Happiness held is the seed.

Happiness shared is the flower.

ความสุขที่เก็บเอาไว้คือเมล็ด

ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ 

John Harrigan

Dante Alighieri

แดนเต้ อลิกิอีรี (Dante Alighieri )

ผู้เขียน The Divine Comedy
แดนเต้ เกิดประมาณปี ค.ศ.  1265 ในสาธารณรัฐฟลอเรนซ์ (Repulice of Florence) พ่อของแดนเต้นชื่อ อลากิอีโร่ (Alaghiero di Bellincione) อลากิอีโร่ นั้นเป็นพวกกูเอลฟ์ ฝ่ายขาว (White Guelph) คือชื่อที่ใช้เรียกคนที่สนับสนุนพระสันตะปาปา ซึ่งมีปัญหากับกลุ่มกิเบลลีน (Ghibellines) ที่เป็นฝ่ายสนับสนุนจักรวรรดิโฮรี่โรมัน
แม่ของแดนเต้ชื่อเบลล่า (Bella) นางเสียชีวิตตอนที่แดนเต้อายุไม่ถึง 10 ปี  หลังจากนั้นพ่อของแดนเต้ก็มีภรรยาใหม่ชื่อ ลาปา (Lapa di Chiarissimo Cialuffi) ซึ่งลาปาให้กำเนิดลูก 2 คน คือฟรานเซสโค่ (Francesco) กับ ทาน่า (Tana)
ตอนแดนเต้อายุ 12 ปี แดนเต้ถูกหมั่นหมายกับ เกมม่า โดนาติ (Gemma di Manetto Donati) ซึ่งโดนาติเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลตระกูลหนึ่งในเวลานั้น  
แต่ว่าเวลานั้นแดนเต้ มีคนรักอยู่แล้วชื่อเบียทริซ (Beatrice Portinari) พวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่ตอนแดนเต้อายุ 9 ขวบ แดนเต้เหมือนกับว่าจะหลงรักเบียทริซตั้งแต่แรกพบ เธอเป็นผู้หญิงที่มีอิทธิพลต่อเขาในการเขียน The Divine Comedy
1285 แดนเต้ กับเกมม่า แต่งงานกัน  พวกเขามีลูกด้วยกันอย่างน้อยสามคน ที่ทราบชื่อคือ เฟียโตร (Pietro) , จาโคโป (Jacopo) และ แอนโทเนีย (Antonia)
1289 11 มิถุนายน, แดนเต้ร่วมกับฝ่ายกูเอลฟ์รบในสมรภูมิแคมปาลดิโน่ (Battle of Campaldino) ซึ่งฝ่ายกูเอลฟ์มีชัยชนะเหนือฝ่ายกิเบลลีน แต่หลังจากชนะกิเบลลีนแล้ว , พวกกูเอลฟ์ แตกออกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายสีขาว (White) และฝ่ายสีดำ (Black) โดยฝ่ายสีดำให้การสนับสนุนพระสันตะปาปาอย่างยิ่ง แต่ฝ่ายสีขาวนั้นต้องการเสรีภาพที่มากกว่าจากโรม แดนเต้และครอบครัวนั้นอยู่ฝ่ายสีขาว ฝ่ายสีขาวนั้นเริ่มขับไล่ฝ่ายสีดำออกจากฟลอเลนซ์และเป็นฝ่ายมีอำนาจ  
1290 เบียทริซ เสียชีวิต ซึ่งหลังจากนางตายแดนเต้ทุมเทชีวิตให้กับการศึกษา แม้ว่าไม่ทราบประวััติการศึกษาของแดนเต้มากนัก แต่ทราบว่าเขาสนใจงานเขียนของชาวตัสคานี  (Tuscany) ออกซิตัน (Occitan)  และสามารถใช้ภาษาลาตินได้ 
1294 เริ่มมีตำแหน่งทางการเมือง โดยแดนเต้ มีความใกล้ชิดกับชาร์ล มารเทล แห่งแอนจัว (Chrles Martel of Anjou) ซึ่งเป็นหลานของชาร์ล ที่ 1 แห่งเนเปิ้ล (Charles I of Naples) 
1295 แดนเต้ พิมพ์หนังสือชื่อ La Vita Nuoya (The New Life) เพื่อระลึกถึงเบียทริซ  
1295 เข้าร่วมกับ Medical Corporation 
1300 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น priore 
1301 ชาร์ล แห่งดาวา (Charles of Valois) พระอนุชาของกษัตริย์ฟิลิป ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส (Philip IV , King of France) นำกองทัพบุกมายังฟลอเลนซ์rพร้อมพวกกูเอลฝ่ายสีดำ โดยได้รับการสนับสนุนจากพระสันตะปาปานิเฟซ ที่  8 (Pope Boniface VIII) 
1302 แดนเต้ถูกขับออกจากฟลอเลนซ์
1304 อยู่ในโบร็อกน่า (Bologna) และเริ่มเขียนผลงานภาษาลาติน De Vulgari Eloquentia (The Eloquent Vernacular) 
1306 สิงหาคม, มาอยู่ในปาดัว (Padua) หลังถูกขับออกจากโบร็อกน่า 
1307 ที่อยู่ของแดนเต้ในช่วงนี้ไม่แน่ชัด แต่บ้างว่าเขาอยู่ในปารีสระหว่างปี 1307-1309 
1308 เฮนรี่ แห่งลักเซมเบิร์ก (Henry of Luxembourg) ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิของโฮรี่โรมัน โดยพระนามว่า เฮนรี่ ที่ 7  (Henry VII) 
1310  จักรพรรดิ เฮนรี่ ที่ 7 ยกทัพมายังอิตาลี และสามารถยึดฟลอเลนซ์จากฝ่ายกูเอลสีดำได้  ช่วงแรกพระองค์ได้รับความนิยมสูง และแดนเต้เขียน De Monarchia สามเล่ม และนำส่งไปถวาย ซึ่งหนังสือสนับสนุนการปกครองของเฮนรี่ ที่ 7 
1313 แดนเต้มาอยู่ในเวโรน่า (Verona) โดยการคุ้มครองของแคนเกรด ที่ 1 (Cangrande I dell Scala)
1314 แดนเต้เขียน Inferno เสร็จ ซึ่งเป็นบทหนึ่งของ The Divine Comedy แต่ว่าสถานที่อยู่ของแดนเต้ช่วงนี้ก็ไม่แน่ชัดอีกเช่นกัน
1315  ความผิดของแดนเต้และพวกกูเอลฝ่ายขาวส่วนใหญ่ได้รับการอภัย โดยโทษประหารชีวิตของแดนเต้ถูกลดเหลือเป็นการกักบริเวณไว้ภายในบ้าน แต่แดนเต้ยังคงปฏิเสธที่จะกลับมายังฟลอเลนซ์ 
1318 เดินทางมายังราเวนน่า (Ravenna) ตามคำเชิญของเจ้าชายกิโด (Prince Guido Novello da Polenta) และเขียน The Divine Comedy จนสำเร็จ มันแบ่งเป็นสามส่วน คือ Inferno, Purgatory, Paradise
1321 ถูกส่งให้เป็นทูตเดินทางไปยังเวนิช 
ในคืนวันที่ 13 ต่อวันที่ 14 กันยายน, แดนเต้ วัย 56 ปี เสียชีวิตระหว่างทางที่จะกลับมาราเวนน่า  สันนิษฐานว่าเขาป่วยด้วยโรคมาลาเรีย ร่างของแดนเต้ถูกฝังที่โบสถ์ซานฟรานเซสโก (San Pier Maggiore’s Church ~ San Francesco’s) 
1348 Vita di Dante (Trattatello in laude di Dante) เป็นหนังสือชีวประวัติของแดนเต้เล่มแรก เขียนโดยจิโอวานี บ๊อกแคคคิโอ (Giovanni Boccaccio)
Don`t copy text!