Life does not come with instructions on how to live, but it does come with trees, sunsets, smiles and laughter, so enjoy your day.

ชีวิตไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือการใช้ชีวิต

แต่ชีวิตมาพร้อมกับต้นไม้, พระอาทิตย์ตก, รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ 

―Debbie Shapiro

Khalil Gibran

คาลิล จิบราน (Gibran Khalil Gibran)
ผู้เขียน The Prophet 

จิบราน เกิดวันที่ 6 มกราคม 1883 ในหมู่บ้านบชาร์รี (Bsharri) เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ตั้งอยู่ในตอนเหนือของเทือกเขาเลบานอน ซึ่งเวลานั้นเป็นดินแดนกึ่งปกครองตัวเองของอาณาจักรอ๊อตโตมาน 
แม่ของจิบรานชื่อ คามิล่า (Kamila) เป็นลูกสาวของนักบวชในคริสต์นิกายแคโธริก พ่อของจิบรานเป็นสามีคนที่สามของพ่อ 
ครอบครัวของเขามีฐานะยากจนและจิบรานไม่เคยเข้าเรียนในโรงเรียนตามหลักสูตรปกติ แตว่าเขาเรียนการอ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ลโดยมีพระเป็นผู้สอน ทำให้จิบรานสามารถใช้ภาษาอารบิกและภาษาซีเรียได้อย่างดี
พ่อของจิบรานนั้นทำงานเป็นหมอแบบโบราณ (apothecary) แต่ว่าเขาก็ติดการพนันจนมีหนี้สินมากมาย และต่อมาได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของอ๊อตโตมาน แต่ราวปี 1891 พ่อของจิบรานถูกให้ออกจากงานและถูกจับ
1895 มิถุนายน แม่ของจิบรานพาสมาชิกครอบครัวที่เหลือ  ปีเตอร์ (Peter) พี่ชายต่างพ่อของจิบราน, น้องสาวชื่อ มาเรียน่า (Marianna) กับซุลตาน่า (Sultana),เดินทางตามพี่ชายของเธอมายังสหรัฐอเมริกา ในสหรัฐนั้นพวกเขามาอาศัยอยู่ในสลัมของเมืองบอสตัน รัฐนิวยอร์ก (Boston, New York) ซึ่งเป็นชุมชนที่มีชาวซีเรียเลบานอนอพยพมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แม่ของจิบรานเริ่มทำงานเป็นช่างเย็บเสื้อผ้า และขายผ้าผืนแบบเดินเคาะประตูตามบ้าน
30 กันยายน, จิบราน เริมเข้าเรียนหนังสือในโรงเรียน ซึ่งเป็นคลาสพิเศษที่สอนผู้อพยพให้พูดภาษาอังกฤษ
ต่อมาจิบรานได้สมัครเข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะ ซึ่งทำให้เขาได้รู้จักกับ เฟรด ฮอลแลนด์ เดย์ (Fred Holland Day) ซึ่งเป็นศิลปินระดับแนวหน้าของเมืองในเวลานั้น 
1898 ตอนอายุ 15  จิบรานเดินทางกลับไปยังเลบานอน และเข้าเรียนที่สถาบันอัลฮิกแมต (al-Hikmat institute~College of Science) ในกรุงเบรุต โดยเรียนภาษาอารบิกและฝรั่งเศส เขาเริ่มทำหนังสือแม็กกาซีน ชื่อ College Poet 
1902 เดินทางกลับมายังบอสตัน แต่ก่อนเขาจะเดินทางกลับมาถึง ซุลตาน่า น้องสาวก็เสียชีวิตไปก่อนด้วยโรควัณโรค
1903 ปีเตอร์พี่ชายของเขาก็เสียชีวิตด้วยอาการวัณโรค และปีเดียวกันนี้แม่ของจิบรานก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง จิบรานยังคงทำงานของตัวเองต่อไปได้โดยอาศัยมาเรียน่าน้องสาวเป็นคนทำงานตัดเย็บเสื้อผ้า 
1904 มีการจัดแสดงผลงานของตัวเองครั้งแรกที่ Day’s Studio ในบอสตัน ในเวลานี้จิบรานเป็นศิลปินที่วาดภาพด้วยสีน้ำ ระหว่างนิทรรศการณ์นี้จิบรานได้พบกับแมรี ฮาสเกลล์ (Mary Elizabeth Haskell) แม้ว่าเธอจะมีอายุแก่กว่าจิบรานสิบปี แต่ว่าทั้งคู่พัฒนาความสัมพันธ์ไปเป็นเพื่อนและคนรักของกันและกันตลอดอายุชีวิตของจิบราน แต่ว่าไม่เคยจะได้แต่งงานกัน เพราะครอบครัวฝ่ายหญิงที่มีหัวอนุรักษ์

เขาเริ่มทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ Al-Muhajir ซึ่งพิมพ์ในนิวยอร์ค 
1905 เริ่มมีผลงานเขียนตีพิมพ์เป็นภาษาอารบิก 
1908 เข้าเรียนศิลปะเพิ่มเติมที่โรงเรียนศิลปะในปารีสนานสองปี 
1910 เดินทางกลับมาสหรัฐและตั้งบริษัท al-al-Dahabiyya flatters (The golden link) ซึ่งรณรงค์ให้มีการปลดปล่อยดินแดนอาหรับจากอ็อตโตมาน
1912 พ่อของจิบรานเสียชีวิตในเลบานอน 
1918 The Madman เป็นผลงานแรกที่เป็นภาษาอังกฤษ
1920 ก่อตั้งสมาคมนักเขียน al-al-Rabitah Qalamiyah (The Literary League) โดยที่จิบรานเป็นประธาน
1923 The Prophet พิมพ์ออกมาและกลายเป็นผลงานที่ทำให้เขามีชื่อเสียงที่สุด
1931 10 เมษายน เสียชีวิตในนิวยอร์ค ขณะอายุ 48 ปี สาเหตุจากอาการตับแข็ง (cirrhosis) และวัณโรค โดยที่ตลอดชีวิตเขาไม่เคยได้สัญชาติอเมริกันเลย 
1932 21 สิงหาคม, ร่างของจิบรานถูกนำกลับไปฝังในเลบานอนตามความต้องการก่อนสิ้นลม โดยอยู่ที่สุสานมาร์ ชาร์กิส (Mar Sarkis monastery) 

ผลงานบางส่วน 

  • Rebel Spirits, 1903
  • The Music, 1905
  • Spirits Rebellious, 1908
  • The Broken Wings, 1912
  • A Ter and A Smile, 1914
  • The Procession, 1918
  • The Madman, 1918
  • The Forerunner, 1920
  • The Prophet, 1923
  • Sand and Foam, 1926
  • Jesus, The Son of Man, 1928
  • The Earth Gods, 1931
  • The Wanderer, 1932
  • The Garden of the Prophet, 1933
  • Lazarus and his beloved, 1933
Don`t copy text!