เหมา เจ๋อตุง (毛泽东)
เหมา เกิดในรุ่งเช้าของวันที่ 26 ธันวาคม 1893 (Qing Guangxu 19 พฤศจิกายน 19)ในมลฑลฮู๋หนาน ในหมู่บ้านเชาชาน (Shaoshan village,Xingtan, Hunan Province)
พ่อของเขาชื่อ เหมา ยี่ชาง (ชันเชง) (Mao Yichang , Mao Shunsheng เป็น courtesy name ชื่อผู้ชายจีนเปลี่ยนเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ อายุเกิน 20 ปี)
พ่อของเหมามีอาชีพเป็นชาวนาที่มีฐานะร่ำรวย พื้นเพเดิมของยี่ชางมีฐานะที่ยากจน แต่ว่าเขาเริ่มทำงานเป็นครูสอนลูกคิดเพื่อหารายได้ และต่อมาได้ประสบความสำเร็จจากธุรกิจค้าข้าว
แม่ของเขาชื่อ เหวน คี เม่ย (Wen Qi Mei) เป็นหญิงชาวบ้านธรรมดา เธอนับถือพุทธ
เหมาเป็นลูกคนโต มีพี่น้องอีกสามคน คือ เหมา ซีมิน (Mao Zemin, 1889-1910) , เหมา
เหมา เริ่มเข้าเรียนในโรงเรียนตอนอายุ 8 ขวบ เป็นโรงเรียนเอกชนที่สอนตามหลักขงจื้อ Shaoshan Primary School แต่ว่าเหมาไม่ชอบอ่านปรัญชาของขงจื้อ เขากลับสนใจสามก๊ก (Romance of Three Kingdoms) และจอมยุทธเขาเหลียงซาน (Water Margin) มากกว่า
1907 เมื่ออายุ 13 ปีเหมาก็ออกจากโรงเรียนและมาทำงานเป็นเกษตรกรอยู่ที่บ้าน เหมาถูกพ่อบังคับให้แต่งงานกับ ลัว ยีซิ่ว (Luo Yixiu) ซึ่งแก่กว่าเหมากว่า 4 ปี แต่ว่าเหมาไม่ชอบเธอและทั้งคู่ไม่ได้อาศัยอยู่ร่วมกัน เหมาไม่ยอมรับว่าเธอเป็นภรรยา หลังแต่งงานเหมาหนีออกจากบ้านไปครึ่งปี
1910 ยี่ซิ่ว ภรรยาของเหมาเสียชีวิต
เหมาขณะนี้มีอายุ 16 ปี สมัครเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนต่างชาติชื่องตงชาน (Dongshan school) ในซินเจียง (Xingxiang) ซึ่งเหมาได้รับอิทธิพลจากผลงานของเหลียง คีเชา (Liang Qichao), กาง หยูเว่ย (Kang Youwei) ซึ่งทั้งสองคนมีแนวคิดสนับสนุนระบบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ
1911 ช่วงการปฏิวัติซินไห่ (Xinhai Revolution, 1911-1912) ตอนเกิดปฏิวัตินั้นเหมาอายุ 18 ปี เขาเป็นพียงแค่ผู้เห็นการปฏิวัติ เหมาสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมในเมืองชางฉา (Changsha) เมืองหลวงของหูหนาน (Hunan province) ที่นี่เป็นเมืองที่เหมือนศูนย์กลางของการปฏิวัติโค่นล้มระบอบอบจักรพรรดิของจีน ที่นี่เหมาได้อ่านงานเขียนของ ดร. ซุน หยัดเซน (Sun Yatsen) ทำให้เขาเริ่มจับปากกาเขียนบทความบ้าง
เหมาสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพของท้องถิ่นอยู่หกเดือน ก่อนที่จะลาออกมาเพื่อที่จะกลับมาเรียน แต่ว่าหลังจากนั้นเขาก็เรียนได้ไม่นาน ก็ตัดสินใจลาออก หันมาเรียนหนังสือด้วยตัวเอง โดยที่เข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด เขาสนใจด้านประวัติศาสตร์ ปรัญชา เศรษฐศาสตร์และประวัติของนักปฏิวัติตะวันตก แต่เมื่อยี่ชางพ่อของเหมาทราบก็ไม่ยอมส่งเงินมาให้เขา และในปี 1913 เหมาก็กลับเข้าไปเรียนอีกครั้ง
1913 เข้าเรียนด้านการเป็นครุศาสตร์ ที่ Forth Provincial Normal Schoool ในชางฉา ระหว่างที่เรียนเขามีบทความแรกพิมพ์ออกมา ชื่อ A Study of Physical Culture พิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ของนักศึกษาหัวรุนแรงชื่อ New Youth ฉบับเดือนเมษายน
1917 เดินทางมาปักกิ่ง เขาได้งานเป็นผู้ช่วยในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง โดยเป็นผู้ช่วยของ Li Dazhao ซึ่งต่อมาร่วมกันตั้งพรรคคอมมิวนิสต์
1918 เมษายน, ร่วมกับ ไค ฮีเซน (Cai Hesen) ก่อตั้งสมาคมซินหมิน (Xinmin Society ~ New People Society)
มิถุนายน, สำเร็จการศึกษาจาก Forth Provincial Normal Schoool
1919 แม่ของเขาเสียชีวิตจากการป่วย และต่อมาอีกเพียงสามเดือนพ่อของเหมาก็เสียชีวิตตามไปอีกคน
กรกฏาคม , ร่วมก่อตั้งสมาคมสหภาพนักศึกษา (United Student Association) และทำแม็กกาซีน Xiangjing Review เป็นแนวร่วมเดินขบวนต่อต้านจักรวรรดิญี่ปุ่นที่รุกรานจีน และต่อต้านรัฐบาลจึน Beiyang Government ที่ยอมให้ญี่ปุ่นเข้ามายึดดินแดนจีนและธุรกิจหลายอย่างของชาติไป แต่ว่าไม่นานสมาคมสหภาพนักศึกษาและหนังสือพิมพ์ก็ถูกเจ้าหน้าที่สั่งให้ยุบตัว
ช่วงปลายปีเหมา เดินทางมาอยู่ที่ปักกิ่ง เพราะว่าหยาง ชางจี (Yang Changji) ครูใหญ่ของโรงเรียนเดิมของเหมาได้ย้ายมาประจำที่มหาวิทยาลัยปักกิี่ง ซึ่งหยาง ชางจี ช่วยให้เหมาได้งานเป็นบรรณารักษ์ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง
เหมาได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์การปฏิวัติในรัสเซีย ทำให้เร่ิมสนใจแนวคิวแบบสังคมนิยม ซึ่งเหมาบอกว่าเริ่มแรกเขาชอบแนวคิดของโคป๊อตกิ้น (Peter Kropotkin) ซึ่งเป็นฝ่ายอนาธิปไตย มากกว่าแนวคิดคอมมิวนิสต์แบบมาร์กซหรือเลนิน ซึ่งเหมาเห้นว่าเป็นพวกนิยมรุนแรงและเน้นแต่การใช้กำลัง , นอกจากนั้นนักเขียนจีนที่เหมาสนใจในเวลา เช่น กวาง หยูเว่ย (Kang Youwei), เหลียง คีเชา (Liang Qichao)
และเขียน The Voice of the Revolution, Bloodless Revolution
1920 แต่งงานครั้งที่สองกับ หยาง กัวฮุย (Yang Kauhui) เธอมีอายุมากกว่าเหมา 8 ปี เป็นลูกสาวของหยาง ชางจี ครูใหญ่ของโรงเรียน Hunan First Normal School
24 ตุลาคม, เหมา อันยิ่ง (Mao Anying) ลูกชายคนแรกของเหมากับกัวฮุย เกิดขึ้นมา ซึ่งภายหลังในปี 1936 เหมา อันยิ่งถูกส่งไปศึกษาที่มอสโคว์ โดยตอนเรียนหนังสือในรัสเซียเขาใช้ชื่อปลอมว่า Xie Liaosha และเสียชีวิตจากระเบิดในปี 1950 ในสงครามเกาหลี
1921 23 กรกรฏาคม , มีการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งแรกในชางไห่ มีตัวแทนมาประชุมกัน 13 คน และมีผู้แทนจากโซเวียตเข้าร่วมด้วย
สิงหาคม, หลังการประชุม เหมากลับมาที่หูหนานและตั้งสาขาของพรรคคอมมิวนิสต์ และเขาก่อตั้งโรงเรียน Hunan three divisions ขึ้นมาเป็นโรงเรียนไม่เป็นทางการที่เน้นการศึกษาด้วยตนเอง เกี่ยวกับผลงานของนักสังคมนิยม
1922 มีการประชุมพรรคคอมมิวนิตส์ครั้งที่ 2 ในเดือนกรกฏาคม ในช่างไห่ แต่ว่าเหมาพลาดการประชุมเพราะว่าหลงทาง หาสถานที่ประชุมไม่เจอ ในที่ประชุมพูดถึงข้อเสนอของโซเวียต ที่เสนอให้คอมมิวนิสต์จีนร่วมมือกับพรรคก๊กมินตั๋งของซุน หยัตเซน
1923 มิถุนายน , ร่วมการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 3 ในกวางโจว (Guangzhou) โดยในที่ประชุมมีมติให้สมาชิกร่วมเคลื่อนไหวกับพรรคกัวมินตั๋ง (Koumintang) ในการโค่นรัฐบาล Beiyang Government
1924 มกราคม, เข้าร่วมการประชุมของพรรคกัวมินตั๋ง ครั้งแรกที่จัดขึ้นในประเทศจีน ที่กวางโจว (Canton)
1925 เหมามีอาการป่วย และไม่ได้เข้าร่วมประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 4 เหมาเดินทางกลับไปหูหนานเพื่อรักษาอาการ
พฤษภาคม, ดร. ซุน หยัดเซน เสียชีวิต , เจียง ไคเช็ค กลายเป็นผู้นำทหารของกัวมินตั๋ง , เจียง ไคเช็ค นั้นไม่สนับสนุนให้เหมา มีตำแหน่งระดับสูงภายในพรรคกัวมินตั๋ง แต่เหมานั้นยังทำงานร่วมกับกัวมินตั๋งต่อเพระว่าต้องการล้มรัฐบาล Beiyand ให้ได้ก่อน
1927 Investigation Report on the Peasant Movement in Hunan
12 เมษายน (April 12 incident) เจียง ไคเช็ก หันมากวาดล้างคอมมิวนิสต์ ในชางไห่ โดยสังหารคอมมิวนิสต์ไปกว่าห้าพันคนโดยเป็นระดับแกนนำของพรรคกว่า 19 คน ,เขาขับไล่โบโรดิน (Borodin) ซึ่งเป็นผู้ประสานของที่โซเวียตส่งมากลับไป
1 สิงหาคม, การปะทะที่หนานชาง (Nanchang Uprising) เป็นการต่อสู้กันครั้งแรกอย่างเป็นทางการระหว่าพรรคคอมมิวนิสต์และกัวมินตั้ง
กันยายน, เหมา พยายามพยายามก่อการประท้วงในหูหนาน (Autumn Harvest Uprising) แต่ว่าทหารของกัวมินตั๋งสามารถปราบปรามเอาไว้ได้
1928 ภรรยาคนที่สาม (He Zizhen, 1910-1984) เธอเป็นทหารหญิงในพรรคที่เชี่ยวชาญการทำสงครามกองโจร
1929 เหมาพาทหารและพรรคคอมมิวนิสต์ย้ายมาตั้งศูนย์กลางใหม่ที่เจียงซี (Jiangxi) ในขณะที่กัวมินตั้งวางแผนโดยการพยายามโอบล้อมเมือง
1930 พฤษภาคม, เดินทางไปชางไห่ (Shanghai)
23 กรฏภาคม, การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งแรกในชางไห่ เหมาร่วมประกาศก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์
24 ตุลาคม, ภรรยาของเหมา และเหมา อันยิ่ง ลูกชาย ถูกนายพลไห่ จาง (Hei Jang) ของพรรคกัวมินตั๋ง จับตัวไป
4 พฤศจิกายน, หยาง กัวฮุย ถูกทรมานและสังหารจนเสียชีวิต
1934 ลองมาร์ช (Long March) เหมาพาผู้สนับสนุนกว่าแสนคนเดินเท้า ผ่าการปิดล้อมของกัวมินตั้ง โดยเดินทางขึ้นไปทางเหนือของเจียงซีเป็นระยะทาง 6,000 ไมล์ ระหว่างทางซีเซนให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่งกับเหมา แต่เพื่อความปลอดภัยทารกถูกฝากไว้กับชาวบ้าน แต่ว่าภายหลังเหมาพยายามตามหาตัวลูกสาวคนนี้แต่ไม่เคยได้พบอีกเลย
1935 ตุลาคม, เดินทางมาถึงฉานซี (Shaanxi) ที่มั่นใหม่ของพรรค
1936 พรรคคอมมิวนิสต์และกัวมินตั้ง ตกลงกลับร่วมมือกันในการต่อสู้กับญี่ปุ่นก่อน (Second United Front)
1937 22 สิงหาคม, การประชุมหลัวชวง (Luochuang conference) ในฉานซี พรรคคอมมิวนิสต์ประกาศแผน Ten-Point Program for Resisiting Japan and Saving the Nation เพื่อต่อต้านญี่ปุ่น
เขียน The Red Book of Guerrilla Warfare
1938 เหมาหย่ากับซีเซน
พฤศจิกายน , แต่งงานกับ เจียง ขิง (Jiang Qing) เธอมีอาชีพเป็นนักแสดง รู้จักกันในชื่อมาดามเหมา (Madame Mao)
1944 (Dixie Mission) สหรัฐหันมาให้การสนับสนุนฝ่ายคอมมิวนิสต์มากกว่ากัวมินตั๋ง เพราะเห็นว่ามีปัญหาการคอรัปชั่นภายในน้อยกว่า และมีความเป็นปึกแผ่นมากกว่า
1948 กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนของเหมา สามารถขับไล่กัวมินตั๊งออกจากแผ่นดินใหญ่ได้ จนกัวมินตั๋งต้องหนีไปอยู่ที่ไต้หวัน
1949 1 ตุลาคม , ที่จตุรัสเทียนอันเหมิน เหมาประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน
1958 แผนห้าปีฉบับที่ 2 (Great Leap Forward, 2nd 5 yers Plan) , การประชุมพรรคครั้งที่ 8 เหมาประกาศแผน 5 ปี ฉบับใหม่ เชาต้องการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ เขาต้องการเพิ่มผลผลิต เหล็ก ถ่านหิน แผนนี้มีผลระหว่างปี 1958-1961 แต่ว่าผลของแผนนี้ล้มเหลวสิ้นเชิงจนเกิดวิกฤตขาดแคลนอาหารเป็นสาเหตุให้คนจีนประมาณ 20-50 ล้านคน เสียชีวิต เพราะถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงาน และภาวะอดอยากจากการเกษตรกรรมที่ล้มเหลว
31 กรกฏาคม ครุสเชฟ (Nikita Khrushchev) เดินทางเยือนจีน ซึ่งการเจรจาระหว่าครุสเชฟและเหมา ทำให้ความสัมพันธ์ของโซเวียตและจีนถดถอย และโซเวียตถอนความช่วยเหลือออกไป ขณะนั้นครุสเชฟเริ่มนโยบายล้างภาพลักษณ์ของสตาลินออกไป (de-Stalinization) แต่ว่าจีนของเหมาให้ความเคารพสตาลิน
1966 ปฏิวัติวัฒนธรรม (Cultural Revolution) เหมาวิตกจริตว่าพวกสนับสนุนทุนนิยมกำลังแทรกซึมเข้ามาภายในพรรค เขาจึงตั้งหน่วย Red Guard ขึ้นมาทั่วประเทศ โดยมีสมาชิกทั้งทหารและประชาชน เพื่อปราบปรามผู้ต้องสงสัย เรดการ์ดทำลายงานเขียนและศิลปะวัตถุของชาติจีนไปจำนวนมาก โรงเรียนหลายแห่งถูกปิด นักศึกษาถูกจับส่งไปตามชนบทและบังคับให้เรียนใหม่โดยให้เกษตรกรเป็นคนสอน
The Little Red Book หนังสือรวมคำคมของเหมาพิมพ์ออกมา ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คอมมิวนิสต์จีนเหมือนตำราวิเศษ
1971 สิงหาคม (Lin Biao incident , Project 571 Outline) ระหว่างที่เหมาเดินทางลงใต้ นายพลหลิน เบา (Lin Biao) พยายามจะสังหารเหมา โดยวางแผนจะยึดรถไฟขบวนที่เหมาจะใช้เดินทางขากลับปักกิ่ง แต่ว่าแผนของหลิน เบา ถูกการ์ดของเหมาล้มแผนการนี้ได้เสียก่อน
1972 มกราคม เหมาเกิดอาการช็อคหมดสติ หลังจากพักรักษาตัว เขาเริ่มมองไม่เห็น และสุขภาพก็ไม่เคยกลับมาแข็งแรงอีก
1976 9 กันยายน, เวลา 0.10 p.m. เสียชีวิตในปักกิ่ง อายุ 83 ปี ร่างของเหมาถูกนำไปไว้ที่ศาลาประชาชนจีนที่จตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งมีประชาชนกว่าล้านคนมาเคารพศพ ก่อนที่ต่อมาจะถูกย้ายไปยังสุสานขนาดใหญ่ (Mausoleum of Mao Zedong) ซึ่งใช้เวลาสร้างขึ้นเพียงหกเดือนหลังเหมาเสียชีวิตก็แล้วเสร็จ ร่างของเหมาถูกสตาฟจัดแสดงไว้ที่นั่น แม้ว่าตัวเหมาเองได้มีประกาศเจตนารมณ์ไว้ในกฏหมายให้เผาศพผู้นำทุกคนก็ตาม ศพจริงของเหมาเปิดให้เฉพาะครอบครัวและผู้นำระดับสูงของจีนเข้าไปดูเท่านั้น ส่วนร่างที่แสดงให้ประชาชนดูเป็นหุ่นขี้ผึ้ง เล่ากันว่าร่างของเหมาถูกมัมมีด้วยเทคนิคที่แย่ทำให้ร่างของเขาเสียรูปไปจากเดิม