ดาชิ-ดาร์โช อิติกิลอฟ (Даши-Доржо Итигэлов)
ปันดิโด คัมโบ ลามะ องค์ที่ 12
อิติกิลอฟ เกิดในปี 1852 ในเมืองอุลซิ-โดโด ในสาธารณรัฐเบอร์ยาเทีย (Ulsi-Dodo, Ivalginsky district,Buryatia republic, Russia)
เมื่ออายุ 16 ปี ได้เข้าศึกษาธรรมะ ที่วัดแอนนินสกี (Anninsky Datsan, Khorinsk district) ทางตะวันออกของเบอร์ยาเทีย ห่างจากบ้านที่พระองค์เกิดไปราวสามร้อยไมล์ ท่านใช้เวลาในการศึกษาที่นี้นานกว่า 23 ปี โดยพระองค์ได้เรียนรู้วิชาแพทย์แบบธิเบตและปรัชญาด้วย หลังจากนั้นท่านได้เขียนสาธานุกรมตำหรับยาขึ้นมา
1898 เดินทางกลับมาอยู่ในบ้านเกิด และไปจำวัดอยู่ที่วันอันกาซินสกี (Angazinski Datsan)
1911 ได้รับแต่งตั้งเป็น ปันดิโด คัมโบ ลามะ (Pandido Khambo Lama) องค์ที่ 12 “ปันดิโด คัมโบ ลามะ” เป็นตำแหน่งผู้นำสงฆ์นิกายลามะในสาธารณรัฐเบอร์ยาเทีย และถือเป็นตำแนห่งสูงสุดของผู้นำชาวพุทธในรัสเซีย
1914 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้ให้ความช่วยเหลือในการสนับสนุนกองทัพรัสเซีย ในการหาสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น เงินทุน และช่วยรักษาทหารที่บาดเจ็บ ทำให้หลังสงครามสงบลง
1915 ได้รับรางวัล Order of the Precious rod (Эрдэнийн Очир)จากมองโกเลีย
1916 พระองค์ได้รับเหรียญตรา Order of St. Anna จากการช่วยเหลือประเทศเมื่อครั้งสงคราม
1917 ช่วงการปฏิวัติในรัสเซีย พระองค์ได้ลาออกจากตำแหน่งปันดิโด คัมโบ ลามะ ช่วงที่คอมมิวนิสต์คุกคามพระสงฆ์ในประเทศอย่างหนัก อิติกิลอฟลามะ ได้แนะนำให้พระสงฆ์องค์อื่นๆ หนีออกไป ในขณะที่พระองค์ไม่ได้คิดจะหนี
1927 15 มิถุนายน, ช่วงที่อิติกิลอฟลามะ กำลังจะละสังขาร พระองค์ได้นั่งสมาธิพร้อมกันลามะรูปอื่นๆ จนกระทั้งหยุดลมหายใจจากไปอย่างสงบ หลังจากนั้นได้มีการทำร่างของพระองค์ใส่ในกล่องไม้สี่เหลี่ยม ในลักษณะท่าทางที่พระองค์ได้สิ้นลมท่านั่งสมาธินั้นและนำไปฝังในสุสาน
1955 ในสมัยของ ปันดิโด-คัมโบ ลามะ องค์ที่ 17, ลุบซาน-นีมอย ดาร์มาเยฟ (Лубсан-Нимой Дармаевым) ได้มีการนำร่างของอิติกิลอฟลามะขึ้นมาจากสุสาน ตอนนั้นพบว่าร่างของพระองค์ท่านไม่เน่าเปื่อย จึงได้ประกอบพิธีและทำการเปลี่ยนผ้าจีวรก่อนนำกลับไปไว้ในสุสาน
1973 สมัยของ ปันดิโด-คัมโบ ลามะ องค์ที่ 19, จามบัล-ดาร์โช กอมโบเยฟ (Jambal Dorzho Gomboev, Жамбал-Доржо Гомбоев) ได้มีการนำร่างของอิติกิลอฟลามะขึ้นมาจากสุสานเพื่อทำพิธีอีกครั้งก่อนนำกลับไปฝังไว้ที่เดิน
2002 7 กันยายน, มีการนำเอาร่างของอิติกิลอฟ ลามะ ขึ้นมาทำพิธีอีกครั้ง และครั้งนี้ไ้ดมีการนำร่างของพระองค์ไปไว้ที่วัดไอลอฟกินนสกี(Ivolginsky datsan) ซึ่งสร้างไว้สำหรับเก็บร่างของพระองค์โดยเฉพาะ