เจียง ไค-เช็ก , เจียง ฉงเฉิง (蔣中正 , Jiang Zhongzheng)
ไคเช็ก เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 1887 ในเมืองซีกัว (Xikou) จังหวัดเฟงหัว (Fenghua) มณฑลเชเจียง (Zhejian)
พ่อของไค-เช็ก ชื่อ เจียง เฉากง (Jiang Zhaocong) และแม่ชื่อ หวาง ไคหยู (Wang Caiyu) ครอบครัวของพวกเขาเป็นพ่อค้าเกลือมีฐานะดี
1895 ตอนไค-เช็ก อายุ 8 ขวบพ่อของเขาเสียชีวิต
1901 ตอนอายุได้ 14 ปี ไคเช็กแต่งงานกับ เหมา ฟูเม่ย (Mao Fumei) หญิงชาวบ้านที่ไม่รู้หนังสือ ซึ่งทั้งคู่มีลูกด้วยกันชื่อ เจียง ชิงกัว (Chiang Ching-Kuo) ซึ่งภายหลังชิงกัว ถูกส่งไปเรียนหนังสือที่โซเวียต
1906 เข้าเรียนที่สถาบันทหารเบาดิง (Baoding Military Academy) ในเหเบ่ย (Hebei)
1907 ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารของญี่ปุ่น (Imperial Japanese Army Academy, Zhenwu school) ในโตเกียว
1908 ได้รับคำชวนจากเชน ไคเมย (Chen Qimei) ให้เข้าร่วมกับกลุ่มตงมินฮุย (Chinese Alliance , Chinese United League, Tongmenghui) ที่ก่อตั้งโดยดร.ซุน หยัตเซน (Sun Yat-sen) กลุ่มชาวจีนผู้มีแนวคิดล้มการปกครองของราชวงศ์ชิง(แมนจู) (Qing Dynasty, Manchu Dynasty)
ไคเช็ก ใช้นามแฝงว่า นากามูระ (Nakamura)
1909 ไค-เช็ก เข้าเป็นทหารในกองทัพจักรพรรดิญี่ปุ่น (Imperial Japanese Army) เขาเป็นทหารอยู่จนถึงปี 1911
1911 ตุลาคม เกิดการประท้วงในเมืองวูชาง (Wuchang Uprising) ไคเช็ก หลังได้ทราบข่าวได้รีบเดินทางกลับมาและได้ร่วมกับฝ่ายของผู้ที่ประท้วงรัฐบาล เขากลายเป็นผู้นำหน่วยทหารในชางไห่ (Shanghai) ร่วมกับ ไคเมย
ไคเช็ก หย่ากับฟูเม่ย ภรรยา
ช่วงนี้ไคเช็ก กับ ฮวง ฟู (Huang Fu) ฮวง เจียง (Huang Jiang) สาบานเป็นพี่น้องกัน
1912 1 มกราคม ดร.ซุน หยัตเซน เป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณะรัฐจีน (President of the Republic of China) มีพื้นที่ควบคุมอยู่ 17 มณฑล
เกิดการปฏิวัติซินไห่ (Xinhai Revolution) เหตุการณ์ต่อเนื่องมาจากการประท้วงในวูชางเกือบหกเดือน จน 12 กุมภาพันธ์ ราชวงศ์ชิงล่มสลาย และจีนกลายเป็นสาธารณรัฐ
มีนาคม, ไคเช็ก เดินทางไปญี่ปุ่น โดยใช้ชื่อปลอมว่าอิชิโอกะ (Ishioka) ก่อตั้งหนังสือ Voice of the Army
1913 การปฏิวัติ ครั้งที่ 2 (Second Revolution) ล้มเหลว , ไคเซ็ก ไปอยู่ในชางไห่ เข้าไปรวมกับ Green Gang ของ ตู ยัวเชง (Du Yuesheng)
1917 ดร.ซุน หยัตเซน ย้ายฐานปฏิบัติการของเขามาที่กวางโจ (Guangzhou) ซึ่งไคเช็ก ได้ตามมาร่วมสมทบ ซึ่งพวกเขาได้ร่วมกันสร้างกองทัพเพื่อรวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นปึกแผ่น แต่ว่าในกวางโจวนั้นผู้ว่าของเมือง ชื่อ เชน เจียงหมิง (Chen Jiongming) พันธมิตรเก่าของ ซุน หยัตเซน ขัดแย้งกับพวกเขา จนกลายเป็นศัตรู พยายามจะฆ่า ซุน หยัตเซน แต่ว่าไคเช็ก มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือซุน หยัตเซน หลบหนี
1924 กองกำลังของโกะมินตัง สามารถควบคุมกวางโจวได้แล้วโดยได้รับการสนับสนุนจากโซเวียต ไคเช็ก ได้รับคำสั่งจากซุน หยัตเซนให้เดินทางไปโซวเวียตเป็นเวลาสามเดือนเพื่อศึกษาการทหารและการปกครอง ซึ่งมีโอกาสได้พบกับทร็อต สกี (Leon Trotsky) แต่ว่าไคเช็ก เมื่อกลับมายังจีน เขาเห็นว่าระบบของโซเวียตนั้นไม่เหมาะสมกับจีน
เมื่อกลับมาไคเช็กได้รับแต่งตั้งจากซุน หยัตเซนเป็นหัวหน้าของสถาบันทหารวัมเปา (Whampoa Military Academy) แต่ว่าเขาลาออกในเวลาไม่ถึงเดือน เพราะไม่เห็นด้วยกับซุน หยัตเซน ที่ใกล้ชิดกับโซเวียตมากเกินไป
1925 12 มีนาคม, ดร. ซุน หยัตเซน เสียชีวิต
ไคเช็ก แก่งแย่งอำนาจภายในพรรคกับหวาง ชิงเว่ย (Wang Ching-Wei) สุดท้ายไคเช็ก กลายเป็นผู้นำพรรคกัวมินตัง
1926 กลายเป็นผู้บัญชาการกองทัพปฏิวัติ (National Revolutionary Army) ทหารของไคเช็ก ต่อสู้กับกองทัพแดงของเหมา ซึ่งไคเช็กสามารถเอาชนะได้ จนเหมา ต้องพาทหารเดินทางขึ้นเหนือ (Long March)
1927 เขาก่อตั้งรัฐบาลแห่งชาติ (National government) ในนานกิง
ไคเช็ก แยกตัวออกจาก First United Front เพราะปัญหากับ หวัง จิงเว่ย (Wang Jingwei) ผู้บัญชาการทหารของ NRA ในตะวันตก ซึ่งมีแนวคิดแบบซ้าย และใกล้ชิดกับคอมมิวนิสต์
เมษายน, (White Terror) ทหารของไคเซ็กทำการกวาดล้างฝ่ายคอมมิวนิสต์ครั้งใหญ่ มีคนตายในชางไห่เมืองเดียวหมื่นกว่าคน และกว่าสามแสนคนทั่วประเทศจีน ซึ่งทำให้ KMT ฝ่ายซ้ายที่ตั้งรัฐบาลอยู่ในมณฆลหวู่ฮั่น (Wuhan) แพ้ไป แต่ความสัมพันธ์ของ KMT กับโซเวียตก็สิ้นสุดไปด้วย
1 ธันวาคม, ไคเช็ก แต่งงานครั้งที่ 2 กับ ซูง เมย์หลิง (Soong May-ling) ซึ่งไคเช็กต้องเปลี่ยนไปนับถือคริสต์ ก่อนที่แม่ของเมย์หลิง จะอนุญาตให้ทั้งคู่แต่งงานกัน เมย์หลิง ได้รับการศึกษาจากสหรัฐ ทั้งคู่ไม่ได้มีลูกด้วยกัน แต่รับ เจียง เว่ยกัว (Chiang Wei-Kuo) มาเลี้ยง
1930 Central Plains War เกิดการแย่งอำนาจกันในพรรคกัวมินตัง ไคเช็ก กับอดีตพันธมิตร หยาน ซีชาน (Yan Xishan) เฟ่ง ยูเซียง (Feng Yuxian) ไหล ซงเรน (Li Zongren) รบกันบริเวณมณฑลเหอหนาน (Henan)
1931 ญี่ปุ่นบุกแมนจูเรีย , เจียงต้องลาออกจากรัฐบาลแห่งชาติ
1934 ก่อตั้ง New Life Movement เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมแบบขงจื้อ เพื่อใช้ต่อสู้กับลัทธิคอมมิวนิต์
1936 ตอนไคเช็คอยู่ในซีอาน (Xi’an) เขาถุกนายพลชาง ซูเลียง (Zhang Xueliang) เพื่อนของเขาจับตัวเอาไว้ เพื่อที่จะให้ไคเช็ค หันมาตั้ง Second United Front เพื่อที่จะร่วมมือกับคอมมิวนิสต์อีกครั้ง เพื่อที่จะต่อต้านญี่ปุ่นก่อน
1937 กรกฏาคม สงครามจีน-ญี่ปุ่น (Second Sino-Japanses War) ไคเช็กใช้ทหารที่ดีที่สุดของเขาหกแสนนายเข้าต่อสู้ เพื่อปกปอ้งชางไห่ (Shanghai) แต่ว่าต้องเสียชีวิตทหารไปกว่าสองแสนนาย
ธันวาคม ญี่ปุ่นบุกนานกิง เมืองหลวขณะนั้นไปยังชงฉิ่ง (Chongqing) และทำให้เขาเสียอำนาจควบคุมประเทศ หลายเมืองตกอยู่ในมือของญี่ปุ่น , ไคเช็ก จึงติดต่อกับเหมา เพื่อต่อสู้กับญี่ปุ่น
1939 12 ธันวาคม, ฟูเม่ย ภรรยาของไคเช็ก เสียชีวิตเพราะถูกระเบิดจากเครื่องบินรบญี่ปุ่น
1941 ไคเช็ค ส่งให้นายพล หม่า ห่งบิน (Ma Hongbing) ซึ่งเป็นมุสลิม โจมตีธิเบต เพราะว่าชาวทิเบตต้องการแยกตัว
สหรัฐยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจีน หลังจากญี่ปุ่นทิ้งระเบิดที่ฮาวาย (Pearl Harbor) นายพลโจเซฟ สติลเวลล์ (Joseop Stilwell) ถูกสหรัฐส่งมาเป็นผู้บัญชาการกองทัพอเมริกาในจีน พม่า และอินเดีย แต่ว่าโจเซฟนั้นขัดแย้งกับไคเช็ค เพราะเห็นว่าเขาเป็นผู้นำที่ไม่เข้าใจการรบสมัยใหม่และคอร์รัปชั่น
ขณะเดียวกับไคเช็กก็ไม่ได้ไว้ใจสหรัฐ เพราะกลัวว่าสหรัฐพยายามมีอิทธิพลในรัฐบาลของเขา
1944 นายพล โจเซฟ ถูกเรียกกลับสหรัฐ และถูกแทนที่ด้วยนายพลอัลเบิร์ก (General Albert Wedemeyer)
1945 เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม รัฐบาลของไคเช็ค ในชงฉิ่ง กลับเจราจาให้ญี่ปุ่นชะลอการถอนทหารออกจากจีน ก่อนที่ฝ่ายกัวมินตังของเขาจะสามารถเอาชนะคอมมิวนิสต์ให้ได้เสียก่อน
1947 25 ธันวาคม รัฐธรรมนูญใหม่ (Constitution of the Republic of China) มีผลบังคับใช้
1948 20 พฤษภาคม ไคเช็ก ได้รับการแต่งตั้งจากที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติ (National Assembly) ให้เป็นประธานาธิบดี คนแรกของสาธารณรัฐจีน
1949 21 มกราคม ไคเช็ก ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี หลังกองทัพของเขาพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ให้กับฝ่ายคอมมิวนิสต์ โดยที่ ลี ซงเรน (Li Zongren) รับตำแหน่งแทน
เมษายน , คอมมิวนิสต์ ยึดนานกิงเอาไว้ได้ , รัฐบาล ROC หนึไปอยู่ที่กวงดง (Guangdong)
1 ตุลาคม , ประธานเหมา ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China) ,
หลังคอมมิวนิสต์ยึดกวงดงได้ในเดือนตุลาคม, ลี ซงเรน หนีไปอยู่สหรัฐ
1950 ไคเช็ก ตั้งรัฐบาล ROC ใหม่บนเกาะฟอร์โมซ่า (Taiwan~Formosa)
20 พฤษภาคม, ได้รับเลือกกลับมาเป็นประธานาธิบดี
1957 Soviet Russian in China : Summing up as Seventy หนังสือชีวะประวัติของไคเช็ค ที่เขาเขียนพิมพ์ออกมา
1975 5 เมษายน , เจียง ไคเช็ก เสียชีวิต ในกรุงไทเป ด้วยวัย 87 ปี เวลา 23.50 น. ด้วยอาการปอดปวม (pneumonia)
ศพของไคเช็ค ยังคงถูกเก็บไว้ที่สุสานชิหู (Cihu Mausoleum) ภายในโลงหินอ่อนสีดำ โดยไม่ได้รับการเผา เพราะไคเช็คต้องการให้ร่างของเขาถูกนำกลับไปประกอบพิธีที่บ้านเกิด