อับราฮัม ลินคอล์น
ปู่ก็ชื่อว่า อับบราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) , ปู่ของลินคอล์นนั้นเป็นลูกชาวอังกฤษที่อพยพเข้ามาในสหรัฐ เขาเกิดในเพนซิวาเนีย (Berks Country, Pensylvania) เขามีอาชีพเป็นพ่อค้าขายสีย้อมหนังสัตว์ เขามีฐานะดี และมีลูกถึงห้าคน ช่วงสงครามการปฏิวัติของสหรัฐ (American Revolutionary War) เขาอาสาเข้าเป็นทหารกับกองกำลังออกุสต้าคันทรี (Augusta Country militia)
1768 พ่อของ (คนปู่) ลินคอล์น ซื้อที่ดินกว่า 600 เอเคอร์ ใน (Linville Creek, Augasta Country ,Virginia) ซึ่งพ่อของลินคอล์น ชื่อ โทมัส เกิดที่นี่ ในปี 1778
1780 (คนปู่) ลินคอล์น ขายที่ดินใน Linville Creek และย้ายครอบครัวมาที่ Kentucky ซึ่งเวลานั้นมีชาวอเมริกันพื้นเมืองอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และยังคงต่อต้านผู้รุกรานที่จะเข้ามาตั้งถิ่นฐานบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโอไฮโอ ปู่ของลินคอล์นรุกรานพื้นที่ของชาวอเมริกันพื้นเมืองเหล่านั้น จนเขากลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเคนตักกี้ มีที่ดินในครอบครองกว่า 5,544 เอเคอร์
1786 พฤษภาคม (ปู่) อับบราฮัม ลินคอล์น ถูกชาวอินเดียนแดงยิงเสียชีวิต
1806 โทมัส และแนนซี พ่อแม่ของ (ปธน.) ลินคอล์นแต่งงานกัน
1808 โทมัส ซื้อฟาร์มชื่อ “ซิงกิ้น สปริง”
(ปธน.) อับราฮัม ลินคอล์น เกิดวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 1809 ในฟาร์มซิงกิ้นสปริง (Singkin Spring Farm) เมืองฮาร์ดิ้น คันทรี (Hardin Country) รัฐเครตัคกี้ สหรัฐอเมริกา พ่อของเขาชื่อโทมัส (Thomas Lincoln) และแม่ชื่อแนนซี แองส์ (Nancy Hanks) โทมัสน้ำทำงานเป็นพ่อค้าซื้อขายที่ดิน ตอนที่ลินคอร์นเกิดมานั้นโทมัส เป็นเจ้าของที่ดินกว่า 600 เอเคอร์ และมีปศุสัตว์อีกจำนวนมาก เวลานั้นเขาร่ำรวยที่สุดในเคนตักกี้ … ลินคอล์นนั้นเกิดภายในบ้านพักภายในฟาร์มของครอบครัว
1811 ครอบครัวของเขาย้ายมาอยู่ที่ฟาร์มขนาด 230 เอเคอร์ ที่คนอป ครีก (Knob Creek) ห่างจากซิงกิ้นสปริงไป 10 ไมล์
1816 โทมัส ล้มละลาย จากการที่ศาลตัดสินว่าเขาเป็นเจ้าของที่ดินโดยผิดกฏหมาย เขาพาครอบครัวข้ามแม่น้ำโอไฮโอ ไปอยู่ที่ เมืองเพอรรี่ ในรัฐอินเดียน่า (Perry Country, Indiana)
1818 ตอนลินคอร์นอายุได้ 9 ขวบ แม่ของเขาเสียชีวิตจากการดื่มนมปนเปื้อน (tremetol) ตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 34 ปี
1919 หลังจากแม่เสียชีิวิตไม่กี่เดือน โทมัสพ่อของลินคอล์นก็แต่งงานใหม่กับซาราห์ จอห์นสัน (Sarah Bush Johnson) หญิงม่ายซึ่งมีลูกติดอยู่สามคน ลินคอล์นได้รับการดูแลจากแม่เลี้ยงเป็นอย่างดี และเขาเรียกเธอว่าแม่อย่างเต็มปาก เธอเป็นคนที่แทบจะไม่รู้หนังสือ แต่ว่าเธอพยายามให้ลูกๆ ได้เรียนเขียนอ่าน แต่วัยเด็กของลินคอร์นนั้นเขาเรียนหนังสือด้วยตัวเอง และเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาก
1820–1824 ช่วงเวลานี้ลินคอล์นเข้าเรียนในโรงเรียนช่วงสั้นๆ แต่ส่วนใหญ่เขาใช้เวลาทำงานเป็นลูกจ้างในฟาร์มของเพื่อนบ้าน เขาถูกเพื่อน ๆ เรียกว่า เอเบ้ (Abe)
1830 มีนาคม ครอบครัวของเขาย้ายที่อยู่อีกครั้ง เพราะกลัวการระบาดของโรคที่มากับน้ำนม ในครั้งนี้ลินคอล์นย้ายมาอยู่ที่เมืองเมคอน (Macon Country, Illinois) แต่ว่าพ่อของเขาไปอยู่ที่เมืองโคลส์ (Coles Country) ส่วนลินคอล์อายุ 22 แยกมาอยู่คนเดียวเป็นครั้งแรก ที่นิวซาเลม (New Salem, Sangomon Country, Illinois)
1831 ได้ทำงานเป็นพนักงานร้านขายของเดนตัน (Denton Offutt) ซึ่งลินคอนต้องนำสินค้าจากนิวซาเลม บรรทุกลงเรือไปส่งที่นิวออรีน บ่อยครั้ง และเมื่อส่งของเสร็จแล้วเขาต้องเดินด้วยเท้ากลับ
ช่วงนี้ลินคอล์นพบรักกับ Anne Rutledge แต่ว่าทั้งคู่ไม่มีโอกาสแต่งงานกันเพราะไม่นานแอนน์ ก็เสียชีวิต ในปี 1935 ด้วยโรคไทฟอยด์ (typoid fever) ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนั้น
1832 เมษายน เมื่อเกิดสงครามแบล็กฮอค (Black Hawk War) ระหว่างชาวอเมริกันพื้นเมือง(อินเดียนแดง) กับชาวอเมริกัน ลินคอล์น ได้อาสาสมัครเข้าเป็นทหารเพื่อต่อสู้กับชาวอินเดียนแดง โดยลินคอล์นได้รับยศกัปตัน (Captain) และอยู่ในกองทัพดังกล่าว 3 เดือนแต่ว่าเขาไม่ได้ออกรบเลย
สิงหาคม หลังสงคราม ลินคอล์นลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อเป็นสมาชิกสภาของรัฐอิลลินอยส์ (Illinois Genearal Assembly) แต่ว่าเขาไม่ผ่านการคัดเลือกโดยได้ที่ 8 จากผู้สมัคร 13 คน ซึ่งมีเพียงสี่คนเท่านั้นที่จะได้รับตำแหน่ง
ช่วงเวลานี้เองที่เขาสนใจงานด้านกฏหมายและได้สอนกฏหมายให้กับตัวเองโดยการอ่าน Blackstone’ Commentaries on the Laws of England และหนังสือกฏหมายอื่นๆ
1833 ลินคอล์นร่วมกับเพื่อนชื่อวิลเลียม (William Berry) หุ้นกันเปิดร้านขายของในนิวซาเลม แต่ว่าไม่นานธุรกิจของเขาก็เจ๊ง
1834 ขาลงสมัครรับเลือกตั้งในรัฐอิลลินอยส์อีกครั้ง ในฐานะตัวแทนจากพรรควิก (Whig Party)
1836 ในฐานะหัวหน้าของพรรควิก เขาได้รับเลือกตั้งเข้าเป็น ส.ส. ในรัฐสภาของรัฐอิลลินอยส์
9 สิงหาคม ได้รับใบอนุญาตการฝึกงานเป็นทนาย
ช่วงเวลานี้ลินคอล์นพบรักกับแมรี่ โอเวน (Mary Owens) วัย 28 ปีจากเคนตักกี้ แต่ว่าเมือเธอเดินทางกลับไปเคนตักกี้ ความสมาพันธฯของทั้งคู่ก็จบลง เป็นสาเหตุให้ลินคอล์นล้มป่วยในช่วงปลายปี
1837 เมษายน ย้ายมาที่สปริงฟิล์ด (Springfield,Illinois) เข้าฝึกงานที่สำนักกฏหมายของ จอห์น สเตราต์ (John T. Stuart)
1838 สิงหาคม ได้รับเลือกกลับมาเป็น ส.ส. อิลลินอยส์อีก
1840 สิงหาคม ได้รับเลือกกลับมาเป็น ส.ส. อิลลินอยส์อีก เป็นครั้งที่ 3
ธันวาคม ลินคอล์น หมั่นกับแมรี่ ทอด์ด (Mary Todd) เธอมาจากครอบครัวที่มีฐานะดีจากเล็กซิงตัน ในเคนตักกี้ ซึ่งครอบครัวเธอมีทาสอยู่จำนวนมาก ลินคอล์นพบกับแมรี่ ในธันวาคมของปีที่แล้วระหว่างที่เธอเดินทางอิลลินอยด์ พวกเขากำหนดที่จะแต่งงานกันในวันที่ 1 มกราคม 1841
1841 ลินคอล์น ยกเลิกการหมั่นกับแมรี่ ทอด์ด โดยไม่ทราบสาเหตุ แต่หลังจากนี้ทั้งคู่ได้มีโอกาสเจอกันอีก และได้แต่งงานกันในที่สุด
1842 4 พฤศจิกายน เขาแต่งงานกับ แมรี่ ทอด์ด ภายในแมนชั่นที่สปริงค์ฟิลด์ของพี่สาวของแมรี่ ซึ่งต่อมาทั้งคุ่มีลูกด้วยกัน 4 คน แต่ว่ามีลูกเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจนโต ชื่อว่าโรเบิร์ต (Robert Baker Lincold, Eddie)
1843 เขาพยายามขอการสนับสนุนจากสมาชิกพรรควิกเพื่อลงแข่งชิงตำแหน่งในสภาคองเกรส แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จ
1844 ลินคอล์นทำงานร่วมกับวิลเลี่ยม เฮิร์นดอน (William Herndon) ในการเป็นทนายความ ,
เขาซื้อบ้านหลังหนึ่งในสปริงฟิลด์ ราคา 1,500 เหรียญ สำหรับครอบครัวอยู่ใกล้ๆ กับสำนักงานกฏหมายที่ลินคอล์นทำงานอยู่ โดยที่แมร่ีเป็นแม่บ้านคอยดูแลลูกๆ
เขาให้การสนับสนุน เฮนรี่ เคลย์ (Henry Clay) ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
1846 ลงชิงตำแหน่ง ส.ส. ของสหรัฐ และ 3 สิงหาคม เขาได้รับเลือกตั้ง
1847 ลินคอล์นและครอบครัวย้ายมาอยู่ที่วอชิงตัน ดี.ซี เพื่อที่เขาจะต้องทำงานเป็น ส.ส. ครั้งแรกในสภาผู้แทนของสหรัฐอยู่หนึ่งสมัย ระหว่างปี 1847-1849 เขาเป็น ส.ส. เพียงคนเดียวจากพรรควิก ทำให้ทำงานได้ยากลำบาก ในช่วงนี้
ช่วงเป็น ส.ส. นี้เขาสนับสนุนกฏหมายการเลิกทาสในเขต ดี.ซี. ที่ร่างโดยโจชัว กิดดิ้ง (Joshua R. Giddings) แต่ว่าเมื่อกฏหมายไม่ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพรรควิก ลินคอล์นก็หยุดสนับสนุนไป
ลินคอล์น ต่อต้านการทำสงครามระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก (Mexican-American War) ซึ่งตอนนั้น ปธน.เจมส์ โปล์ก (James Polk) ของสหรัฐส่งกองทัพสหรัฐเข้าไปผนวกดินแดนรัฐเทกซัส ซึ่งเคยเป็นของเม็กซิโก แต่เท็กซัสประกาศตัวเป็นประเทศเอกราชในปี 1936 ก่อนที่จะโดนสหรัฐผนวกไว้ในปี 1845
ซึ่งการต่อต้านสงครามนี้ทำให้เขาไม่ได้รับความนิยม ลินคอล์นจึงตัดสินใจไม่ลงสมัครรับเลือกต้ั้งอีกในสมัยที่สอง
1849 มีนาคม กลับมาทำงานเป็นทนายอีกที่สปริงฟิลด์
พฤษภาคม เขาได้รับสิทธิบัตร หมายเลข 6,469 จากการออกแบบอุปกรณ์ช่วยยกเรือข้ามสันทรายหรือสิ่งกีดขวางในแม่น้ำ (Buoying Vessels over Shoals) ซึ่งลินคอล์นเป็น ปธน. คนเดียวของสหรัฐที่ครอบครองสิทธิบัตร แม้ว่าอุปกรณ์ของเขาจะไม่เคยถูกสร้างเพื่อใช้งานจริงๆ
1850 เขาทำงานเป็นล็อบบี้ยิสต์ให้กับบริษัท Illinois Central Railroad ซึ่งช่วงเวลานั้นกิจการรถไฟในสหรัฐกำลังขยายตัวและรัฐอิลลินอยส์กลายเป็นศูนย์กลางของการเดินรถไฟด้านตะวันตก ลินคอล์นยังว่าความให้กับบริษัทอื่นๆ ในหลายคดี ซึ่งเขาประสบความสำเร็จในอาชีพ
1851 17 มกราคม โทมัสพ่อของลินคอล์น เสียชีวิต
1854 สภาคองเกรสผ่านกฏหมาย Kansan-Nebraska act ซึ่งอนุญาตให้แต่ละรัฐสามารถตัดสินใจได้เองว่าในรัฐนั้นจะอนุญาตให้มีการใช้แรงงานทาสได้หรือไม่ ซึ่งกฏหมายนี้ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านมากในหมู่ชาวแคนซัสและอิลลินอยส์ ทำให้พรรครีพับพลิกัน ซึ่งคัดค้านกฏหมายได้รับความนิยมมากขึ้น
ลินคอล์นกลับเข้ามาเล่นการเมืองโดยที่ตัวของเขาต่อต้านกฏหมายฉบับนี้ เขาได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกของสภานิติบัญญัติของรัฐอิลลินอยด์ (Illinois legistature) แต่ว่าเขาสละตำแหน่ง โดยที่คาดหวังจากได้รับเลือกเป็นวุฒิสภาชิกของสหรัฐ (ขณะนั้นแต่งตั้งโดยสมานิติบํํญญัติ) แต่ว่าเขาไม่ได้รับเลือก
16 ตุลาคม เขากล่าวสุนทรพจน์ Peoria Speech ซึ่งเป็นการประกาศจุดยืนต่อต้านการใช้แรงงานทาส
1856 พฤษภาคม ลินคอล์น เข้าเป็นสมาชิกพรรครีพับพลิกัน ในอิลลินอยส์ (Republican Party)
1857 วุฒิสภาของสหรัฐ กำลังถกเถียงร่างกฏหมาย Scott v. Sanford ซึ่งเนื้อหาระบุให้ อินเดียนอเมริกัน นั้นไม่ใช่พลเมืองของสหรัฐอเมริกา , ลินคอล์น ไม่เห็นด้วยกับร่างกฏหมายดังกล่าว เขาจึงได้ลุกขึ้นในที่ประชุมเพื่อกล่าวต่อต้านร่างดังกล่าว ที่ ปธน.บุชานัน (James Buchanan) ก็สนับสนุน , ลินคอล์นกล่าวสุทรพจน์เรื่อง บ้านที่แบ่งแยกไม่อาจจะอยู่ได้ (A house divided cannot stand)
1858 กฏหมาย Kansan-Nebraska act ที่เสนอโดยดักกราส (Douglas) ทำให้มีการดีเบตกันระหว่างลินคอล์น กับดักกราส (Lincoln-Douglas debastes , 1858) กันกว่า 7 ครั้งในประเด็นเกี่ยวกับการมีทาส เป็นการดีเบตที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
1859 ดักกราส ได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิก โดยได้รับเสียงสนับสนุนมากกว่าลินคอล์น ด้วยคะแนน 54 ต่อ 46
1860 6 มีนาคม กล่าวสุนทรพจน์ Speech on slavery ระหว่างอยู่ที่นิวฮาเว่น คอนเนคติกัต (New Haven, Connecticut)
18 พฤษภาคม ลินคอล์นได้รับการสนับสนุนให้เป็นตัวแทนพรรครีพับพลิกัน ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
6 พฤศจิกายน ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี โดยเอาชนะจอห์น เบล์ล จากพรรคคอนสติทูชั่นยูเนี่ยน (John Bell,Constitutional Union Party) จอห์น เบรคกินไรดจ์ จากพรรคเซาท์เดโมแครต(John C. Breckinridge, Southern Democrats) และ ดักกราส จากพรรคเดโมแครต , และลินคอล์นเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่มาจากพรรครีพับพลิกัน
1861 กุมภาพันธ์ เขานั่งรถไฟจากสปริงฟิลด์ อิลินอยส์ มายังวอชิงตัน ดี.ซี.
มีนาคม สาบานตนเป็นประธานาธิบดี คนที่ 16 ของสหรัฐ
เมษายน สงครามกลางเมืองในสหรัฐเริ่มขึ้น (American Civil War) เมื่อ 7 รัฐทางใต้ (Sourth Carolina, Mississipi, Florida, Alabama, Georgia, Louisianna, Texas) ซึ่งยังมีการใช้ทาสได้รวมตัวกันเป็นสมาพันธฯรัฐอเมริกา ( Confederates States of America~ Conferdercy) พวกเขาไม่ยอมรับลินคอล์น และเมื่อลินคอล์นชนะการเลือกตั้งพวกเขาจึงตั้งใจที่จะแยกตัวออกจากสหรัฐอเมริกา แต่ว่าประธานาธิบดีลินคอล์นและประธานาธิบดีเจมส์ บุชานัน (James Buchanan) ซึ่งพ้นจากตำแหน่ง ต่อต้านการประกาศเอกราชของรัฐทั้ง 7 และมองว่ารัฐเหล่านี้เป็นกบฏ
12 เมษายน ฝ่ายสมาพันธ์ฯ บุกยึดป้อมซัมเตอร์ (Fort Sumter) ที่อยู่ชายฝั่งเซาท์แคโรไลน่า ทำให้ลินคอล์นประกาศตั้งกองทัพทหารอาสาสมัคร เพื่อปกป้องวอชิงตัน และยึดป้อมกลับคืนมา , และมีอีก 4 รัฐ (Virginia, North Carolina, Tennessee, Arkansas) ที่ประกาศร่วมกับสมาพันธรัฐอเมริกา
ส่วนรัฐฝ่ายเหนือที่สนับสนุนลินคอล์นนั้นรวมตัวกันเรียกว่าสหภาพ (Union)
เหตุการณ์ที่ป้อมซัมเตอร์ นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองในสหรัฐ (American Civil War)
21กรกฏาคม การรบที่บูลล์รัน (First Battle of Bull Run) ในเวอร์จิเนีย เป็นสมรภูมิแรกระหว่างสองฝ่าย โดยที่ทหาของฝ่ายยูเนี่ยนของลินคอล์นเป็นฝ่ายแพ้
1862 มีนาคม การรบที่แฮมตันโรด (Battle of Hampton Roads) ในเวอร์จิเนีย เป็นการรบในทะเลระหว่างเรือรบของทั้งสองฝ่าย โดยที่ไม่มีฝ่ายไหนชนะเด็กขาด แต่ได้รับความสนใจจากชาวโลกมากเพราะมีการขนอาวุธใหม่ๆ มารบกัน
เมษายน การรบที่ชิโรห์ (Battle of Shiloh) ในเทนเนซซี่ ฝ่ายยูเนี่ยนเป็นฝ่ายชนะ
16 เมษายน ลินคอล์นลงนามในกฏหมายประกาศเลิกทาส D.C. Compensated Emancipation Act. ในเขตกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยที่มีการจ่ายเงินชดเชยให้กับเจ้าของทาส
สิงหาคม การรบที่บูลล์รัน ครั้งที่ 2 (Second Battle of Bull Run) ในเวอร์จิเนีย ชัยชนะตกเป็นของฝ่ายสมาพันธฯ
(สิงหาคม) สงครามอเมริกากับดาโกต้า (United States vs. Dakota War) ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของสงครามกลางเมืองของสหรัฐ แต่เป็นเพราะสหรัฐอเมริกา ละเมิดสนธิสัญญาเมนโดต้า (Treaty of Mendota, 1851) และสนธิสัญญา Treaty of Traverse des Sioux ที่สหรัฐขอเช่าที่ดินจากชาวซิอ๊อก (Sioux) หลายล้านเอเคอร์ โดยสัญญาว่าจะจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายปี แต่กลายเป็นว่าสหรัฐไม่ยอมจ่ายค่าเชื่อ และพยายามผนวกดินแดนของชนพื้นเมือง (ดินแดนรัฐดาโกด้าและมินิโซต้าปัจจุบัน Minnesota, Dakota) เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา ทำให้ชาวซิอ๊อก พยายามขับไล่ชาวอเมริกาออกจากประเทศของพวกเขา แต่การรบเกิดขึ้นหลายครั้ง จน 26 กันยายน ฝ่ายชาวซิอ๊อกยอมแพ้ที่การรบที่แคมป์รีลีส (Surrender at Camp Release) ชาวซิอ๊อก 303 คนถูกจับขึ้นศาลทหารโดยที่อเมริกาใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ในการตัดสินคดี ลินคอล์นในตอนนั้นเห็นว่าควรประหารชีวิตชาวซิอ๊อกทั้งหมด 303 คน
17 กันยายน สมรภูมิแอนไตตัม (Battle of Antietam) ในแมรี่แลนด์ เป้นการรบที่นองเลือกที่สุดในสหรัฐ แม้ว่าฝ่ายยูเนี่ยนจะชนะ แต่ว่าทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตทหารรวมกันเกือบ 23,000 คนภายในวันเดียว
พฤศจิกายน เมื่อมีการเลือกตั้ง ส.ส. , ลินคอล์นและรีพับพลิกัน ต้องสูญเสียที่นั่งในสภา ไปกว่า 22 ที่ เพราะปัญหาของเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ การขึ้นภาษี และสงครามกลางเมืองที่ยังไม่สิ้นสุด
1863 25 กุมภาพันธ์ ออกกฏหมายระบบธนาคารแห่งชาติ (National Banking Act.) เป็นการตั้งระบบธนาคารของสหรัฐอย่างเป็นทางการ
เมษายน การรบที่แชนเคลเลอร์วิลล์ (Battle of Chancellorsville) ในเวอร์จิเนีย เป็นการรบครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งระหว่างสองฝ่าย และฝ่ายสมาพันธฯ เป็นฝ่ายชนะ มีทหารเสียชีวิตไป 13,303 คน ลินคอล์น ช๊อคกับการพ่ายแพ้ครั้งนี้ ถึงกับอุทาน โอ้พระเจ้า โอ้พระเจ้า (My God! My God! What will the country say?)
พฤษภาคม– 4 กรกฏาคม การบุกยึดวิคสเบิร์ก (Siege of Vicksburg) ในมิสซิซซิปปี ฝ่ายสหภาพเป็นฝ่ายที่บุกข้ามแม่น้ำมิสซิซซิปปี เพื่อปิดล้อมทหารของฝ่ายสมาพันธฯที่อยู่ในค่ายที่วิคสเบิร์ก การรบครั้งนี้มีทหารตายกว่าเก้าพันคน และทหารของฝ่ายสมาพันธฯยอมมอบตัวในวันที่ 4 กรกฏาคม ซึ่งตรงกับวันชาติสหรัฐพอดี ทำให้ชาวเมืองวิคเบิร์ก ถือเป็นธรรมเนียมว่าเขาจะไปเฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐ นับแต่นั้นมาเกือบ 80 ปี จนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปแล้ว
มิถุนายน–กรกฏาคม เก็ตตี้เบิร์กแคมเปญ (Gettysburg Campaign) มีการรบใหญ่ หลายครั้งช่วงสองเดือนนี้ ในแมรี่แลนด์ , เพนซิลวาเนีย และเวอร์จีเนีย ซึ่งฝ่ายสหภาพเป็นฝ่ายมีชัยชนะ
8 ธันวาคม ลินคอล์น ประกาศกฏหมายอภัยโทษ (Amnesty Proclamation) ให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสมาพันธฯ คนใดก็ตามที่ทำงานให้สมาพันธฯ และไม่เคยกระทำความผิดอาญาต่อฝ่ายยูเนี่ยน
24 ธันวาคม ลินคอล์นประกาศกฏหมายเลิกทาส (Emancipation Proclamation) ในรัฐ 10 รัฐของฝ่ายสมาพันธฯ กฏหมายฉบับนี้ลินคอล์นใช้อำนาจในฐานะที่เขาเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในช่วงสงครามกลางเมือง และกฏหมายถูกประกาศโดยไม่ได้ผ่านรัฐสภา
26 ธันวาคม ลินคอล์น สั่งประหารชาวอินเดียนแดง 38 คน (Sioux Indians) ด้วยการแควนคอ ที่แมนโกด้า (Mankato Minnesota) เป็นการประหารชีวิตหมู่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
1864 พฤษภาคม– มิถุนายน โอเวอร์แลนด์แคมเปญ (Overland Campaign) เกิดขึ้นในรัฐเวอร์จิเนีย เป็นการบุกของฝ่ายสหภาพ มีการรบกว่า 15 ครั้ง แรก คือการรบภายในป่า (Battle of the Wilderness, 5-7 พฤษภาคม) การรบที่สปอตซิลวาเนีย (Battle of Spotsylvania, 8-21 พฤษภาคม) รวมแล้วสองฝ่ายตายไปเกือบเก้าหมื่นคน แต่สหภาพก็เป็นฝ่ายมีชัยชนะแม้ว่าจะสูญเสียทหารมากกว่า
มิถุนายน ก่อตั้งพรรค Nationnal Union Party โดยสมาชิกพรรครีพับพลิกันที่สนับสนุนลินคอล์น เพราะขณะนั้นมีสมาชิกพรรครีพับพลิกันจำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วยที่จะส่งลินคอล์นลงรับเลือกตั้งเพราะคาดว่าเขาจะแพ้
บุกยึดปีเตอร์เบิร์ก, เวอร์จิเนีย (Siege of Peterburg, มิถุนายน 1864-พฤษภาคม 1865) ฝ่ายสหภาพใช้เวลากว่า 9 เดือน ในการพยายามจะยึดเมืองปีเตอร์เบิร์ก
พฤศจิกายน การเลือกตั้งประธานาธิบดี สมัยที่ 2 ลินคอล์นลงสมัครรับเลือกตั้ง ในนามของพรรคเนชั่นแนลยูเนี่ยน ในขณะที่รีพลับพลิกันส่งแอนดริว จอห์นสัน (Andrew Johnson) และเดโมแครตส่งนายพลจอร์จ แม็คเคลแลน (George B. McClellan) การเลือกตั้งครั้งนี้มีเพียง 25 รัฐที่จัดให้มีการลงคะแนน ในขณะที่รัฐในกลุ่มสมาพันธฯซึ่งประกาศแยกตัวออกไปนั้นไม่มีการเลือกตั้ง ซึ่งลินคอล์นได้รับชัยชนะโดยได้รับเสียงสนับสนุน 55% แต่เมื่อคิดเป็นคะแนนอิเล็กโตรัลโวต (electroal vote) เขาได้ชัยชนะอย่างถล่มสลาย ถึง 212 คะแนน จากทั้งหมด 233 คะแนน
17 พฤศจิการยน จอห์น บูธ (John wikes Booth) ตั้งใจที่จะลักพาตัวลินคอล์น หลังจากทราบข่าวว่าลินคอล์นจะต้องมาดูการแสดงเรื่อง Still Water Rus Deep ที่โรงพยาบาล บุชใช้บ้านหลังหนึ่ง (The Ole Soldiers Home) เพื่อวางแผนลักพาตัวลินคอล์น แต่ว่าเมื่อถึงกำหนดการณ์แล้วลินคอล์นไม่มาตามแผนทำให้ต้องล้มเลิกไป บูธ นั้นมีอาชีพเป็นนักแสดง เขาสนับสนุนการใช้ทาส และสนับสนุนฝ่ายสมาพันธฯ
1865 4 มีนาคม ลินคอล์นเข้าพิธีสาบานตน รับตำแหน่งประธานาธิบดี สมัยที่ 2
9 เมษายน การรบที่หมู่บ้านแอพโพแมตต๊อกซ คอร์ท เฮาท์ (Battle of Appomattox Court House) โรเบิร์ต ลี (Robert E. Lee) ผู้นำทหารของฝ่ายสมาพันธฯ มอบตัว ถือเป็นสัญญาณของการสิ้นสุดสงครามกลางเมือง และเป็นการรบช่วงท้ายของสงคราม
11 เมษายน ลินคอล์นมีโอกาสกล่าวสุนทรพจน์ต่อสาธารณะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ป้อมซัมเตอร์ ซึ่งมีการชักธงชาติสหรัฐขึ้นที่ป้อมด้งกล่าวด้วย
14 เมษายน ลินคอล์น ถูกยิงโดยจอห์น บูธ ระหว่างชมภาพยนต์ที่ Ford’s Theater ในวอชิงตัน ดี.ซี. ด้วยกระสุนเพียงนัดเดียวเข้าทางด้านหลังของศรีษะ เขาถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาลเปเตอร์สันเฮาท์ (Petersen House) ฝั่งตรงข้ามกับโรงภาพยนต์ เขาอยู่ในอากาศโคม่านานกว่า 9 ชั่วโมง ก่อนที่จะเสียชีวิตในเช้า วันที่ 15 เมษายน
16 เมษายน การรบที่โคลัมบัส(Battle of Columbus)ในจอร์เจีย ถือเป็นการรบครั้งสุดท้ายในสงครามกลางเมืองของสหรัฐ
26 เมษายน จอห์น บูธ ซึ่งหนีเข้าไปหลบอยู่ในไร่ของริชาร์ด กาเรตต์ (Richard H. Garrett) ถูกเจ้าหน้าที่ที่ตามจับตัวเขา ยิงเสียชีวิตภาายในโรงบ่มยาสูบ
พฤษภาคม การรบที่เนินพาลมิโต้(Battle of Palmito Hill) เป็นการรบเล็กๆ ที่นักประวัติศาสตร์เห็นว่าเป็นการรบที่เกิดหลังจากสงครามกลางเมืองสิ้นสุดแล้ว
4 พฤษภาคม ร่างของลินคอล์น ถูกฝังที่สุสานโอ๊คไรดจ์ (Oak Ridge Cemetery,Illinois) ชานเมืองสปริงฟิลด์ ในอิลินอยด์
6 ธันวาคม รัฐธรรมนูญสหรัฐ ฉบับแก้ไข ครั้งที่ 13 ที่ประกาศเลิกทาสทั่วสหรัฐ มีผลบังคับใช้