Life is filled with unanswered questions, but it is the courage to seek those answers that continues to give meaning to life. You can spend your life wallowing in despair, wondering why you were the one who was led towards the road strewn with pain, or you can be grateful that you are strong enough to survive it.

ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ไร้คำตอบ, มันต้องใช้ความกล้าในการค้นหาคำตอบที่ให้ความหมายของการมีชีวิต คุณอาจจะใช้ชีวิตติดกับความผิดหวัง และสงสัยว่าทำไมมีเพียงแต่คุณที่ต้องเดินไปบนถนนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเพียงลำพัง หรือคุณอาจจะรู้สึกขอบคุณตัวเองที่เข้มแขึงและยืนหยัดอยู่ได้

J.D. Stroube, Caged by Damnation

Inessa Armand

อิเนซซ่า อาร์มันด์ (Инесса Фёдоровна Арманд)

ชู้ของเลนิน

ชื่อจริงของเธอคือ อลิซาเบธ-อิเนซ ดิ’เฮอร์เบนวิลล์ (Elizabeth-Ines Pesho d’Herbenvill) เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 1874 (16 มิถุนายน O.S) ในกรุงปารีส เธอเป็นลูกสาวของนักร้องโอเปร่า สตีเฟ่น ธีโอดอร์ (Stephen Theodore) กับนาตาลี ไวด์ (Natalie Wild) เป็นนักแสดงตลก และนักร้องโอเปร่า ภายหลังผันตัวเองมาเป็นครูสอนร้องเพลง 

พ่อของเธอเสียชีวิตตอนที่เธออายุ 5 ขวบ หลังจากนั้นแม่จึงได้พาเธอไปอยู่อาศัยอยู่กับป้าซึ่งอาศัยอยู่ในมอสโคว์ และแม่ของเธอจึงได้เริ่มเป็นครูสอนร้องเพลงและสอนภาษาฝรั่งเศส

1893 เมื่ออายุ 19 ปี เธอแต่งงานกับอเล็กซานเดอร์ อาร์มันด์ (Alexaner Armand) ลูกชายของนักธุรกิจโรงงานทอผ้าที่มีฐานะร่ำรวย ทั้งคู่มีลูกด้วยกันสี่คน, ช่วงเวลานี้เธอใช้ชีวิตทำงานการกุศลและเปิดมูลนิธิสนับสนุนสตรี

1902 เธอแยกทางจากสามี และไปอยู่กับสามีคนใหม่ชื่อวลาดิมีร์ (Vladimir) ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มอายุ 18 ปี

1903 ให้กำเนิดลูกชาย ซึ่งเป็นลูกคนที่ห้าของเธอ 

1905 เธอเข้าร่วมกับพรรค RSDLP (Social Democratic Labouur Party) และร่วมเคลื่อนไหวในช่วงการปฏิวัติ 1905-1907

1907 เธอถูกจับและถูกตัดสินเนรเทศไปอยู่ที่เมเซ่น (Mezen)  ทางตอนเหนือของรัสเซีย

1908 วลาดิมีร์เสียชีวิตระหว่างที่เขาและอิเนซซ่าลักลอบเข้าไปในสวิสเซอร์แลนด์ โดยใช้เอกสารปลอม วลาดิมีร์ตายด้วยอาการวัณโรค

หลังจากนั้นอิเนซซ่า ไปอาศัยอยู่ในบรัสเซลส์ และเข้าเรียนด้านเศรษฐศาสตร์  ระหว่างนี้เธอยังมีการติดต่อกับนักปฏิวัติในรัสเซียอยู่ 

1909 ได้มีโอกาสพบกับเลนิน (Vladimir Lenin) ในกรุงปารีส ซึ่งขณะอิเนซซ่ามีอายุ 35 ปี  และเลนินอายุ 39 ปี 

ขณะนั้นเลนินแต่งงานอยู่แล้วกับนาเดชด้า ครุปสกาย่า (Nadezhda Krupskaya) ตั้งแต่ปี 1896 

เลนินและนาเดซด้าเดินทางมาอาศัยอยู่ในปารีสเป็นเวลา 4 ปี (1909-1912) ว่ากันว่านาเดชด้าพยายามขอแยกทางจากเลนินหลายครั้ง แต่ถูกรั้งไว้ และกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างคนรักสามคน แต่ในที่สุดแล้วนาเดซด้าเปิดใจยอมรับอิเดซซ่า

1912 เขียนบทความลงในใบปลิว โดยหัวข้อ on the woman question ซึ่งสนับสนุนเสรีภาพในการแต่งงานของสตรี

กรกฏาคม, เธอเดินทางกลับมารัสเซีย เพื่อรณรงค์ให้มีการสนับสนุนพรรคบอลเชวิคในการเลือกตั้งผู้แทนราษฏร์ แต่ว่าสองเดือนถัดมาเธอถูกจับ

1913 มีนาคม, หลังได้รับการปล่อยตัวได้เดินทางออกจากรัสเซียไป เธอเดินทางกลับไปหาเลนินและนาเดซด้า ซึ่งตอนนี้อยู่ที่กาลิเซีย (Galicia) โปแลนด์, เธอและนาเดซด้าร่วมกันทำหนังสือ Rabotnitsa ซึ่งเป็นแม็กกาซีนสำหรับสตรี

1914 ช่วงสงครามโลกเธอทำหน้าที่โฆษณาชวนเชื่อในหมู่แรงงานฝรั่งเศสเรียกร้องให้หยุดทำงานให้กับฝ่ายพันธมิตร

1917 เมษายน, เธอนั่งรถไฟพิเศษ (Sealed Train) ขบวนเดียวกับเลนินใช้เพื่อกลับมายังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และเธอได้รับตำแหน่งคณะกรรมการของพรรคบอลเชวิคประจำเขตมอสโคว์ (Moscow Regional Committee) 

หลังการปฏิวัติตุลาคม เธอได้รับตำแหน่งประธานสภาเศรษฐกิจของมอสโคว์ (Moscow Economic Council) 

1918 เธอถุกส่งไปดูแลทหารรัสเซียซึ่งอยู่ในฝรั่งเศส เธอถูกทางการฝรั่งเศสจับแต่ต่อมาได้รับการปล่อยตัว

เมื่อกลับมารัสเซียเธอได้รับผิดชอบงานด้านสตรีของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ 

1920 กรกฏาคม, เธอมีส่วนช่วยจัดการประชุมสตรีคอมมิวนิสต์ ครั้งที่ 1 (1st International Conference of Communist Women) 

24 กันยายน, เธอเสียชีวิตด้วยโรคอหิวาห์ ในเมืองเบสลัน (Beslan) เธอเดินทางมาแถบคอเคซัสนี้เนื่องจากลูกชายของเธอป่วยด้วยวัณโรคเธอจึงเดินทางมาพักรักษาตัวในที่มีอากาศดี

ร่างของอิเนซซ่าถูกนำไปเผาที่จุดนาโครโปลิสข้างกำแพงเครมลินในมอสโคว์

ลูกของอิเนซซ่า ได้รับการอุปการะโดยนาเดซด้า , อิเนซซ่าใช้นามปากา Elena Blonina

Don`t copy text!