวเขาอาศัย
ตอนเขาเรียนชั้น ป. 5 ปูติน เป็นนักเรียน 1 ใน 45 คนที่ไม่ยอมเข้าร่วมกับกลุ่ม Youth Pioneer (Всесоюзная Пионерская организация имени Владимира Ленина) ซึ่งเป็นองค์กรที่คล้ายกับลูกเสือ มีไว้สำหรับเด็กอายุ 10-15 ปี มีเข็มกลัดรูปใบหน้าของเลนินบนดาวเป็นสัญลักษณ์ มีข้อความว่า Всегда готов (Always ready) , เหตุเพราะว่าปูตินตอนเด็กมีนิสัยเกเร
หลังจากเริ่มเรียนชั้น ป. 6 เขาก็ได้เริ่มสนใจฝึกเรียนแซมโบ้ และยูโด และมีความปรารถนาที่จะทำงานในหน่วยงานข่าวกรองมาตั้งแต่เล็กๆ เพราะชื่นชอบภาพยนต์เกี่ยวกับหนังสายลับที่ฉายในโซเวียตเวลานั้น
1970 เข้าเรียนด้านกฏหมายระหว่างประเทศ ที่ ม.เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ( Leningrad State University) เริ่มเรียนภาษาเยอรมัน ยูโด และระหว่างที่เรียนอยู่ก็ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ , ระหว่างที่เรียนอยู่นี้เขามีอาจารย์คนหนึ่งชื่อ อนาโตลี ซอปแชค (Anatoly Sobchak) สอนวิชากฏหมายธุรกิจ ซึ่งอาจารย์คนนี้ต่อมากลายเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของเขาในชีวิตการเมือง และยังเป็นคนหนึ่งที่ร่วมร่างรัฐธรรมนูญของสหพันธรัฐรัสเซีย
1975 เรียนจบนิติศาสตร์ และเริ่มทำงานให้กับ State Security Committee (KGB) ซึ่งเขาได้ถูกส่งไปที่โรงเรียนฝึก ที่ 401 (401st School) ในเมือง โอกต้า (Okhta) ในเขตเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก หลังเรียนจบได้ติดยศ ร้อยโท (Lieutenant of Justice)
จากนั้นทำงานเป็นเจ้าหน้าที่เคจีบี เดินทางปฏิบัติภาระกิจอยู่ภายในสหภาพโซเวียต
1980s ช่วงปี 80s เขาแต่งงานกับครูสอนภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งทำงานอยู่ใน ม.เลนินกราด ชื่อ ลุดมิล่า (Lyudmila) มีลูกสาวด้วยกันสองคนคือ มาเรีย(Maria หรือ Masha , b.1985) และ แคทเธอริน่า (Katerina, b.1986)
1984 เข้าเรียนที่สถาบันแอนโดรบอฟ ( Andropov Red Banner Institute) ในมอสโคว์ ซึ่งเป็นโรงเรียนฝึกสำหรับสายลับที่จะถูกส่งไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งนักเรียนคนอื่น ๆ รู้จัก ปูติน ในชื่อ พลาตอฟ (Mr.Platov) ระหว่างที่ปูติน เรียนอยู่นี้ ภรรยาของเขายังคงอาศัยอยู่ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก แต่เดินทางมาเยี่ยมเดือนละครั้ง
1985-1990 ทำงานเป็นสายลับอยู่ในเยอรมันตะวันออก โดยใช้ชื่อ อดามอฟ ( Mr.Adamov) ทำงานเป็นผู้อำนายการศูนย์ส่งเสริมความสัมพันธ์โซเวียต เยอรมัน (the Soviet-German House of Friendship) ในเมืองเดรสเดน ซึ่งปูตินออกงานและเข้าสังคมกับชาวเยอรมันบ่อย ซึ่งต่างกับเจ้าหน้าที่เคจีบีทั่วไป
1989 การสิ้นสุดของกำแพงเบอร์ลิน ปูตินเล่าให้ฟังในสารคดี The Wall ที่กำกับโดย Vladimir Kondratyev ออกอากาศในช่อง NTV ว่า วันนั้นเขาอยู่ภายในสำนักงานในเดรสเดน มองดูชาวเยอรมันจำนวนมากที่อยู่ภายนอกพยายามทำลายกำแพง ปูติน ให้ความเห็นว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ต้องเกิดขึ้นอย่างหลึกเลี่ยงไม่ได้ เขาบอกว่าการแบ่งแยกเยอรมันนั้นไม่มีอนาคต แต่ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าเมื่อไหร่กำแพงถึงจะพังลงแม้แต่กอร์บาเชฟ จนกว่าวันนั้นมันจะมาถึง , แต่เขาก็บอกว่าส่วนใหญ่แล้วจำไม่ได้ว่าทำอะไรบ้างในวันนั้น , ข้อมูลบางที่บอกว่าเขากำลังง่วนกับการทำลายเอกสารลับ หรือบางที่อ้างคำพูดของ Volker Getz ที่อยู่ในเหตุการณ์ ในเดือนธันวาคมปีนั้น ซึ่งเขาบอกว่า ปูตินถือปืนลูกซองอยู่ในมือ
1990 กลับมายังโซเวียต เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ ที่มหาวิทยาลัยเลนินกราด ทางด้านกฏหมายระหว่างประเทศ และเป็นผู้ช่วยของผู้ว่าการเมืองเลนินกราด
1991 มิถุนายน เมื่ออนาโตลี ซอปแชค ได้เป็นผู้ว่าการเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เขาเสนอชื่อปูตินเป็นประธานของคณะกรรมการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ซึ่งต่อมาปูติน มีผลงานด้านการพัฒนาเมือง เช่น การดึงธนาคารต่่างชาติมาเปิดในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก , การทำเขตส่งเสริมการลงทุน ซึ่งมีบริษัทอย่าง โคล่า-โคล่า, ยิลเลตต์ เข้ามาตั้งโรงงาน, การปรับปรุงระบบสายเคเบิ้ลไยแก้ว , สร้างระบบแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างประเทศ
หลังเกิดการปฏิวัตในเดือนสิงหาคม นำโดยหัวหน้าเคจีบี วลาดิมีย์ ครุชคอฟ (Vladimir Krychkov) ในช่วงเวลานั้นปูติน พาครอบครัวไปพักผ่อนชานเมือง เมื่อทราบข่าวการปฏิวัติ เขาก็รีบเดินทางกลับมาเซนต์ปีเตอร์เบิรก์ และไปร่วมตัวกับเจ้าหน้าบริหารของเมือง ซึ่งต่างก็ไม่รู้ชะตากรรมว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศ แต่ว่าการปฏิวัติล้มเหลวภายใน 3 วัน, ปูติน ได้ยืนใบลาออกจากเคจีบี เป็นครั้งที่สอง , หลังจากลาออกแล้วเขาได้เขียนหนังสือและให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการทำงานในฐานะสายลับ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาลาออกจริง ๆ และไม่ต้องการให้ถูกดิสเครดิตภายหลัง
1995 ในการเลือกตั้งสภาดูม่า ปูตินเป็นหัวหน้ากลุ่ม Our Home is Russia
1996 แต่ว่าหลังจากอนาโตลีไม่ได้รับเลือกกลับเข้ามาเป็นผู้ว่าของเซนต์ปีเตอร์เบิร์กแล้ว เขาจึงลาออกจากงานในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ปูตินถูกเรียกตัวมาทำงานในมอสโคว์ ในเดือน สิงหาคม เป็นผู้รองประธานกรมบริหารธุรกิจ (deputy chief of the Russian President’s business administration department) ซึ่งดูแลงานด้านการค้าต่างประเทศ
1997 จบปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ โดยทำวิทยานิพนธ์ หัวข้อ Strategic planning for the reproduction of mineral resources in the region under conditions of market relations (Стратегическое планирование воспроизводства минерально-сырьевой базы региона в условиях формирования рыночных отношений)
มีนาคม เป็นผู้ช่วยในสำนักบริหารงานประธานาธิบดี (deputy chief of the Presidential Executive Office) และประธานของกรมบัญชาการของประธานธิบดี (chief of the President’s main control department)
1998 พฤษภาคม เป็นรองประธานอันดับหนึงของสำนักบริหารงานประธานาธิบดี (first deputy chief of the Presidential Executive Office)
กรกฏาคม ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการของ Federal Security Service (FSB) เคจีบี เดิม แต่ว่าสิงหาคมปีถัดมาเขาก็ลาออก
1998 พฤษภาคม เป็นรองประธานอันดับหนึงของสำนักบริหารงานประธานาธิบดี (first deputy chief of the Presidential Executive Office)
กรกฏาคม ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการของ Federal Security Service (FSB) เคจีบี เดิม แต่ว่าสิงหาคมปีถัดมาเขาก็ลาออก
1999 มีนาคม เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคง (Secretary of the Russian Security Council)
1999 สิงหาคม เป็นนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ในสมัยของประธานาธิบดีเยลต์ซิน
1999 สิงหาคม เป็นนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ในสมัยของประธานาธิบดีเยลต์ซิน
เกิดสงคราม เชชเนีย 2 , เมื่อฝ่ายกบฏแบ่งแยกดินแดน เข้าโจมตีดาเกสถาน (Dagestan) ทำให้รัสเซีย และปูติน ส่งทหารรัสเซียเข้าโจมตี และยึดเมืองกรอซนี คืนจากฝ่ายกบฏ , ความแข็งกร้าวของปูตินต่อกบฏนี้ชนะใจคนรัสเซีย และทำให้คะแนนนิยมของเขาพุ่งสูงเหนือคู่แข็งคนอื่น
31 ธันวาคม เยลต์ซิน ลาออกจากตำแหน่ง ปูตินเข้ารักษาการณ์ในตำแหน่งประธานาธิบดี
31 ธันวาคม เยลต์ซิน ลาออกจากตำแหน่ง ปูตินเข้ารักษาการณ์ในตำแหน่งประธานาธิบดี
2000 26 มีนาคม ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 7 พฤษภาคม 2000
พฤษภาคม ปูตินจัดรูปแบบการปฏิหารของประเทศ โดยรัสเซียซึ่งเป็นระบบสหพันธ์ มีเขตปกครอง 89 แห่ง (Federal subjects) ถูกนำมาจัดกลุ่มเป็น 7 กลุ่ม (Federal districts) และรัฐบาลกลางส่งผู้แทนเข้าไปดูแล เพื่อให้ง่ายต่อการบริหาร โดยเฉพาะการควบคุมกำลังทหารและความมั่นคง ( Federal subjects ทั้ง 89 แห่ง ยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ถูกยกเลิก)
สิงหาคม เกิดวิกฤตเรือดำน้ำนิวเคลียร์ Kursk ล่ม เขาถูกตำหนิมากว่าตัดสินใจแก้ปัญหาช้าเกินไป โดยเฉพาะการขอความช่วยเหลือจากต่างชาติในการช่วยชีวิตลูกเรือ
ธันวาคม ลงนามประกาศใช้เนื้อเพลงชาติ ฉบับใหม่ ซึ่งใช้ทำนองเพลงเดิมสมัยสหภาพโซเวียต ทำนองโดย Alexander Alexandrov ในปี 1939 สมัยสตาลิน แต่เขียนเนื้อเพลง โดย Sergey Mikhaikov เป็นเพลงชาติอันที่สอง นับจากหมดยุคสหภาพโซเวียต
24 ธันวาคม ปูตินให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแผนในการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ที่เขาเรียกว่าเป็น National Champions โดยเฉพาะ Gazprom ซึ่งหลายสิบปีของการปฏิรูป ก๊าชพร๊อม กลายมาเป็นแหล่งรายได้หลักของรัฐบาล ผลิตน้ำมันกว่า 15% ของโลก 78% ของรัสเซีย
2002 23-26 ตุลาคม เกิดวิกฤตจับตัวประกันในโรงละคร Nord-Ost ในมอสโคว์ โดยฝ่ายกบฏเชชเนีย ซึ่งทางการตัดสินใจจู่โจมกลุ่มกบฏเพื่อช่วยตัวประกัน ซึ่งมีคนร้ายเสียชีวิต 33 คน แต่ก็มีตัวประกันตายไป 129 คน แต่ความเด็ดขาดนี้ได้รับการยอมรับโดยประชาชนที่ทำให้คะแนนนิยมต่อปูตินเพิ่มขึ้น
2003 มิคาอิล โคดอร์คอฟสกี ผู้บริหาร Yukos ถูกจับในเดือนตุลาคม ในข้อหาทุจริตและหลีเลี่ยงภาษี ซึ่งต่อมาเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดในหลายคดี เช่น 27 ธันวาคม 2010 ถูกตัดสินคดีลักลอบขโมยน้ำมันของบริษัท 350 ล้านตันซึ่เป็นทรัพย์สินของบริษัทไปขาย
2004 14 มีนาคม ชนะการเลือกตั้งกลับมาเป็นประธานาธิบดีในสมัยที่ 2 โดยได้เสียงสนับสนุน 71%
2004 14 มีนาคม ชนะการเลือกตั้งกลับมาเป็นประธานาธิบดีในสมัยที่ 2 โดยได้เสียงสนับสนุน 71%
กรกฏาคม รัฐบาลตั้งข้อหาบริษัท Yukos ว่าหลีกเลี่ยงภาษีเป็นเงิน 7 พันล้านเหรียญ จนในที่สุดบริษัทล้มละลายในปี 2006 รัฐบาลได้ยึดทรัพย์สินมาขายทอดตลาด
กันยายน เกิดวิกฤตการจับเด็กนักเรียนในโรงเรียนประถมในเบสลันอีก (Beslan school hostage) ในรัฐออสเซเทียเหนือ
2006 ก่อตั้งบริษัทร่วมทุน United Aircraft Corporation ซึ่งเป็นความพยายามในการปฏิรูปอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบินของประเทศ ที่มีฐานะการเงินอ่อนแอในเวลานั้น อย่าง Irkut, Mikoyan, Tupolev,Yakovlev, Beriev, Ilyshin มาไว้ด้วยกัน UAC เป็นหนึ่งใน National Champions ที่ประสบความสำเร็จในสมัยของปูติน ซึ่งรัสเซียสามารถกลับมาพัฒนาเครื่องบินของตัวเองได้ อย่างเครื่องโดยสาร Sukhoi-Super Jet 100 ซึ่งเป็นเครื่องออกแบบใหม่ลำแรกหลังสหภาพโซเวียต ,และยังมีเครื่องบินรบรุ่นที่ 5 อย่าง PAK-FA
2007 ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาดูม่า ปูตินเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค United Russia พรรคนี้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2001 ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตกว่า 385 คน
2008 8 พฤษภาคม ประธานาธิบดี เมดเวเดฟ ลงนามแต่งตั้งให้ปูตินเป็นนายกรัฐมนตรี
เริ่มโครงการอนุรักษ์เสือไซบีเรีย (The Amur Tiger programme) โครงการอนุรักษ์วาฬขาว (Beluha/Beluga program) และตามด้วยโครงการอนุรักษ์ เสือดาวหิมะ (Leopard programe) อนุรักษ์หมีขาว (Polar programe) ในปี 2010
2009 พฤษภาคม ดำรงตำแหน่งประธานสภาเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนต์ (Government Concil for development of national cinematography)
2010 1 มกราคม สหภาพศุลกากร (Custom Unions) ระหว่าง เบลารุส, คาซัคสถาน, และรัสเซีย มีผลบังคับใช้
สิงหาคม เขาขับรถยนต์รุ่นใหม่จากค่าย AvtoVaz ยี่ห้อ Lada รุ่น Kaliza สีเหลือง เป็นระยะทางกว่า 2,000 กิโลเมตร ไปยังชายฝังในตะวันออกไกล เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ
2011 พฤษภาคม ปูตินริเริ่มโครงการ People’s Front (Общероссийский народный фронт) ซึ่งพยายามรวบรวมกลุ่มต่างๆ ในประเทศ มาเสนอแนวคิดและคำแนะนำในการพัฒนาประเทศ ซึ่งต่อมามีองค์กรกว่า 2,000 แห่งได้เข้าร่วม
ได้รับรางวัลสันติภาพขงจื้อ (Confucius Peace Prize)
2012 มีนาคม ชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 63.6%
ตั้งแต่ปี 2002-2007 ในสมัยของปูติน เศรษฐกิจรัสเซีย ขยายตัวเฉลี่ยในอัตรา 7% มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก อัตราความยากจนลดลงจาก 30% เหลือ 14% ในปี 2008
ปูติน นับถือศาสนา นิกายรัสเซียนออโธดอก ไม่สูบบุหรี่ ชอบกีฬา ยูโด(สายดำ) แซมโบ้ (Sambo) เล่นสกี เลื้ยงสุนัข 2 ตัว บัฟฟี (Buffy~Bulgarian Shepherd) และ โคนี (Koni~ Labrador)
ปูติน นับถือศาสนา นิกายรัสเซียนออโธดอก ไม่สูบบุหรี่ ชอบกีฬา ยูโด(สายดำ) แซมโบ้ (Sambo) เล่นสกี เลื้ยงสุนัข 2 ตัว บัฟฟี (Buffy~Bulgarian Shepherd) และ โคนี (Koni~ Labrador)